นายชาตรี ไกรอ่อน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 8 บ้านศรีเชียงใหม่ ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตนมีที่นาปลูกข้าวจำนวน 30 ไร่ จึงคิดว่าหากปลูกข้าวทำนาเพียงอย่างเดียว ต้องใช้น้ำเยอะ จะเกิดความเสี่ยงหรือขาดทุนได้สูง พอดีมีประกาศงดทำนาปรัง ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 2 ติดกันในการให้งดทำนาปรัง จึงหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยจำนวน 20 ไร่ ส่งขายตลาดขายส่งผัก ผลไม้ อุดรเมืองทอง ในตัวเมืองอุดรธานี
"จะปลูกผัก เช่น ผักคะน้า กวางตุ้งดอก แมงลัก โหระพา บวบเหลี่ยม เป็นต้น ระยะเวลาในการปลูก 45 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตออกจำหน่ายได้ ส่วนการดูแลนั้นไม่ยาก โดยจะรดน้ำพืชที่ปลูก 2 ครั้ง ต่อ 1 วัน หรือเช้าและเย็นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องดูแลมากเหมือนการปลูกข้าว ซึ่งรายได้ในการปลูกพืชใช้น้ำน้อยก็พอเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนราคาผัก ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นๆ มีผักออกสู่ตลาดมากน้อยเพียงใด" ชาวนาที่หันมาปลูกผักกล่าว
"จะปลูกผัก เช่น ผักคะน้า กวางตุ้งดอก แมงลัก โหระพา บวบเหลี่ยม เป็นต้น ระยะเวลาในการปลูก 45 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตออกจำหน่ายได้ ส่วนการดูแลนั้นไม่ยาก โดยจะรดน้ำพืชที่ปลูก 2 ครั้ง ต่อ 1 วัน หรือเช้าและเย็นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องดูแลมากเหมือนการปลูกข้าว ซึ่งรายได้ในการปลูกพืชใช้น้ำน้อยก็พอเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนราคาผัก ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นๆ มีผักออกสู่ตลาดมากน้อยเพียงใด" ชาวนาที่หันมาปลูกผักกล่าว
ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ริมถนนทางหลวง เส้น 226 อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ ใกล้ซุ้มประตูเมืองอุบลราชธานี ต.ท่าลาด อ.วารินชำราบ ชาวบ้านได้ปลูกสร้างเพิงไม้เล็กๆ ริมถนน 2 ข้างทาง เพื่อวางขายแตงโม ตั้งเรียงรายกว่า 10 เพิง ได้รับความสนใจจากประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมาแวะเวียนเลือกซื้อผลไม้กันตลอดทั้งวัน
นางสุกรรณ ชาชุมพร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 1 ต.ท่าลาด อ.วารินชำราบ แม่ค้าขายแตงโม กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวมีอาชีพทำนา ทุกปีหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ตนจะใช้เวลาว่างไปรับซื้อแตงโม จากสวนของเกษตรกรที่อยู่ต่างอำเภอบ้าง หรือต่างจังหวัดบ้าง ในราคากิโลกรัมละ 3-5 บาท มาคัดแยกขนาด ลูกเล็ก ลูกใหญ่ แล้วจัดวางขายให้สวยงามภายในเพิงไม้เล็กๆ ข้างถนนแห่งนี้ โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ลูกละ 5 บาท 20 บาท 30 บาท 40 บาท และขนาดใหญ่สุด ราคา 50 บาท ได้รับความสนใจจากลูกค้ามาเลือกซื้อกลับไปรับประทาน และเป็นของฝากญาติผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ประกอบกับเส้นทางเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่าง จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ รวมทั้งสามารถเดินทางไปกรุงเทพฯ ได้ด้วย
นางสุกรรณ ชาชุมพร อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 1 ต.ท่าลาด อ.วารินชำราบ แม่ค้าขายแตงโม กล่าวว่า ตนเองและครอบครัวมีอาชีพทำนา ทุกปีหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ตนจะใช้เวลาว่างไปรับซื้อแตงโม จากสวนของเกษตรกรที่อยู่ต่างอำเภอบ้าง หรือต่างจังหวัดบ้าง ในราคากิโลกรัมละ 3-5 บาท มาคัดแยกขนาด ลูกเล็ก ลูกใหญ่ แล้วจัดวางขายให้สวยงามภายในเพิงไม้เล็กๆ ข้างถนนแห่งนี้ โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ลูกละ 5 บาท 20 บาท 30 บาท 40 บาท และขนาดใหญ่สุด ราคา 50 บาท ได้รับความสนใจจากลูกค้ามาเลือกซื้อกลับไปรับประทาน และเป็นของฝากญาติผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ประกอบกับเส้นทางเป็นถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่าง จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ รวมทั้งสามารถเดินทางไปกรุงเทพฯ ได้ด้วย
"แตงโมนอกจากจะขายในราคาปลีกแล้ว ยังขายในราคาขายส่งให้กับแม่ค้ารายย่อยที่นำไปขายต่อ ในราคากิโลกรัมละ 6-7 บาท โดยในแต่ละวัน มีรายได้จากการขายแตงโม วันละประมาณ 1,000-2,000 บาท ขณะเดียวกัน ได้ไถตอซังข้าวบนที่นาของตัวเองเพื่อปรับผิวดิน เตรียมปลูกแตงโมไว้ขายเองในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากได้ข่าวว่าทางราชการประกาศให้งดทำนาปรังในปีนี้ จึงคิดว่า ในช่วงหน้าแล้งจะปลูกแตงโม ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยนำมาขายหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และส่งลูกเรียนหนังสือ" แม่ค้าแตงโม กล่าว
แหล่งที่มาของข้อมูล : "ชาวนาไม่รอน้ำ อุดรฯปลูกผัก อุบลฯปลูกเพิงขายแตงโม หาเงินส่งลูกเรียน.". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.thairath.co.th/content/541397