

"แรกทำเขาว่าบ้า พอผลผลิตออกมาคว้าไปเลย 5,000 บาทต่อวัน"
คุณนุโชติ สิทธิ
ก่อน Smart Phone จะเกิดขึ้น มาบนโลกนี้ หรือ ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน คนไทยเรารู้กันดีว่า ลำไย ลิ้นจี่ นั้นเป็นผลไม้ที่มีปลูกกันมากในเขตภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะในเขตจังหวัดลำพูน และยังไม่พบว่ามีการปลูกในภูมิภาคอื่นที่จะให้ผลผลิตดีเทียบเท่าการปลูกในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะในเขตภาคใต้ที่มีฝนตกฉุกและความหนาวเย็นแทบจะไม่ไปเยือน ยิ่งไม่น่าจะเป็นภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเติบโตของพืชอย่างลำไยได้เลย เพราะด้วยนิสัยของลำไยนั้นมีความต้องการอุณหภูมิต่ำ 10-22 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูหนาว(พฤศจิกายน-มกราคม) เพื่อสร้างตาดอก ซึ่งในปีที่มีอากาศหนาวเย็นเนิ่นนาน โดยไม่มีอากาศอุ่นแทรก จะทำให้ลำไยออกดอกติดผลดี แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป สภาพอากาศปรวนแปร ประกอบกับมีการใช้นวัตกรรมอื่นๆ เข้ามาใช้ในภาคการเกษตรกันมากขึ้น และมีการปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่เติบโตดีภายใต้สภาพอากาศในบ้านเราขึ้นมาอีกมากมายทำให้ลำไย พืชที่ใครๆ ต่างพากันคิดว่าจะไม่มีวันออกดอกติดผลได้ดีในเขตอื่นที่ไม่ใช่เขตภาคเหนือ กลายเป็นพืชที่สร้างรายได้อย่างงดงามในเขตภาคใต้ปลายด้ามขวาน ณ จ.นครศรีธรรมราช ของไทย ที่ติดลูกดก รสชาติดี ไม่แพ้ลำไยภาคเหนือ ที่ทำเงินให้กับเจ้าของได้วันละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท
คุณนุโชติ สิทธิ เกษตรกรวัย 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 9 บ้านทุ่งนาเมืองชัย ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช อดีตมีอาชีพรับจ้างตัดผมและทำสวนยางพาราเช่นเดียวกับเกษตรกรท่านอื่นๆ ในภาคใต้ ในสมัยที่ยางราคาแพงก็มีความเป็นอยู่ที่ดี แต่พอยางราคาตก ความเป็นอยู่ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับคนอื่น เพราะรายได้หลักๆ ของครอบครัวนั้นมาจากการขายน้ำยาง ยิ่งทำไปนานวันราคายิ่งต่ำลงไม่คุ้มค่าจัดการดูแล และค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็สูงขึ้นทุกวัน จนเมื่อปี พ.ศ.2536 ได้มีคนมาแนะนำให้ลองปลูกลำไยเพราะให้ผลผลิตดีและมีรายได้สูงกว่าการทำสวนยางพารา ตนจึงตัดสินใจโค่นต้นยางบางส่วนออกและปรับพื้นที่ปลูกลำไยพันธุ์อีดอบนพื้นที่ 6 ไร่ จะปลูกได้ ประมาณ 120 ต้น ดูแล รดน้ำปุ๋ย ไปเรื่อยๆ พอเข้าปีที่ 3 ก็เริ่มติดลูก แต่เนื่องจากยังเป็นปีแรก ผลผลิตที่ได้จึงมีไม่มากและมีผลขนาดเล็ก คุณนุโชติ จึงบำรุงรดน้ำใส่ปุ๋ยเต็มที่ โดยเน้นการให้ปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอก จนปีต่อมาพบว่า ลำไยให้ผลดกเต็มต้น ผลโต รสหวานฉ่ำ เนื้อกรอบ เปลือกร่อน ใครได้ชิมเป็นต้องเอ่ยปากชมเปราะว่าอร่อยไม่แพ้ลำไยทางภาคเหนือ
ลุงนุโชติกล่าวว่า การที่ผมริโค่นยางหันมาปลูกลำไยซึ่งเป็นพืชที่ไม่ได้รับความนิยมปลูกในเขตภาคใต้ เพราะเชื่อกันว่าจะไม่ออกดอกติดผล เนื่องจากสภาพอากาศ ของภาคใต้ที่เป็นแบบร้อนชื้นสลับฝนนั้นอาจไม่เอื้อต่อการติดดอก ทำให้ใครๆ ต่างมองว่าผมบ้าที่ปลูกลำไยท่ามกลางความไม่เหมาะสมแบบนี้ "ผมคุ้นเคยกับคำว่าคนบ้าจนชินหู แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจทำต่อไป จนกระทั้งลำไยในสวนเริ่มให้ผลผลิตนู่นหล่ะที่ทำให้หลายคนที่เคยดูถูกผมไว้และมองผมว่าบ้า หันมาขอดูงาน เที่ยวชมสวน ชิมลำไยและซื้อลำไยติดมือกลับไปไม่ขาดสาย จนกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไปภายในเวลาไม่นาน"
นอกจากนี้คุณนุโชติยังได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกและการดูแลลำไยแก่ผู้ที่สนใจเพิ่มเติม ดังนี้
การปลูกลำไยตามแบบฉบับคุณนุโชติ :
1.การเตรียมต้นพันธุ์ลำไยก่อนปลูก เพื่อให้กิ่งพันธุ์ลำไยสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมปลูกได้ดีก่อนปลูกประมาณ 1-2 สัปดาห์ ควรย้ายต้นพันธุ์ลำไยออกกลางแจ้งภายนอกโรงเรือน
2.มีการตัดแต่งกิ่งยอดอ่อนออกบ้าง เพื่อลดการคายน้ำกรณีที่ใช้ต้นลำไยที่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีเสียบกิ่งควรตรวจสอบการเชื่อมติดของรอยแผลให้สมบูรณ์ และใช้มีดกรีดพลาสติกพันแผลออกก่อนนำไปปลูก
3.การวัดระยะตำแหน่งของหลุมปลูกลำไย เป็นการกำหนดตำแหน่งของหลุมปลูกลำไย ตามที่กำหนดไว้ในแผนผังของพื้นที่ปลูก การวัดระยะเพื่อกำหนดตำแหน่งหลุมปลูกของลำไยควรได้แนวแถวปลูกที่มองทุกด้านเป็นแนวเส้นตรงในทุกทิศ อุปกรณ์ที่จำเป็นในการวัดระยะตำแหน่งของหลุมปลูกลำไยเช่น เทปวัด ไม้หลักเล็งแนว ไม้หลักกำหนดจุด เชือก และ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น ค้อน จอบ มีด การทำสวนในพื้นที่ขนาดใหญ่อาจใช้กล้องช่วยเล็งแนวเข้ามาช่วยในการวางแนว ก็จะทำให้การปฏิบัติงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น
4.การขุดหลุมปลูกลำไย ขนาดของหลุมปลูกพิจารณาได้จากสภาพโครงสร้างของดิน ถ้าในสภาพพื้นที่ที่มีดินปลูกเป็นดินร่วนและมีความอุดมสมบูรณ์ดี ขนาดของหลุมปลูกอาจเล็กลงได้โดยปกติจะใช้ขนาด 30 X 50 เซนติเมตร การทำสวนลำไยในพื้นที่ขนาดใหญ่การขุดหลุม ปลูกต้องใช้แรงงานจำนวนมากทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายสูง การนำแทรกเตอร์ติดสว่านเจาะดินมาใช้ช่วยในการขุดหลุมจะประหยัดเวลาและแรงงานได้มากกว่า แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในสภาพดินที่ค่อนข้างชื้น
ศึกษาวิธีการปลูกและการดูแลลำไยเพิ่มเติม คลิ๊ก
ศัตรูสำคัญของลำไยช่วงเก็บผลผลิต คือ ค้างคาว ที่จะเข้ามากัดกินผลลำไยให้ได้รับความเสียหาย วิธีป้องกันที่ได้ผลดีและมีต้นทุนไม่มาก ให้ใช้ตาข่ายขนาดตา 2.5-3 ซม. ขึงสูงจากพื้นดินประมาณ 2-3 เมตรหรือความสูงพอๆ กับยอดไม้ ขวางทางบินของค้างคาวหรืออาจใช้ตาข่า ยคลุมทั้งต้นก็ได้

ป้องกันค้างคาวมากัดผลลำไยด้วยตาข่าย
เริ่มต้นจากการซื้อกิ่งพันธุ์มาจำนวน 20 กิ่งต่อไร่ โดยกิ่งพันธุ์ราคากิ่งละ 35 บาท หากใช้กิ่งพันธุ์ในเนื้อที่ จำนวน 6 ไร่ ต้องใช้กิ่งพันธุ์ทั้งหมด 120 กิ่ง เมื่อรวมค่าปุ๋ย ค่าไฟฟ้า ค่าวางระบบน้ำ ค่าวัสดุอื่นๆ ที่ต้องใช้ในการจัดการสวนลำไยคุณนุโชติบอกตกอยู่ประมาณ 150,000 บาท/ไร่ ระยะเวลาที่ปลูก 6 ปีจึงเก็บเกี่ยวผลลำไยได้ ซึ่งการจัดการดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยวตลอดฤดูกาลเพาะปลูก(หลังจากต้นเริ่มให้ผลผลิต) จะอยู่ในช่วง ม.ค.-มี.ค. โดยใน 1 ปี คุณนุโชติจะแบ่งการผลิต(การบังคับผลผลิตออกนอกฤดู) ออกช่วงๆ คือ ปีหนึ่งจะทำได้ 3 รอบการผลิต
ลุงนุโชติ จะทำการตลาดเอง คือเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วไปวางขายที่ร้านตัดผมของตนเอง และต่อมาก็นำไปขายที่หน้าบ้านมีคนขับรถผ่านไป-ผ่านมา หมดทุกวัน ไม่พอขาย ลุงจะขายกิโลกรัมละ 50 บาท ต่อมามีการสั่งซื้อเข้ามาและเข้าไปซื้อถึงสวนเอง ลุงนุโชติ จะปลูกลำไยเป็น 3 รุ่น และคิดจะปลูกเพิ่มขึ้นอีก รายได้จะได้วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท หากรวมเป็นปีที่เก็บเกี่ยวครบ 3 รุ่น ก็จะมีรายรับรุ่นละประมาณ 300,000 บาท
หากเกษตรกรคนใดสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องการปลูกลำไยในพื้นที่ภาคใต้ คุณนุโชติยินดีให้คำปรึกษา หรือ โทรมาสอบถามข้อมูลได้ที่ 089-593-1200
การปลูกลำไยในภาคใต้ แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกันหากสภาพอากาศแปรปรวนร้อนสลับกับฝนและมีอุณหภูมิที่ไม่แน่นอน ถ้าฝนตกหนักก็จะทำให้ลำไยติดดอก ติดผล ลูกเน่า ต้องอาศัยสภาพอากาศต่อการปลูกด้วย ในส่วนของผลผลิตจะมีปัญหาจำพวกโรคและแมลงกัดกินผลลำไย อีกทั้งพวกค้างคาว หนู กระรอก สัตว์ที่ชอบความหวาน แต่ทุกวันนี้ผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งการปลูกให้ได้ผลดีนั้นต้องอาศัยความเอาใจใส่ ต้องมีต้นทุนและความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีตลอดจนการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด จึงจะประสบความสำเร็จและไม่ต้องกลัวว่าใครจะคิดยังไงเรามั่นใจในสิ่งที่เราทำ ผลที่ออกมามักจะประสบความสำเร็จกันเสมอ

