เกษตรกรต้นแบบ

"อดีตข้าราชการครู กับเส้นทางเกษตรกร"


คุณเชาว์วัช หนูทอง
 31 พฤษภาคม 2559 2,563
จ.ลพบุรี
ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีความมุ่งมั่น มีมานะ และรักในสิ่งที่ตัวเองทำ

อาจารย์เชาว์วัช หนูทอง กับอดีตอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคลพบุรี ผู้ที่รักในด้านการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งทุกวันนี้ได้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรแบบเต็มตัว เพราะต้องการที่จะดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตัวเอง เมื่อเรียนจบวิศวโยธา เขารับราชการเป็นอาจารย์อยู่ 19 ปี แต่ด้วยชีวิตผูกพันกับวิถีชีวิตของการเกษตรและชอบการเกษตรอยู่แล้วและก็ตัวเองมีความชื่นชอบทานอาหารมังสวิรัติอยู่แล้วทำให้เขาตระหนักถึงพิษภัยของสารเคมีตกค้างจากการทำเกษตร และก็เริ่มมีการเรียนรู้ในการเกษตรอินทรีย์ในระหว่างที่เป็นอาจารย์อยู่ และได้ศึกษาความรู้ความจากหน่วยงานต่างๆ และได้ศึกษาดูงานในแหล่งเรียนรู้ต่างต่อมาก็ได้ตั้งศูนย์การเรียนรู้ในนาม เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษละโว้ธานี

เชาว์วัช หนูทอง เกษตรกรผู้ผลิตเอง แปรรูปเอง และขายเอง

จากการเรียนในการทำเกษตรอินทรีย์แบบจริงจังและด้วยความสามารถเฉพาะตัวทำให้เป็นที่รู้จักในระยะเวลาไม่กีปีจนมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งทางภาครัฐและเอกชน ยกย่องปราชญ์เกษรกรที่มีความรอบรู้ทุกด้านท่านหนึ่ง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำแก๊สจากธรรมชาติ การสกัดน้ำมันงา การสีข้าว เพราะที่นี่มีเครื่องมือที่สามารถรับผลิตจากชุมชนมาแปรรูปได้ และได้รับการสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมฟาร์มมาตรฐานให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยจากสารพิษ และองบประมาณบูรณาการศูนย์กสิกรรมระโว้ธานีจังหวัดลพบุรีในปี 2549

ต่อมาการหันหน้ามาทำนาข้าวอินทรีย์แบบจริงจังเพื่อจะได้ต่อยอดในการเกษตร และให้ประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด มีผลกำไรให่มากที่สุด จึงเกิดแนวคิดขึ้นมาว่าผลิตเอง แปรรูปเอง ขายเอง และการทำเกษตรแนวใหม่ บนเนื้องที่ 70 ไร่ อาจารย์ก็ได้แบ่งเป็นพื้นที่ทำการเกษตร 15 ไร่ ที่เหลือคุณเชาว์วัช ยังใช้เป็นโรงานผลิตเครื่องสีข้าว เครื่องทำปุ๋ย และเครื่องทำงา และพร้อมสอนการเรียนรู้ให้กับเกษตรรายใหม่ๆ อีกด้วย

โรงสีแปรรูปข้าวประจำศูนย์การเรีนรู้

จุดเด่นของอาจารย์อยุู่ตรงนี้เลยเพราะว่าอาจารย์ยังเป็นตัวอย่างให้กับพี่น้องเกษตรกรในเรื่องผลิตเอง แปรรูปเอง ขายเอง เพื่อจะได้เป็นการชี้ช่องทางด้านการเกษตรเริ่มต้นมาจากมาจากการที่ตนเองปลูกข้าวอินทรีย์ปลอดสารพิษ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือดีต่อสุขภาพ และเมื่อปลูกแล้วก็ไม่อยากนำข้าวไปขายให้กับโรงสีหรือพ่อคนกลาง เพราะบางครั้งรู้สึกถูกกดราคา จึงหาวิธีที่จะจำหน่ายเอง จึงลองนำข้าวที่สีแล้ว บรรจุถุงสุญญากาศแล้ว โดยในระยะแรกก็มีผู้มาติดต่อสอบถามซื้อข้าว ตกวันละ 4-5 ราย ซึ่งจาก 4-5 รายก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆเติบโต จนปัจจุบันนี้ มียอดสั่งซื้อถึงเดือนละ 3000 กิโลกรัม วัน

ต้นข้าวอุดมสมบรูณ์ แข็งแรง ไม่มีวัชพืช

ประโยชน์ปลูกข้าวเมล็ดละหม้อ กอละเกวียน :

1.ช่วยป้องกันการเกิดของวัชพืชในนาได้ดี

2.ประหยัดเมล็ดพันธุ์ลงได้ 80-85% โดยจะเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียง 3-5 กก.ต่อไร่

3.มีการเจริญเติบโตได้รวดเร็ว และแตกกอดี

4.จะใช้ปุ๋ยน้อยกว่าวิธีการทำนาหว่านน้้ำตมไม่น้อยกว่า 50%

5.ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น

ต้นทุนการผลิต

การปลูกข้าวเมล็ดละหม้อ กอละเกวียนเป็นอีกหนึ่งวิธีในการปลูกข้าวที่สามารถช่วยพี่น้องเกษตรกรได้เป็นอย่างดี และเกษตกรส่วนใหญ่ในการปลุูกแบบทั่วไปจะและอัตราค่าปักดำค่อนข้างสูงคือ ไร่ละ 1,100-1,200 บาท /ไร่(รวมเมล็ดพันธุ์ข้าว) วิธีการปลูกการปลูกข้าวเมล็ดละหม้อ กอละเกวียน เป็นการทำนาแบบใหม่ที่สามารถนำมาใช้แทนการปักดำ

ข้าวนาปรัง ใช้ 90-100 ถาด/ไร่ คิดเป็นเงิน 700 บาท
ข้าวนาปี ใช้ 60-70 ถาด/ไร่คิดเป็นเงิน 600 บาท

** สามารถโยนได้ 5-10 ไร่/คน/วัน โยนได้ 3-4 วัน ไขน้ำเข้านาให้ท่วมหน้าดิน ช่วยป้องกันวัชพืชทั่วไป และข้าวดีดได้เกือบ 100 % ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการลดต้นทุน

แผนการตลาด

สำหรับแผนการตลาดข้าว คือจากการศึกษาและทำการตลาดเอง เริ่มต้นจากการรวบรวมกลุ่มและได้ทำแพคเกจจิ้ง ในนามกลุ่มครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษละโว้ธานี และตอนนี้ก็ได้ได้ส่งออกข้าวไปยังในประเทศและนอกประเทศ อาทิ ประทศมาเลเซีย เวียดนาม ลาว พม่า อีกทั้งยังมีแผนขยายการส่งออกให้กับทุกประเทศในสมาอาเซียน (AEC) และมีรางวัลจากกรมการค้าภายในกระทรวงพานิชย์ อีกด้วย

ดูแลเอาใส่ข้าวหอมมำลิเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี

บทสรุป/ข้อเสนอแนะ

การปลูกที่ให้ได้ผลกำไรไม่ไช่เรื่องยาก เพียงแค่เกษตรต้องมีความขยัน อดทน ประหยัด ซื่อสัตย์ และต้องรักในอาชีพของตนเอง เกษตรกรก็จะประสบความสำเร็จ และเชื่อว่าเกษตรกรทุกคนสามารถทำได้อย่างแน่นอน อีกอย่างที่สำคัญของหลักการทำเกษตร คือ ผลิตเอง แปรรูปเอง ขายเอง

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จุลินทรีย์เพื่อเกษตรกร
เรื่อง/ภาพโดย: อังศุมาลิน รัตนจิตร จนท.ศูนย์ประสานงานร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.นครราชสีมา