24 พ.ย.58 นางหนูภา พลภาวร ชาวสวนยางพารา ต.เขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ชาวสวนยางพาราเผชิญกับปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ถึงแม้ภาครัฐจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือ แต่เกษตรกรชาวยางพารายังคงมีต้นทุนสูง ทั้งปุ๋ย และค่าอุปกรณ์ทางการเกษตร รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น ชาวสวนยางกว่า 6 ครัวเรือน ได้โค่นต้นยางพาราแบ่งปลูกกล้วยและข้าวโพด ระหว่างยางที่ยังกรีดไม่ได้ เพื่อหาได้รายได้เสริมอีกทางหนึ่ง
จากข้อมูลพบว่าใน ต.เขาโร อ.ทุ่งสง มีชาวสวนปลูกยางพาราส่วนใหญ่โค่นต้นยางบางส่วน แล้วแบ่งพื้นที่มาปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง กล้วยเล็บมือนาง และข้าวโพด เนื่องจากช่วงนี้ราคากล้วยน้ำว้าแม่ค้าขายกล้วยทอดและแม่ค้ามาซื้อหน้าสวน ราคาหวีละประมาณ 15-20 บาท หากเป็นท้องตลาดทั่วไป ตกราคาหวีละ 25 บาท
จากข้อมูลพบว่าใน ต.เขาโร อ.ทุ่งสง มีชาวสวนปลูกยางพาราส่วนใหญ่โค่นต้นยางบางส่วน แล้วแบ่งพื้นที่มาปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง กล้วยเล็บมือนาง และข้าวโพด เนื่องจากช่วงนี้ราคากล้วยน้ำว้าแม่ค้าขายกล้วยทอดและแม่ค้ามาซื้อหน้าสวน ราคาหวีละประมาณ 15-20 บาท หากเป็นท้องตลาดทั่วไป ตกราคาหวีละ 25 บาท
ด้านนางยุพิน ชอบทำกิจ ชาวสวนยาง ต.เขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากที่ราคายางพาราตกต่ำส่งผลกระทบต่อรายจ่ายของครอบครัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคายางพาราเมื่อก่อน กิโลกรัมละ 100-120 บาท ปัจจุบันเหลือ กิโลกรัมละ 35 บาท แต่ราคาสินค้าในท้องตลาดกลับสูงขึ้น ทำให้ครอบครัวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องโค่นต้นยางบางส่วนแล้วหันมาปลูกกล้วยเสริมในช่วงยางพาราราคาตก เพราะในสวนยางอายุ 1 ปี สามารถปลูกกล้วยได้ช่วงระยะหนึ่ง เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่ง เพราะช่วงนี้กล้วยราคาดีและกล้วยสามารถขายได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นผลหรือใบ และขอวิงวอนทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หาแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ
เรียบเรียงโดย : สิทธิโชค กุลสุข. เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช
เรียบเรียงโดย : สิทธิโชค กุลสุข. เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช