เนื่องมาจากฝนที่ตกน้อยกว่าปกติ หรือไม่ตกตามฤดูกาลส่งผลทำให้ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค จึงเกิดปัญหาภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อตัวเกษตรกรเอง และผลผลิตที่ได้น้อยลง จึงอยากแนะให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชทนแล้งในนาข้าวเพื่อสร้างรายได้ คือพืชผักที่ใช้น้ำน้อย ทนต่อสภาวะแล้งได้ดี ซึ่งก็มีอยู่มากมาย อาทิเช่น มะละกอ ข้าวโพด พริก อ้อย งา แต่พืชที่ต้องการน้ำน้อย ทนแล้ง และมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น คือพืชจำพวกตระกูลถั่ว เป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย แต่สามารถเจริญเติบโตได้เร็ว และหลังเก็บเกี่ยวนั้นสามารถที่จะไถกลบตอซัง สามารถเป็นปุ๋ยบำรุงดิน เพราะพืชชนิดนี้สามารถช่วยเพิ่มไนโตเจนในดินได้ดีอีกด้วย ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อ
ส่วนหน้าแล้งในบ้านเรานั้นจะมีทั้งก่อน และหลังทำนาปีตั้งแต่หลังเกี่ยวข้าวเสร็จกลางเดือนพฤศจิกายน -กุมภาพันธ์ และแล้งอีกที คือ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ไปจนถึงก่อนเข้าหน้าฝน จึงอยากฝากในช่วงหน้าแล้งนี้ให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชทนแล้งเพื่อสร้างรายได้หมุนเวียน และเกษตรกรเองยังมีรายได้อย่างต่อเนื่อง
หากเกษตรกรต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการและถ่ายทอด เทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน หรือกลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา โทร. 044-255652 ได้ในวันเวลาราชการ
แหล่งที่มาของข้อมูล : กิตติ วัฒนกสิการ:สัมภาษณ์,สัมภาษณ์. 2 พฤศจิกายน 2558.
เรียบเรียงโดย : อังศุมาลิน รัตนจิตร. เจ้าหน้าที่ศูนย์ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครราชสีมา
แหล่งที่มาของข้อมูล : กิตติ วัฒนกสิการ:สัมภาษณ์,สัมภาษณ์. 2 พฤศจิกายน 2558.
เรียบเรียงโดย : อังศุมาลิน รัตนจิตร. เจ้าหน้าที่ศูนย์ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครราชสีมา