เรื่องเด็ดเกร็ดเกษตร

เตือนชาวไร่มันสำปะหลัง เฝ้าระวังการระบาดของโรครากเน่า-โคนเน่า หลังพบระบาดหนักในพื้นที่ จ.โคราช

15 กรกฏาคม 2558
6,717
(6 ก.ค. 58) เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในทุกภาคของประเทศไทย เนื่องจากฝนเริ่มตกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา สระแก้ว สระบุรี บุรีรัมย์ ฉะเชิงเทรา ระยอง และจังหวัดอุบลราชธานีเนื่องจากขณะนี้พบการ
ระบาดของปัญหาโคนเน่า หัวเน่ามันสำปะหลัง ระบาดใน 5 อำเภอ ของจังหวัดนครรำชสีมา ได้แก่ อำเภอเสิงสาง
ครบุรี หนองบุญมาก โชคชัย และอำเภอปากช่อง จึงขอให้เกษตรกรจังหวัดดังกล่าว และจังหวัดใกล้เคียง ติดตาม
สถานการณ์การระบาดของปัญหาโคนเน่า หัวเน่ามันสำปะหลัง และให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงมันสำปะหลังอย่างสม่ำเสมอ
++ อาการของพืชที่เป็นโรค ++

ลักษณะอาการที่สามารถมองเห็นได้จากความผิดปกติของต้นมันสำปะหลัง ส่วนที่อยู่เหนือดินจะพบว่า ใบมันสำปะหลังแสดงอาการเหี่ยวเหลือง โคนต้นแสดงอาการเน่าเป็นสีน้ำตาล หรือดำ หรือบางพันธุ์โคนต้นมีการสร้างรากค้ำชู ขึ้นตรงรอยแตกของโคนต้นมันสำประหลัง และเมื่อถอนขึ้นมาหัวมันแสดงอาการเน่า ถ้าผ่าหรือหักหัวมันดูจะเห็นภายในเป็นสีน้ำตาล ในบางพันธุ์ต้นมันอาจมีการเน่าที่โคนและส่วนของหัวใต้ดินโดยที่ส่วนลำต้นและใบยังคงมีลักษณะปกติ หรือบางพันธุ์แสดงอาการรุนแรงยืนต้นตายหรือเน่าตาย ดังนั้น การสำรวจจึงมีความจำเป็นต้องเดินลงไปสำรวจในแปลงและถอนต้นมันสำปะหลังขึ้นมาดู เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริงอย่างรวดเร็วก่อนที่การระบาดจะแพร่กระจายออกไปจนยากที่จะจัดการได้

++ แนวทางการป้องกันก้าจัด ++

1.ก่อนการปลูก เก็บเศษเหง้า หรือเศษซากมันสำปะหลังเผาทำลายทิ้ง ทำความสะอาดเครื่องจักรกลการเกษตร ควรมีการไถตากดินอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อราเมทาแล็คซิล อัตรา 20 - 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร รวมถึงการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาไปหว่านในช่วงการเตรียมดินก่อนปลูก



2.สำรวจติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ช่วงฝนชุกควรตรวจแปลงทุกวัน พบการระบาดให้ขุดถอนต้นที่แสดงอาการไปเผาทำลาย จากนั้นบริเวณที่แสดงอาการและโดยรอบห่างออกไปประมาณ 1 เมตร ให้หว่านปูนขาว หรือโรยเชื้อราไตรโครเดอร์มาบริเวณรอบโคนต้นที่ขุดออก หรือกรณีระบาดรุนแรงมากใช้สารเคมีฟอสอีทิล อลูมิเนียม อัตรา40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ราดต้นละ 300 ซีซี หรือพ่นอัตรา 150 กรัมต่อไร่



3.หลังการระบาดและก่อนปลูกใหม่ แปลงที่เคยระบาดน้อยหรือปานกลางควรเลื่อนฤดูปลูกเป็นปลูกปลายฝนเพื่อให้ผลผลิตออกในฤดูแล้ง เลือกใช้พันธุ์ให้เหมาะกับพื้นที่ กำจัดซากพืชออกให้หมดไถระเบิดดินดานและตากดินหว่านปูนขาวเพื่อปรับสภพพดิน แช่ท่อนพันธุ์ป้องกันเชื้อราก่อนปลูก ถ้าแปลงที่เคยปลูกเสียหายมากกว่าครึ่งหรือมากกว่าร้อยละ 50 ต้องเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น อ้อย และข้าว



ทั้งนี้เกษตรกรสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา โทร 044-244874



เรียบเรียงโดย : เพิก กองศรี เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครราชสีมา