ขณะที่ผลผลิตรวมคาดว่าจะมีประมาณ 440,579 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว จำนวน 195,179 (เพิ่มขึ้น 79.54%) โดยลองกอง เพิ่มขึ้นมากสุดเฉลี่ยที่ 872.26% มังคุด เพิ่มขึ้น 123.38% เงาะ เพิ่มขึ้น 76.75% และ ทุเรียน เพิ่มขึ้น 46.49% ทั้งนี้ สาเหตุที่ผลผลิตทั้ง 4 สินค้า เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ปริมาณน้ำเพียงพอ และปีที่แล้วออกดอกติดผลน้อย ทำให้ต้นมีโอกาสได้พักตัวสะสมอาหารเต็มที่ ซึ่งคาดว่าผลผลิตจะออกมากช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ต่อเนื่องถึงกลางเดือนกันยายน
ด้าน นายธรณิศร กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการ สศท.8 กล่าวเสริมว่า สำหรับแนวทางบริหารจัดการผลไม้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2561 ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยให้จังหวัดคำนึงถึงการบริหารจัดการผลไม้ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพซึ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลไม้ ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลไม้ตลอดฤดูกาลผลิต อย่างไรก็ตาม หากสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนอาจทำให้ปริมาณผลผลิตไม้ผลเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้อีก เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศของภาคใต้มีฝนตกค่อนข้างมาก และมีมรสุมเข้ามาสม่ำเสมอ และอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่ง สศท.8 จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและลงพื้นที่สำรวจข้อมูลในเดือนพ.ค.-ก.ค.อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายธรณิศร กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการ สศท.8 กล่าวเสริมว่า สำหรับแนวทางบริหารจัดการผลไม้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2561 ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยให้จังหวัดคำนึงถึงการบริหารจัดการผลไม้ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพซึ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลไม้ ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลไม้ตลอดฤดูกาลผลิต อย่างไรก็ตาม หากสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนอาจทำให้ปริมาณผลผลิตไม้ผลเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้อีก เนื่องจากปีนี้สภาพอากาศของภาคใต้มีฝนตกค่อนข้างมาก และมีมรสุมเข้ามาสม่ำเสมอ และอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่ง สศท.8 จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและลงพื้นที่สำรวจข้อมูลในเดือนพ.ค.-ก.ค.อย่างต่อเนื่อง