
คุณรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล
ในการผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากลเพื่อขายข้าวเปลือกเท่านั้นไม่ใช่ปัญหาด้านการจัดการ เนื่องจากสินค้าขายตัวมันเองได้อยู่แล้ว แต่การเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าหรือผลพลอยได้จาการผลิตเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้านั้นๆ ผลดีจะเกิดกับตัวเกษตรกรผู้ผลิตเอง การสีข้าวสารอินทรีย์ขายทำให้เกิดผลพลอยได้คือ ข้าวหัก ปลายข้าว และรำข้าว ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรต้อง “ขายทิ้ง” ในราคาถูก ทั้งๆที่รู้ว่ามันน่าจะสร้างรายได้จากสิ่งเหล่านี้ได้แต่ยังขาดวิธีการจัดการและองค์ความรู้มากพอ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของการแปรรูปสินค้าอินทรีย์ ได้มีความพยายามหลายครั้งที่จะสร้างราคาให้กับผลพลอยได้เหล่านี้แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงมาก
ในฐานะเกษตรกรผู้หนึ่งจึงได้พยายามหาทางออกในปัญหาดังกล่าว จึงได้เริ่มศึกษาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลพลอยได้จากการแปรรูปข้าว พบว่า “รำข้าว” ซึ่งแต่เดิมใช้เลี้ยงสัตว์และขายในราคาถูกสุดๆ นั้นมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมหาสาร แต่ถ้าจะให้คน “กินรำ” คงยากมากจึงต้องหาวิธีการแปรรูป สินค้าในเชิงโภชนบำบัดที่เป็นที่ต้องการของตลาดคือ “น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์” ดังนั้น “ทำอย่างไร” จึงจะสกัดเอาน้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์ออกมาได้ จากการศึกษาค้นคว้าพบว่าต้องใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือชั้นสูงที่ต้อง “นำเข้า” จากต่างประเทศใกล้สุดคือเกาหลี ต้องลงทุนหลักล้านบาท จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับเกษตรกร
จากการทดลองแบบลองผิดลองถูกและจากการแสวงหาองค์ความรู้จากหลายๆแหล่งทั้งผู้รู้และอินเตอร์เน็ตด้วยความมุ่งมั่นว่าเครื่องสกัดนั้นมันรำข้าวแบบบีบเย็นเครื่องนี้ต้องมีสมรรถนะสูง ใช้วัสดุหาง่ายในท้องถิ่น ราคาถูก และเป็นนวัตกรรมแบบไม่ซับซ้อน เกษตรกรทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย และที่สำคัญสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลพลอยได้จากการแปรรูปของเรา คือ “รำข้าว” ให้เป็น “น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์” ได้อย่างมีประสิทธิภาพละคุณภาพทัดเทียมกับ เทคโนโลยีสมัยใหม่

ดร.คิด กับงานภายในกลุ่มฯ
เครื่องสกัดน้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์ แบบสกัดเย็น
ในปี ๒๕๕๖ ได้ประดิษฐ์เครื่องแบบกระบอกอัดโดยใช้กระบอกสูบและลูกสูบรถแทรคเตอร์ เป็นเครื่องอัดการทดลองทั้งปี ใช้รำข้าวไปกว่า 2 ตัน ได้น้ำมันรำข้าวน้อยมาก สีขุ่น มีกลิ่นหืน ไม่เหมาะแก่การบริโภค ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
ปี ๒๕๕๗ ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบเกลียวสว่าน หรือ สกรูเพลส ปรากฏว่าได้ผลดีกว่า ได้น้ำมันมากกว่า ใสขึ้น กลิ่นหืนน้อยลง และจากกลางปี ๒๕๕๗ ได้มีพัฒนามาจนเป็นเครื่องที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้น้ำมันคุณภาพเทียบเท่ากับเครื่องสกัดจากต่างประเทศ ใส ไร้กลิ่นหืน เป็นที่ชื่นชอบของตลาด แปรรูปจากรำมาเป็นน้ำมันรำข้าวมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า สร้างรายได้แก่เกษตรกรและครอบครัวตลอดจนกลุ่มเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรม ราคาเครื่องต้นทุนไม่ถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับเป็นความสำเร็จอย่างงดงาม.
ได้มีการต่อยอดการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยใช้ครีมจากการกรองน้ำมันรำข้าวทำเป็นครีมสคลับขัดหน้า ครีมหมักผม เนื่องจากอุดมด้วยวิตามินอี ส่วนกากรำที่สกัดแล้วได้มีโรงงานทำเบเกอร์รี่มาติดต่อขอซื้อไปแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว และในปีนี้บริษัทผลิตเครื่องสำอางจากญี่ปุ่นได้ติดต่อขอซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการสกัดน้ำมันรำข้าวนี้ทั้งหมด แต่ต้องมีการประเมินมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ญี่ปุ่น (JAS) เพิ่ม ซึ่งได้มีการตกลงทางการผลิตและทางธุรกิจอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว

ดูแลการจัดการงานของสมาชิกอย่างใกล้ชิด
-รางวัลปราชญ์เกษตรของแผ่นดินจังหวัดร้อยเอ็ด ปี 2558 สาขาผู้นำองค์กรเกษตร
-เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2558
การบรรจุน้ำมันรำข้าวและน้ำมันรำข้าวที่พร้อมจำหน่าย


บ้านเลขที่.94 ม.4
ตำบล.หนองพอก อำเภอ.ธวัชบุรี จังหวัด.ร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์.45107
อีเมล์ : dr.khit@gmail.com
เว็บไซต์ส่วนตัวหรือเฟซบุ๊ค : รณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล