เกษตรกรต้นแบบ
"วิเชียร ชีช้าง...ผู้โดดเด่นด้านการปลูกพริกอินทรีย์"
คุณวิเชียร ชีช้าง  จ. อุบลราชธานี ปี 2552

นายวิเชียร ชีช้าง เกษตรกรผู้ปลูกพริกขี้หนูลูกผสมผลใหญ่อินทรีย์ ผู้ซึ่งมีแนวคิดริเริ่มนำเอาสารชีวภาพมาใช้ในการปลูกพริก เดิมลุงวิเชียรเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เนื่องจากแต่งงานกับภรรยา ซึ่งเป็นคนอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี จึงย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับภรรยา และด้วยความที่มีใจรักในอาชีพเกษตรกรรม ประกอบกับพ่อ-แม่ภรรยาได้แบ่งที่ดินทำกินให้ส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ จึงได้เริ่มทำการเกษตร โดยแรกเริ่มทำนาเพียงอย่างเดียว ต่อมาสังเกตุเห็นว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ในแถบนั้นจะปลูกพริกเป็นอาชีพเสริมกัน ตนก็เห็นว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจ จึงปลูกพริกตามเขา

หลักคิดและการใช้ชีวิต

โดยริเริ่มนำเอาสารชีวภาพที่ทำเองมาใช้ในการปลูกพริก โดยทำได้ประมาณ 2-3 ปี สุขภาพเริ่มดีขึ้น ต้นทุนการผลิตต่ำลง ทำให้มีผลกำไรในการขายพริกเพิ่มมากขึ้น จึงหันมาปลูกพริกแบบไร้สารเคมี ทำให้ตั้งแต่นั้น ลุงวิเชียรประสบผลสำเร็จในการปลูกพริกแบบอินทรีย์ สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ที่สำคัญทำให้พริกอินทรีย์จากสวนลุงวิเชียรขายได้ในราคาสูงขึ้น ในราคากิโลกรัมละ 70-120 บาท (ส่งต่างประเทศ ) ในขณะที่เพื่อนบ้านข้างเคียงขายได้ในราคากิโลกรัมละ 20-50 บาทเท่านั้น และคุณวิเชียรยัง เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้เกษตรกรทั่วไปเข้ามาศึกษาดูงาน ด้านการทำเกษตรอินทรีย์ในสวนอีกด้วย

ความสามารถอันโดดเด่น

1. การปลูกพริกอินทรีย์

พันธุ์พริก :
พันธุ์พริกที่คุณวิเชียรปลูกจะมีหลายพันธุ์เช่น คือ พริกขี้หนูสวนผลใหญ่ พันธุ์ช่อระย้าเบอร์ 13 พันธุ์ทองดำ และพันธุ์หัวเรือเบอร์ 11 ซึ่งทุกพันธุ์ขายในราคาเดียวกันหมด

ขั้นตอนการปลูก :
การเตรียมดิน : ไถ 3 ครั้งตากดินทิ้งไว้ห่างกันครั้ง ละ 1 เดือนจากนั้นเตรียมแปลงปลูกโดยยกเป็นแปลงย่อยขนาดกว้าง 2 เมตร ยาวตามพื้นที่ปลูก
การเพาะกล้า : ใช้จอบยกแปลงแล้วใช้จอบหรือไม้ทุบย่อยดินให้ละเอียดพอสมควร เสร็จแล้วใช้น้ำหมักปลาและน้ำเอนไซม์ อย่างละ 1 ลิตร ผสมน้ำ 1 ลิตร รดให้ทั่วแปลงทิ้งไว้ 7 วัน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม หว่านเมล็ดแล้วใช้แกลบดิบหว่านกลบ รดน้ำอีกครั้งหลังจากที่เมล็ดงอกและพริกเริ่มมีใบจริง 2-3 ใบ ฉีดพ่นน้ำเอนไซม์อัตรา 3 ช้อนต่อน้ำ 10 ลิตรทุกวัน ติดต่อกัน 7 วันจนพริกเริ่มนำไปปลูกได้ (อายุไม่เกิน 45 วัน)

การปลูก :
เตรียมแปลงโดยยกร่อง กว้าง 2 เมตร ยาว 20 เมตร สูง 20 ซม. ใช้น้ำเอนไซม์และน้ำหมักปลาอย่างละ 1 ลิตรผสมน้ำ 50 ลิตรรดให้ทั่วแปลงแล้วขุดหลุมปลูกระยะ 30x30 ซม. ปลูก 1 ต้น/หลุม
การกำจัดวัชพืช กำจัดวัชพืช 2 ครั้ง ช่วงพริกเริ่มแตกตายอดและก่อนออกดอกโดยใช้จอบ เสียม หรือมือถอน

การใส่ปุ๋ย :
- ใช่ปุ๋ยฮอร์โมนน้ำหมักเร่งใบ+เอนไซม์+น้ำหมักปลา อัตรา 1 ลิตร/น้ำ 50 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วันจนพริกเริ่มแตกตายอด
- หลังปลูก 15 วัน ใส่ปุ๋ยมูลไก่เนื้อ อัตรา 200 กิโลกรัม/ไร่ หว่านให้ทั่วแปลง
- ช่วงก่อนพริกออกดอกฉีดพ่นฮอร์โมนเร่งดอกผล อัตรา1 ลิตร/น้ำ 100 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วัน ไปจนกว่าจะเก็บผลผลิตครั้งแรก
- เมื่อพริกเริ่มออกดอก ใส่ปุ๋ยมูลไก่เนื้อ อัตรา 1 ตัน/ไร่ หลังจากนั้นใส่ปุ๋ยมูลไก่ อัตรา 1 ตัน/ไร่ เดือนละ 1 ครั้ง

การให้น้ำ :
ให้น้ำครั้งแรกหลังปลูก 2 วัน จากนั้นให้น้ำทุกวันจนถึงเก็บเกี่ยวยกเว้นในกรณีมีฝนตก โดยอาจใช้มอเตอร์ไฟฟ้าปั้มน้ำจากสระผ่านทางสายยาง

การป้องกันกำจัดศัตรูพืช :
- เมื่อพบเพลี้ยไฟ ไรขาว หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ผัก แมลงวันทองระบาด ใช้น้ำหมักสมุนไพรฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน
- เมื่อพบเชื้อรรา โรคแอนแทรคโนส (โรคกุ้งแห้ง) โรคตากบ จะใช้เปลือกไม้รสฝาดหมักแล้วนำมาฉีดพ่นทุก 7 วัน

การเก็บเกี่ยว :
เก็บเกี่ยวเมื่อพริกสุกเป็นสีแดง บรรจุใส่ถุงพลาสติกเจาะรู (ถุงละ 10 กิโลกรัม)
เก็บไว้ในที่ร่ม ไม่วางถุงชิดกัน ไม่วางทับกัน

2. วิธีทำน้ำหมักสมุนไพร ป้องกันกำจัดโรคกุ้งแห้ง โรคตากบ ในพริก
สำหรับรักษาโรคราพืชและป้องกันโรคราพืช เช่น ราสนิม ราน้ำค้าง ราดำ โรคแอนแทรคโนส (โรคกุ้งแห้ง) โรคตากบ

วัตถุดิบ :
1. สมุนไพรที่มีรสฝาด เช่น หมาก,เปลือกมังคุด, ขมิ้น จำนวน 50 กิโลกรัม
2. กากน้ำตาล จำนวน 10 กิโลกรัม
3. หัวเชื้อจุลินทรีย์ จำนวน 1 ลิตร
4. น้ำเปล่า จำนวน 10 ลิตร
5. ถังขนาด 150 ลิตร

วิธีทำ :
-นำสมุนไพรรสฝาดที่เตรียมไว้ มาสับหรือทุบให้ละเอียด จากนั้นใส่ลงในถังที่เตรียมไว้
-ผสมกากน้ำตาล+หัวเชื้อจุลินทรีย์+น้ำเปล่า คนให้เข้ากัน เทใส่ลงในถัง ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในที่ร่ม

การนำไปใช้ :
- ฉีดพ่นอัตราส่วน น้ำยา 1 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร
- ฉีดพ่นในเวลาเย็น ทุกๆ 7 วัน

วิธีการเก็บรักษา :
ควรปิดฝาถังให้สนิท เก็บไว้ในที่ร่ม ห้ามเคลื่อนย้าย

3. สูตรเอนไซม์ บำรุงพืช (หมัก 1 ปีขึ้นไป)

วัตถุดิบ :
1. เศษอาหาร 3 กก.
2. กากน้ำตาล 1 กก.
3. น้ำสะอาด 10 ลิตร

วิธีการทำ :
- ถังพลาสติกมีฝาปิดขนาด 20-200 ลิตร แล้วแต่ปริมาณเศษอาหารที่จะนำมาหมัก
- ใช้กากน้ำตาล 1 ก.ก. ต่อเศษอาหาร 3 ก.ก. ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำเปล่า แล้วผสมคลุกเคล้าอีกครั้ง แล้วนำวัตถุดิบใส่ในถังหมัก
- ปิดฝาถังหมักให้สนิท หมักไว้ 3-6 เดือน ก็สามารถใช้ได้ แต่จะให้ดีต้องหมักข้ามปี

การนำไปใช้ :
- น้ำหมักปลาและน้ำเอนไซม์ อย่างละ 1 ลิตร ผสมน้ำ 1 ลิตร รดให้ทั่วแปลงทิ้งไว้ 7 วัน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม เพื่อบำรุงดินก่อนปลูกพืช
- ใช่เอนไซม์+ปุ๋ยฮอร์โมนเร่งใบ+น้ำหมักปลา อัตรา 1 ลิตร/น้ำ 50 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วันจนพริกเริ่มแตกตายอด
- ผสมน้ำปุ๋ยหมักกับอัตราส่วน 1 : 20 – 50 หรือไม่ผสมก็ได้ราดพื้นห้องส้วมชักโครกหรือจุดที่มีกลิ่นเหม็นบริเวณบ้าน หรือราดในท่อน้ำทิ้งเพื่อดับกลิ่นก็ได้ผลดี
- กากอาหารที่เหลือก็สามารถไปคลุมกับดินเป็นปุ๋ยต้นไม้ได้ดี

ข้อสังเกต :
ถ้าหมักได้ที่จะไม่มีแมลงวันหรือมีกลิ่นเหม็น แต่กลิ่นจะหอมอมเปรี้ยว
ถ้ามีกลิ่นเหม็นและมีกลิ่นก๊าซแอมโมเนีย แสดงว่าหมักไม่ได้ผล
ระหว่างหมักอาจจะมีหนอนแมลงวันเกิด แต่มันไม่กลายเป็นแมลงวัน จะเป็นหนอนตัวโตกว่าปกติ มีอายุอยู่นานได้หลาย ๆ วัน แล้วจะตายไปเอง

ประโยชน์ :
ปุ๋ยน้ำบำรุงดิน เพิ่มธาตุอาหารในดิน
ปุ๋ยน้ำ ช่วยบำรุงพืชผักและผลไม้

4. วิธีทำฮอร์โมนเร่งราก เร่ง ดอก ผล

วัตถุดิบ :
1. น้ำเอนไซม์ 1 ลิตร
2. กากน้ำตาล 1 กก.
3. น้ำมะพร้าว 5 ลิตร
4. ฟักทอง กล้วยน้ำว้า มะละกอ รวบรวมกันให้ได้ 3 กก.

วิธีทำ :
นำฟักทอง กล้วยน้ำว้า มะละกอ มาสับให้ละเอียด จากนั้นใส่ลงไปในถังหมัก เติมน้ำเอนไซม์ กากน้ำตาล และน้ำมะพร้าวลงไปคนให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 3 เดือนก็สามารถนำไปใช้ได้

การนำไปใช้ :
ใช้ร่วมกันกับเอนไซม์และน้ำหมักปลา โดย ใช่ปุ๋ยฮอร์โมนน้ำหมักเร่งใบ+เอนไซม์+น้ำหมักปลา อัตรา 1 ลิตร/น้ำ 50 ลิตร ฉีดพ่นทุก 7 วันจนพริกเริ่มแตกตายอด
ประโยชน์ ช่วยเร่งราก ดอก และผล

5.วิธีทำปุ๋ยปลา ช่วงเร่งดอก เร่งผลพืช

วัตถุดิบ :
1. ปลาเบญจพรรณ 50 กก.
2. น้ำมะพร้าว 20 ลิตร
3. เปลือกสับปะรด 20 กก. (สับเป็นชิ้นพอประมาณ)
4. กากน้ำตาล 10 กก.

วิธีทำ :
1. ปลาที่นำมาหมัก ต้องเป็นปลาที่ไม่เน่าหรือปลาทะเลควรล้างให้หายความเค็มก่อน ใส่ลงในถังหมัก
2. เติมเปลือกสับปะรดสับ น้ำมะพร้าว และกากน้ำตาล ลงไป ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ปิดฝาถังให้สนิท หมักทิ้งไว้ 1 ปีขึ้นไป จึงสามารถนำไปใช้ได้

การนำไปใช้ :
-ราดโคน (ไม้ผล) อัตรา 1 – 2 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร
-ฉีดพ่น (ไม้ผล) อัตรา ½ ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร
นำน้ำหมักปลาและน้ำเอนไซม์ อย่างละ 1 ลิตรผสมน้ำ 1 ลิตร รดให้ทั่วแปลงทิ้งไว้ 7 วัน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม

ประโยชน์ :
1. ทำให้พืชออกดอกเร็ว เก็บผลผลิตได้เร็ว ได้ผลผลิตปริมาณที่มากขึ้นและมีคุณภาพดี
2. ลงทุนน้อย ลดต้นทุนในการผลิตและสามารถผลิตไว้ใช้เองในครัวเรือน
3. ไม้ผลจะมีรากแข็งแรง ใบสวย ใบใหญ่และยังปรับให้สภาพพื้นที่ดินดี ไม่เสีย ไม่เปรี้ยว

6. วิธีทำน้ำสกัดสมุนไพร 10 ชนิด ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช

วัตถุดิบ :
สมุนไพร อย่างละ 3 กก.

ประกอบด้วย : 1. รากพิมาน 2. ต้นหน่อง 3. ต้นไข่จระเข้ 4. หางไหล 5. บอระเพ็ด 6. ข่า 7. สะเดา
8. ตะไคร้หอม 9. ลูกพันชาด 10. ยาเส้น

วิธีทำ :
นำสมุนไพรทั้ง 10 ชนิด มาสับ ไม่ต้องละเอียด จากนั้นนำไปหมักในถังหมักที่มีฝาปิด เติมน้ำพอท่วม ปิดฝาถังให้สนิท หมักทิ้งไว้ 7 วัน จากนั้นนำมากลั่นไอน้ำ (ในถังน้ำมัน 200 ลิตร)

การเก็บรักษา :
นำน้ำกลั่นสมุนไพรที่ได้ บรรจุในขวดแก้วปิดฝาให้สนิท

การนำไปใช้ :
นำน้ำกลั่นสมุน 1 ลิตร ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน

ประโยชน์ :
สามารถนำไปฉีดพ่น ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพริก พืชผัก และไม้ผล เช่น เพลี้ยไฟ ไรขาว หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้ผัก และแมลงวันทองที่ระบาด

เกียรติประวัติและผลงาน

-เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2552
-เกษตรกรดีเด่น สาขา การใช้วิชาการเกษตรที่ดีและเหมาะสม ปี 2550
-ใบรับรองแหล่งผลิตพืช (GAP) โครงการความปลอดภัยอาหาร (Food safety) ด้านพืช (พริก) ปี พ.ศ.2549
-ใบรับรองผลิตภัณฑ์อินทรีย์ มาตรฐานประเทศไทย กรมวิชาเกษตร (ข้าวหอมมะลิและพริก) ปี พ.ศ. 2551
-ประธานอาสาสมัครเกษตร ตำบลหนองฮาง
-รองประธานสภาเกษตรกรไทย อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี

วิเชียร ชีช้าง
ข้อมูลการติดต่อ

47 ม.4 ต.หนองฮาง อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี 34140

เรื่อง/ภาพโดย: ทีมงานรักบ้านเกิด