และไม่ใช่ไส้เดือนต่างถิ่นนำเข้าจากประเทศไหน...อยู่ในดินบ้านเรานี่แหละ
"ผมเริ่มศึกษาและทดลองเลี้ยงไส้เดือนสารพัดพันธุ์มาหลายสิบปี เพิ่งมาพบไส้เดือนสีน้ำเงิน มีชื่อสามัญว่า Blue worm มีลักษณะพิเศษ นอกจากมีกลิ่นหอมไม่เหมือนไส้เดือนพันธุ์อื่น ยังขยายพันธุ์ได้เร็วมาก หากเริ่มต้นด้วยพ่อแม่พันธุ์ 1,000 ตัว ภายใน 1 ปี จะเพิ่มเป็น 15,000 ล้านตัว ไม่รวมไข่อีกกว่า 20,000 ล้านฟอง"
รศ.ดร.สมชัย จันทร์สว่าง ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า ไส้เดือนสีน้ำเงินไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ เราสามารถพบได้ตามป่าสมบูรณ์ในประเทศเขตร้อนแถบเอเชีย ไล่ตั้งแต่อินเดียยันประเทศไทย
รศ.ดร.สมชัย จันทร์สว่าง ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า ไส้เดือนสีน้ำเงินไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ เราสามารถพบได้ตามป่าสมบูรณ์ในประเทศเขตร้อนแถบเอเชีย ไล่ตั้งแต่อินเดียยันประเทศไทย
แต่ที่ถือเป็นการค้นพบครั้งแรกอันน่าพิศวง คือเป็นไส้เดือนชนิดเดียวที่มีกลิ่นดอกโมก
และเจ้ากลิ่นหอมที่ว่านี้มาจากน้ำสีเหลืองอ่อนกลางลำตัวของไส้เดือน (Coelomic fluid) เมื่อจับตัวมันเอามาไว้ในมือ มันจะขับกลิ่นนี้ออกมาจากตัวด้วยสัญชาตญาณ
และเจ้ากลิ่นหอมที่ว่านี้มาจากน้ำสีเหลืองอ่อนกลางลำตัวของไส้เดือน (Coelomic fluid) เมื่อจับตัวมันเอามาไว้ในมือ มันจะขับกลิ่นนี้ออกมาจากตัวด้วยสัญชาตญาณ
น้ำสีเหลืองอ่อนมีกลิ่นหอมนี่แหละกำลังถูกนำไปใช้ต่อยอดงานวิจัยเพื่อนำไปใช้สกัดหาสารกำจัดเชื้อรา ที่ผลิตสารพิษอะฟลาทอกซิน อันเป็นสารก่อมะเร็ง...ไม่แน่ต่อไปการเลี้ยงไส้เดือนจะไม่ใช่แค่เลี้ยงเอาตัว เลี้ยงทำปุ๋ยแค่นั้น แต่รวมไปถึงเลี้ยงเพื่อทำยาต้านมะเร็งด้วย
นอกจากกลิ่นหอมอันเป็นประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว ไส้เดือนสีน้ำเงินยังมีความพิเศษด้วยมีขนาดตัวที่เล็ก ทำให้มูลมีขนาดเล็กละเอียด ย่อยสลายได้เร็ว พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่ามูลไส้เดือนชนิดอื่น
นอกจากกลิ่นหอมอันเป็นประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว ไส้เดือนสีน้ำเงินยังมีความพิเศษด้วยมีขนาดตัวที่เล็ก ทำให้มูลมีขนาดเล็กละเอียด ย่อยสลายได้เร็ว พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่ามูลไส้เดือนชนิดอื่น
ตู้ลิ้นชักแบบนี้ก็เลี้ยงได้.
ด้วยมีขีดความสามารถในการขยายพันธุ์ได้เร็วมาก ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงแนะนำส่ง เสริมให้นำไปใช้ประโยชน์ในการกำจัดขยะอินทรีย์ ผลิตปุ๋ยหมัก และนำไปผลิตเป็นวัตถุดิบในอาหารสัตว์น้ำ
ด้วยมีขีดความสามารถในการขยายพันธุ์ได้เร็วมาก ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงแนะนำส่ง เสริมให้นำไปใช้ประโยชน์ในการกำจัดขยะอินทรีย์ ผลิตปุ๋ยหมัก และนำไปผลิตเป็นวัตถุดิบในอาหารสัตว์น้ำ
เพราะเป็นไส้เดือนที่เลี้ยงง่ายในกะละมัง โดยไม่ต้องมีฝาปิด ไส้เดือนสีน้ำเงินจะไม่หนีไปไหน หรือจะเลี้ยงในบ่อ อ่าง ตู้ชั้น ที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด อาหารที่ใช้เลี้ยงก็ไม่มีอะไรมาก เศษใบไม้ เศษอาหาร ของเหลือ มูลสัตว์ ใช้ได้หมด
สนใจเลี้ยงไส้เดือนสีน้ำเงิน สร้างอาชีพขายปุ๋ย ทำอาหารสัตว์น้ำ สอบถาม รศ.สมชัย ได้ที่ 08-1867-0907 สนนราคา กก.ละ 700 บาท จะได้พ่อแม่พันธุ์ประมาณ 3,300 ตัว เพียงแค่ 3 เดือน จะได้ไส้เดือนสีน้ำเงินเพิ่มเป็น 300,000 ตัว และได้ปุ๋ยราว 500 กก. นี่เฉพาะเพาะเลี้ยงทำเงินแค่รุ่นแรก.