ที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้เกษตรกรชาวสวนสับปะรดกำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนจากราคาตกต่ำ เนื่องจากพื้นที่ อ.โพนสวรรค์ และ อ.ท่าอุเทน ถือเป็นพื้นที่แหล่งผลิตปลูกสับปะรดหวานขึ้นชื่อ ที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดและยังเป็นผลผลิตทางการเกษตร สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีรสชาติหวานฉ่ำ กลิ่นหอม ไม่กัดลิ้น ตาตื้น สร้างรายได้ ให้กับเกษตรกรปีละหลาย 10 ล้านบาท ปัจจุบัน มีพื้นที่ปลูกมากกว่า 8,000 ไร่
แต่จากปัญหาผลผลิตล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ มีพ่อค้า แม่ค้า มารับซื้อหน้าสวน ให้ราคากิโลกรัมละ 2 -3 บาท ทั้งที่ต้นทุนเฉลี่ยตกกิโลกรัมละประมาณ 3 บาท จากปกติราคาจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 10 -15 บาท หรือเคยมีปัญหาแค่ประมาณกิโลกรัมละ 8 -10 บาท ถือว่าราคาตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ต้องแบกภาระ และยอมขายขาดทุน
อีกทั้งปีนี้ผลกระทบจากภาคเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีโรงงานมารับซื้อ รวมถึงในพื้นที่ไม่มีโรงงานแปรรูป ทำให้เกษตรกรต้อง ปล่อยสวนสับปะรดทิ้ง ซึ่งพื้นที่ 2 อำเภอ มี อ.โพนสวรรค์ และ อ.ท่าอุเทน มีผลผลิตเก็บออกสู่ตลาด ประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 50 ตัน เกษตรกรต้องยอมขายในราคาขาดทุน เพราะไม่สามารถเก็บผลผลิตไว้ได้นาน ที่ผ่านมาเคยเรียกร้องไปยังทางจังหวัด และหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือ
แต่จากปัญหาผลผลิตล้นตลาด ทำให้ราคาตกต่ำ มีพ่อค้า แม่ค้า มารับซื้อหน้าสวน ให้ราคากิโลกรัมละ 2 -3 บาท ทั้งที่ต้นทุนเฉลี่ยตกกิโลกรัมละประมาณ 3 บาท จากปกติราคาจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 10 -15 บาท หรือเคยมีปัญหาแค่ประมาณกิโลกรัมละ 8 -10 บาท ถือว่าราคาตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ต้องแบกภาระ และยอมขายขาดทุน
อีกทั้งปีนี้ผลกระทบจากภาคเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีโรงงานมารับซื้อ รวมถึงในพื้นที่ไม่มีโรงงานแปรรูป ทำให้เกษตรกรต้อง ปล่อยสวนสับปะรดทิ้ง ซึ่งพื้นที่ 2 อำเภอ มี อ.โพนสวรรค์ และ อ.ท่าอุเทน มีผลผลิตเก็บออกสู่ตลาด ประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 50 ตัน เกษตรกรต้องยอมขายในราคาขาดทุน เพราะไม่สามารถเก็บผลผลิตไว้ได้นาน ที่ผ่านมาเคยเรียกร้องไปยังทางจังหวัด และหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือ
นางทิพย์ กวนคำอุ้ย อายุ 55 ปี เกษตรกร ชาว อ.ท่าอุเทน เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตสับปะรดหวานขึ้นชื่อ ของอำเภอท่าอุเทน ปกติทุกปีจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเป็นอย่างดี รวมเงินหมุนเวียนสะพัดปีละหลายสิบล้านบาท เพราะเป็นผลผลิตการเกษตรคุณภาพ เป็นสับปะรดหวาน อร่อย กว่าที่อื่น ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งขายทั่วประเทศ แต่ปีนี้ผลผลิตออกจำนวนมากพร้อมกัน
ประกอบกับโรงงานไม่มารับซื้อ เพราะมีปัญหาต้นทุนการผลิต ทำให้สับปะรดล้นตลาด ขายยาก ราคาตกต่ำ ต้องยอมขายขาดทุนหน้าสวน กิโลกรัมละ 2 -3 บาท จากปกติราคาหน้าสวนประมาณกิโลกรัมละ 8 -10 บาท ส่วนราคาตลาดทั่วไปประมาณกิโลกรัมละ 15 บาท
แต่เกษตรกรต้องเร่งขายออก เพราะเป็นช่วงเก็บผลผลิต และไม่สามารถเก็บไว้นานได้ ต้องเร่งนำส่งขาย เพราะจะทำให้ผลิตเสียหาย
ปัญหาสำคัญ คือไม่มีโรงงานแปรรูปในพื้นที่ ทำให้เกษตรกร ต้องขนไปวางขายสดริมถนน และตลาดทั่วไป ต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย ค่าขนส่ง อยากวิงวอนหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงประชาชน มาช่วยซื้อผลผลิต หากไม่สามารถขายออกได้ ต้องขาดทุนกันอย่างหนัก ยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายน ยิ่งจะมีผลผลิตมากเท่าตัว จะทำให้เกษตรกรเดือดร้อนหนัก แต่หากจะขนส่งไปขายต่างจังหวัด จะต้องแบกภาระค่าขนส่งเพิ่มอีก
ประกอบกับโรงงานไม่มารับซื้อ เพราะมีปัญหาต้นทุนการผลิต ทำให้สับปะรดล้นตลาด ขายยาก ราคาตกต่ำ ต้องยอมขายขาดทุนหน้าสวน กิโลกรัมละ 2 -3 บาท จากปกติราคาหน้าสวนประมาณกิโลกรัมละ 8 -10 บาท ส่วนราคาตลาดทั่วไปประมาณกิโลกรัมละ 15 บาท
แต่เกษตรกรต้องเร่งขายออก เพราะเป็นช่วงเก็บผลผลิต และไม่สามารถเก็บไว้นานได้ ต้องเร่งนำส่งขาย เพราะจะทำให้ผลิตเสียหาย
ปัญหาสำคัญ คือไม่มีโรงงานแปรรูปในพื้นที่ ทำให้เกษตรกร ต้องขนไปวางขายสดริมถนน และตลาดทั่วไป ต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย ค่าขนส่ง อยากวิงวอนหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงประชาชน มาช่วยซื้อผลผลิต หากไม่สามารถขายออกได้ ต้องขาดทุนกันอย่างหนัก ยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายน ยิ่งจะมีผลผลิตมากเท่าตัว จะทำให้เกษตรกรเดือดร้อนหนัก แต่หากจะขนส่งไปขายต่างจังหวัด จะต้องแบกภาระค่าขนส่งเพิ่มอีก