![]() |
นางชูศรี ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนประสบกับปัญหาไม่มีที่ดินทำกินก็ได้ไปทำงานรับจ้างทำไร่ทำสวนหารายได้เป็นรายวัน แต่มาในระยะหลังร่างกายสู้ไม่ไหว ตนจึงได้ไปทำธุรกรรมการเงินกับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์กู้เงินมาลงทุน แล้วมาประกอบอาชีพ เลี้ยงเป็ดและไก่ไข่ แล้วนำไข่ที่ได้มาหมักเค็มด้วยสมุนไพรนำไปจำหน่ายในตลาดนัดใกล้บ้านหรือตามที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งตนเลี้ยงมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนแรกเริ่มเลี้ยงเพียง 120 ตัว ซื้อมาตัวละ 28 บาท แล้วมาทยอยเพิ่มขยายเป็น 300 ตัว เก็บไข่ได้วันละประมาณ 240 ฟอง นำมาแยกจำหน่ายเป็น 3 เบอร์ เบอร์ 1 ลูกละ 4 บาท แผงละ 120 บาท เบอร์ 2 ลูกละ3.50 บาทแผงละ 100 บาท เบอร์ 3 ลูกละ 3 บาท แผงละ 90 บาท
บางส่วนก็นำไปหมักเค็มด้วยสมุนไพรเพื่อแปรรูปจำหน่ายในระยะยาว ซึ่งได้นำไปแพ็คใส่ถุง จำหน่ายถุงละ30 บาทขายในตลาดก็ขายหมดเกือบทุกครั้ง ส่วนใบไหนที่แตกก็จะมากระเทาะเปลือกออกใส่ถุงพลาสติกแยกขายต่างหากเป็นอีกราคา บางส่วนนำไปทำน้ำพริกเผาไข่เค็มซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ มีลูกค้ามารอซื้อจนผลิตไม่ทัน แต่มาในระยะหลังๆนี้ผลผลิตไข่เป็ดไข่ไก่เริ่มลดลงเนื่องจากประสบกับปัญหาภัยแล้งไม่มีน้ำเพียงพอที่จะมาไว้เลี้ยงสัตว์ จึงทำให้เป็ดและไก่ที่เลี้ยงไว้ออกไข่น้อยลงกว่าเดิม แหล่งที่มาของข้อมูล : "เกษตรกรประสบภัยแล้ง หันทำ ไข่เค็มสมุนไพร -น้ำพริกเผาไข่เค็ม ขายรายได้ดี.". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1435049088 |


