นายมีชัย นาดี อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 6 บ้านนาทราย ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากไม่ได้ทำนาปรัง และก็ไม่สามารถปลูกพืชสวนครัวอะไรได้เลย เนื่องจากเกิดภัยแห้งแล้งไม่มีน้ำ จึงได้ออกมาแหย่หรือสอยไข่มดแดง ตามต้นไม้ริมถนนข้างทาง เพื่อนำไข่ของมันไปขายในตลาด ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมาก แต่เนื่องจากสภาวะภัยแล้ง ฝนไม่ตก ก็ทำให้มดแดงไม่ค่อยทำรัง ทำให้มดแดงเองก็มีปริมาณลดน้อยเหมือนกัน ไม่เหมือนแต่ละปีที่ผ่านมา
ดังนั้น การหาไข่มดแดงในแต่ละวัน จึงต้องใช้ระยะทางไกลกว่าเดิม จากปกติจะหาแหย่ไข่มดแดง ในต.บ้านเลื่อม แต่ต้องมาเปลี่ยนเส้นทางมาที่ต.หมูม่นแทน แต่ละวันจะหาไข่มดแดงได้วันละ 1-2 กิโลกรัม แล้วนำไปขายที่ตลาดบ้านบ่อน้ำ เขตเทศบาลเมืองหนองสำโรง แล้วใช้ช้อนโต๊ะตักแบ่งเป็นกองๆ ละ 3 ช้อนราคา 50 บาท ได้เงิน วันละ 800-1,000 บาท ถือเป็นรายได้เสริมเลี้ยงตัวเองและครอบครัวในช่วงหน้าแล้งนี้
นายมีชัย กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการแหย่ไข่มดแดงแบบดั้งเดิม คือนำถุงกระสอบข้าวสารเก่าทำปากถุงเป็นทรงกลม ขนาดใหญ่พอสมควร มัดติดกับปลายไม้ไผ่ยาว แล้วนำขึ้นไปแหย่ใต้รังมดแดง ให้ปลายไม้แทงเข้ารังมดแดงให้แตก แล้วเขย่าให้ไข่มดแดลงตกลงมาในถุง แล้วนำไข่มดแดงที่ได้เทลงใส่ถาดที่เตรียม ให้มดแดงวิ่งหนี ก่อนที่โรยแป้งมันใส่ทั้งไข่ทั้งมดแดง เพื่อให้มดแดงไม่กัดไข่หรือคาบไข่วิ่งออกไป ซึ่งเป็นการแยกมดออกจากไข่ และไข่มดแดงก็จะไม่ติดกัน
ส่วนการที่ไม่ให้มดแดงไต่ขึ้นมาที่ขาของเรา ควรใส่รองเท้าบู๊ทแล้วโรยแป้งมันที่รองเท้า เพื่อไม่ให้มดแดงไต่ขึ้นมาได้ เพราะแป้งมันจะทำให้มดแดงมันลื่น ไต่ขึ้นตัวเราไม่ได้ สำหรับช่วงฤดูวางไข่ของมดแดงนั้น อยู่ในระหว่างต้นเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เท่านั้น ซึ่งเป็นที่ทำนาไม่ได้พอดี จึงได้ออกมาหารายได้เสริมจุนเจือครอบครัว และยังแบ่งไว้ประกอบทำอาหารรับประทานในครอบครัว ซึ่งรายได้ถือว่าดีมากพอสมควร
|



