คุณอำพรรณ สุวรรณกูฏ ผู้เลี้ยงปลานิลในกระชัง บ้านบุ่งมะแลง ตำบลบุ่งมะแลง เปิดเผยกับทีมงานร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.อุบลราชธานี ว่า ปีนี้ ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง หลายรายประสบปัญหาการเลี้ยงปลานิลเพื่อจำหน่ายคล้ายๆกัน คือ สภาพอากาศที่แปรผัน อุณหภูมิในน้ำที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลให้ปลาตาย และได้ขนาดปลาไม่เป็นที่ต้องการของตลาด พ่อค้า แม่ค้า ที่มารับซื้อปลาที่กระชัง ก็มีการคัดเลือกขนาดของตัวปลาที่ต้องการ ทำให้ปลาตัวที่เล็กกว่าขายไม่ได้ราคา ประกอบกับราคาปลานิลที่เคยขายได้กิโลกรัมละ 65 บาท ขณะนี้ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 60 บาท ขณะที่ต้นทุนในการเลี้ยงเพิ่มขึ้น ตนจึงคิดที่จะแปรรูปปลานิลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการทำเป็นปลาแดดเดียวขายในตลาด และแปรรูปเป็นปลาส้มส่งขายได้ราคาดีกว่าขายสด
คุณอำพรรณ ได้กล่าว ว่า ปลานิล 100 กิโลกรัม จะทำปลานิลแดดเดียวออกมาได้ประมาณ 30 กิโลกรัม ได้ก้างประมาณ 8 กิโลกรัม ใช้ทุนในการทำ ราวๆ 4,800 บาท ขายแบบยังไม่ทอด จะมีรายได้ก่อนหักต้นทุน 8,450 บาท สำหรับการจำหน่ายนั้น เนื้อปลานิลแดดเดียวที่ยังไม่ทอด ขายกิโลกรัมละ 200 บาท ถ้าทอดแล้วขาย กิโลกรัมละ 350 บาท ก้างที่ยังไม่ทอดขาย กิโลกรัมละ150 บาท ที่ทอดแล้วขาย กิโลกรัมละ 250 บาท ขณะที่ปลาส้มขายกโลกรัมละ 120 บาท โดยตนมั่นใจว่าถ้าทำให้มีมาตรฐาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสด สะอาดอร่อย จะสามารถสร้างอาชีพและรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
แหล่งที่มาของข้อมูล : อำพรรณ สุวรรณกูฏ 145 หมู่ 1 บ้านบุ่งมะแลง ตำบลบุ่งมะแลง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัด
อุบลราชธานี ,สัมภาษณ์ ,08 สิงหาคม 2558.
เรียบเรียงโดย : ภูวไนย ใจหาญ เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.อุบลราชธานี
อุบลราชธานี ,สัมภาษณ์ ,08 สิงหาคม 2558.
เรียบเรียงโดย : ภูวไนย ใจหาญ เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.อุบลราชธานี