สำหรับการกู้พบว่า ธ.ก.ส.ให้ข้อเสนอเงินกู้ดีที่สุด จึงเลือกกู้เงินจาก ธ.ก.ส. เพราะคิดดอกเบี้ยผ่อนปรนร้อยละ 4.25 ต่อปี ซึ่งการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อคณะกรรมการของ ธ.ก.ส.จะประชุมพิจารณาคำขอสินเชื่อของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2558 และ ธ.ก.ส.จะจัดพิธีลงนามสัญญาเงินกู้วันที่ 16 กรกฎาคม 2558 สำหรับการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกร คาดว่า ธ.ก.ส.จะจ่ายเงินสำหรับเกษตรกรรายที่ส่งเอกสารครบถ้วนถูกต้องและได้รับการตรวจสอบแล้วภายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ โดยงวดแรกจะจ่าย 80% ของรายชื่อในวันแรก และ 90% จ่ายเสร็จภายใน 1 เดือนเท่านั้น ส่วนการชำระคืนเงินกู้จะใช้เงินจากการขึ้นราคาน้ำตาลกิโลกรัมละ 5 บาท นำไปชำระเดือนละ 1,000 ล้านบาท ส่วนภาพรวมหนี้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมียอดหนี้เดิมที่กู้ฤดูการผลิตปี 2549/2550 ซึ่งวางแผนชำระหนี้เสร็จปี 2563 แบ่งชำระหนี้ ธ.ก.ส.ปีละ 450 ล้านบาท ล่าสุดยังเหลือหนี้อีก 2,100 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่กู้เงินช่วยค่าอ้อยปีที่แล้ว คือ ฤดูการผลิตปี 2556/2557 ยังเหลือหนี้ที่ต้องชำระอีก 4,700 ล้านบาท คาดอีก 4 เดือนชำระส่วนนี้หมด นายชัยวัฒน์ คำแก่นคูณ ประธานชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อชาวไร่อ้อยเช่นกัน โดยกระทบแรงเป็นประวัติการณ์ทั้งปัญหาแหล่งน้ำ ชาวไร่อ้อยค่อนข้างเดือดร้อน ผลผลิตจะต่ำลงไป ซึ่งหวังว่าเงินเพิ่มค่าอ้อยจะมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรได้ ---------------------- ^ ^ ----------------------- ที่มา : "เศรษฐกิจ".บ้านเมือง.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก : http://www.banmuang.co.th/news/economy/20611 |



