คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กล่าวว่า "มูลนิธิฯ ขอแสดงความยินดีกับเกษตรกรทั้ง 10 ท่าน ผู้เป็นต้นแบบของเกษตรกรที่พัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ แนวคิดเกษตรครบวงจร มีเกณฑ์และตัวชี้วัดที่เข้มข้นเป็นพิเศษ โดยพิจารณาตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการทำเกษตร คือ การคิดวิเคราะห์ วางแผนการจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก เพิ่มจำนวนและคุณภาพของผลผลิต ลดต้นทุน ลดเวลา ลดการสูญเสียทรัพยากร ไปสู่การจัดจำหน่ายถึงมือผู้บริโภค หรือเรียกว่า จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ เป็นแนวทางให้เกษตรกรรุ่นใหม่นำไปปรับใช้และสามารถเป็นที่พึ่งพาแก่เพื่อนเกษตรกรและชุมชนได้อย่างดีเยี่ยม"
คุณภาณี บุณยเกื้อกูล ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร (ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร) กล่าวว่า "กรมส่งเสริมการเกษตร มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางการพัฒนา มุ่งเน้นให้ระบบการผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้เกษตรกรเป็น Smart Farmer ทำการผลิตทางการเกษตรในลักษณะ Smart Agriculture นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Young Smart Farmer ซึ่งเป็นอนาคตเกษตรกรรมไทยให้สามารถเชื่อมโยงภาคเกษตรเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่"
คุณลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวว่า "หนึ่งในเป้าหมายหลักของดีแทคคือ การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้เกษตรกรไทยก้าวไปสู่ความเป็น Smart Farmer เนื่องจากเราเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเชิงเกษตรกรรม ที่ผ่านมา ดีแทคได้ร่วมกับภาครัฐ สนับสนุนการทำการเกษตรโดยนำนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ติดอาวุธให้เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ โดยได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมหลักสูตรการเกษตรเชิงพาณิชย์ให้กับ Young Smart Farmer ที่กรมฯ เป็นผู้คัดเลือกจากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 3,000 คน ซึ่งสร้างช่องทางให้เกษตรกรรอดพ้นจากวงจรราคาสินค้าเกษตรตกต่ำได้"
คุณภาณี บุณยเกื้อกูล ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร (ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร) กล่าวว่า "กรมส่งเสริมการเกษตร มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางการพัฒนา มุ่งเน้นให้ระบบการผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้เกษตรกรเป็น Smart Farmer ทำการผลิตทางการเกษตรในลักษณะ Smart Agriculture นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Young Smart Farmer ซึ่งเป็นอนาคตเกษตรกรรมไทยให้สามารถเชื่อมโยงภาคเกษตรเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่"
คุณลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวว่า "หนึ่งในเป้าหมายหลักของดีแทคคือ การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาให้เกษตรกรไทยก้าวไปสู่ความเป็น Smart Farmer เนื่องจากเราเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเชิงเกษตรกรรม ที่ผ่านมา ดีแทคได้ร่วมกับภาครัฐ สนับสนุนการทำการเกษตรโดยนำนวัตกรรมมาใช้ประโยชน์ ติดอาวุธให้เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ โดยได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมหลักสูตรการเกษตรเชิงพาณิชย์ให้กับ Young Smart Farmer ที่กรมฯ เป็นผู้คัดเลือกจากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 3,000 คน ซึ่งสร้างช่องทางให้เกษตรกรรอดพ้นจากวงจรราคาสินค้าเกษตรตกต่ำได้"
สำหรับผู้ชนะเลิศโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปีนี้ รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุน 100,000 บาท คือ นายอายุ จือปา เจ้าของผลิตภัณฑ์จากกาแฟคุณภาพดีแบรนด์ "อาข่า อ่ามา" เกิดและเติบโตในชนเผ่าอาข่า ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานที่อยู่ ที่ทำกิน ความรู้ และอนาคตที่ดีให้ จากการริเริ่มปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาว ชา กาแฟ ที่เป็นพันธุ์พระราชทาน มาสู่การสร้างเครือข่ายส่งเสริมให้ชาวบ้านผลิตกาแฟ พัฒนาสายพันธุ์ให้ดีขึ้น และมีส่วนผลักดันให้กาแฟจากชุมชนบ้านแม่จันใต้ผงาดขึ้นเวทีโลกได้อย่างไม่อายใคร ปัจจุบันเขาดูแลกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ จากวิธีการปลูก การใช้น้ำ การตาก การเก็บ กลางน้ำ คือ การแปรรูป และทำบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงปลายน้ำ คือ การจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยการทำธูรกรรมการเงินผ่านระบบออนไลน์
รองชนะเลิศอันดับ 1 รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุน 80,000 บาท คือ นายพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ จากจังหวัดมหาสารคาม เกษตรกรผู้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการทำฟาร์มผักออร์แกนิก "แก้วพะเนาว์ ฟาร์ม" ปฏิวัติแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่หันหลังให้อาชีพเกษตรกร นำประสบการณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอิสราเอล เริ่มจากการปรับสภาพดิน บริหารจัดการน้ำ และปรับระบบนิเวศ จนสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของพ่อแม่และชาวบ้านที่เคยมองว่าอาชีพนี้ลำบาก
รองชนะเลิศอันดับ 2 รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุน 60,000 บาท คือ นางสาวศิริวิมล กิตะพาณิชย์ จากจังหวัดเชียงราย ทำเกษตรครบวงจร ปลูกข้าวและผักอินทรีย์ ภายใต้แบรนด์ "ไร่รื่นรมย์" ใช้นวัตกรรมพลังงานทางเลือก จัดสรรพื้นที่และแปลงปลูกอย่างเป็นระบบ และมีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรดีเด่น จำนวน 7 รางวัล รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุนท่านละ 30,000 บาท
1.คุณโอภาส หรดี (จ.ลพบุรี) เพาะและจำหน่ายเมล็ดต้นอ่อนทานตะวันออร์แกนิค
2.คุณสุจิตรา จันทะศิลา (จ.ศรีสะเกษ) ปลูกหอมแดงและพริกเพื่อการค้า
3.คุณประกิต โพธิ์ศรี (จ.ระยอง) เพาะพันธุ์และจำหน่ายต้นหม้อข้าว หม้อแกงลิง
4.คุณศรัณยา กิตติคุณไพศาล (จ.เชียงใหม่) ปลูกข้าว พืชผล สตรอเบอรี่ หน่อไม้ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูป
5.คุณศิวกร โอ่โดเชา (จ.เชียงใหม่) ปลูกพลับ สาลี่ และอโวคาโด้อินทรีย์ผลิตกาแฟคุณภาพเยี่ยม
6.คุณศุภชัย เณรมณี (จ.อ่างทอง) ปลูกพืชผักมาตรฐาน GAP แบรนด์ "ฟารม์ศุภัสสร"
7.คุณอรณี สำราญรื่น (จ.กาฬสินธุ์) ปลูกหญ้าสด จำหน่ายหญ้าสด และแปรรูปเป็นหญ้าหมัก
โดยพิธีประกาศผลโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี พ.ศ.2559 ในครั้งนี้ นอกจากได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนงติดตามรายงานข่าวแล้ว ยังได้รับเกียรติจากคุณวิชัย เบญจรงคกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด, คุณศุภรัตน์ เบญจรงคกุล รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด และคุณบุญระวี ไชยเดช รองประธานกรรมการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด เข้าร่วมงานด้วย
รองชนะเลิศอันดับ 1 รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุน 80,000 บาท คือ นายพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ จากจังหวัดมหาสารคาม เกษตรกรผู้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการทำฟาร์มผักออร์แกนิก "แก้วพะเนาว์ ฟาร์ม" ปฏิวัติแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่หันหลังให้อาชีพเกษตรกร นำประสบการณ์ของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอิสราเอล เริ่มจากการปรับสภาพดิน บริหารจัดการน้ำ และปรับระบบนิเวศ จนสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของพ่อแม่และชาวบ้านที่เคยมองว่าอาชีพนี้ลำบาก
รองชนะเลิศอันดับ 2 รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุน 60,000 บาท คือ นางสาวศิริวิมล กิตะพาณิชย์ จากจังหวัดเชียงราย ทำเกษตรครบวงจร ปลูกข้าวและผักอินทรีย์ ภายใต้แบรนด์ "ไร่รื่นรมย์" ใช้นวัตกรรมพลังงานทางเลือก จัดสรรพื้นที่และแปลงปลูกอย่างเป็นระบบ และมีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรดีเด่น จำนวน 7 รางวัล รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินสนับสนุนท่านละ 30,000 บาท
1.คุณโอภาส หรดี (จ.ลพบุรี) เพาะและจำหน่ายเมล็ดต้นอ่อนทานตะวันออร์แกนิค
2.คุณสุจิตรา จันทะศิลา (จ.ศรีสะเกษ) ปลูกหอมแดงและพริกเพื่อการค้า
3.คุณประกิต โพธิ์ศรี (จ.ระยอง) เพาะพันธุ์และจำหน่ายต้นหม้อข้าว หม้อแกงลิง
4.คุณศรัณยา กิตติคุณไพศาล (จ.เชียงใหม่) ปลูกข้าว พืชผล สตรอเบอรี่ หน่อไม้ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูป
5.คุณศิวกร โอ่โดเชา (จ.เชียงใหม่) ปลูกพลับ สาลี่ และอโวคาโด้อินทรีย์ผลิตกาแฟคุณภาพเยี่ยม
6.คุณศุภชัย เณรมณี (จ.อ่างทอง) ปลูกพืชผักมาตรฐาน GAP แบรนด์ "ฟารม์ศุภัสสร"
7.คุณอรณี สำราญรื่น (จ.กาฬสินธุ์) ปลูกหญ้าสด จำหน่ายหญ้าสด และแปรรูปเป็นหญ้าหมัก
โดยพิธีประกาศผลโครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี พ.ศ.2559 ในครั้งนี้ นอกจากได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนงติดตามรายงานข่าวแล้ว ยังได้รับเกียรติจากคุณวิชัย เบญจรงคกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด, คุณศุภรัตน์ เบญจรงคกุล รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด และคุณบุญระวี ไชยเดช รองประธานกรรมการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด เข้าร่วมงานด้วย