

"ปลูกข้าวหอมมะลิต้นทุนต่ำ กำไรสูง สไตล์สมนึก"
คุณสมนึก ทราบรำ
ภาคภูมิใจในอาชีพ สานต่อบรรพบุรุษ เรียนรู้และต่อยอด
การทำนาใครต่อใครต่างก็ว่าจน ขาดทุน ที่จริงแล้วนั่นไม่ใช่เลย เพียงแค่อาจจะยังไม่มีความรู้ดีพอ สิ่งที่เราคิดว่ารู้อยู่แล้วก็อาจจะไม่ใช่เสมอไป บางสิ่งบางอย่างการทำเป็น กับทำได้ นั่นมันต่างกัน ทำได้คือ ใครๆก็ทำได้ แต่ว่าทำเป็นนี่สิ คือทำได้แล้วประสบผลสำเร็จ มันต้องทำอย่างไร และวันนี้ทางทีมงานจะพาไปพบกับคุณสมนึก ทราบรำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านบุขี้เหล็กใหม่พัฒนา ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าเค้ามีแนวคิด วิธีการทำนาอย่างไรที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จ มีรายได้จากการทำนาเป็นกอบเป็นกำ เรียกได้ว่าเมื่อหักลบต้นทุนแล้ว กำไรเห็นๆ
ผู้ใหญ่สมนึก ทราบรำ วัย 53 ปี เป็นคนในพื้นที่อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่กำเนิด จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรียนรู้การทำนามาตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีปู่ ย่า ตา ยาย พ่อและแม่ เป็นผู้ถ่ายทอดให้ความรู้ในการทำนา จนทำให้ผู้ใหญ่สมนึกมีความเชี่ยวชาญในการทำนาเป็นอย่างมาก และเมื่อวันเวลาผ่านไปจากที่ผู้ใหญ่สมนึกต้องทำหน้าที่ 2 อย่างในเวลาเดียวกัน ก็คือเป็นทั้งผู้นำหมู่บ้านและหัวหน้าครอบครัว ทำให้ผู้ใหญ่มีความคิดที่อยากจะทำให้ครอบครัว และลูกบ้านให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หาเลี้ยงครอบครัวได้ มีอยู่ มีกิน จึงคิดค้นหาแนวคิด วิธีต่างๆ ที่สามารถมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนได้ และด้วยความที่มีสายเลือดชาวนาอย่างเต็มตัว ทำให้ผู้ใหญ่สมนึก มีแนวคิดที่ว่าทำนามาก็ตลอดทั้งชีวิต และเป็นสิ่งใกล้ตัวที่สุดที่ทำให้มีอยู่มีกิน ไม่อดยาก แต่จะทำอย่างไรให้การทำนาจากที่ทำไว้แค่อยู่แค่กิน เปลี่ยนเป็นการสร้างรายได้แบบพอกพูน
และสิ่งที่นำมาทำปุ๋ยก็เป็นเศษวัสดุจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายตามท้องไร่ท้องนา ไม่ว่าจะเป็นฟาง หญ้า ใบไม้แห้ง ก็สามารถนำมาประยุกต์ทำเป็นเป็นปุ๋ยหมักได้ และผืนที่นาแห่งนี้มีความโชคดีมาก ไม่มีการเกิดโรคและแมลงในนาข้าวเลย จะมีก็แต่โรคใบไหม้ แต่ก็จะนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ โดยปุ๋ยคอก ไปหว่าน จากนั้นต้นข้าวก็จะกลับมาเขียวชอุ่มเหมือนเคย
จากการเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวและสิ่งที่ตนถนัดแล้วนำมาปรับใช้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก จนรวมตัวกันในชุมชนเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วหันมาปลูกข้าว โดยมีบริษัทเข้ามารับซื้อ ถือได้ว่าสร้างรายได้ให้กับตัวผู้ใหญ่สมนึก และกลุ่มลูกบ้าน รายได้ที่ได้ก็มาจาก 2 ทาง คือ ขายเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวสารที่บรรจุหีบห่อแล้วก็จะมีการสับเปลี่ยนกันไป ถึงจะเจอภัยแล้งก็ยังสามารถอยู่ได้

ลงแขกเกี่ยวข้าว ข้าวพันธุ์ดี
ประโยชน์ :
- ช่วยเร่งให้ข้าวรวงยาวเมล็ดใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะขี่วัวจะเป็นตัวช่วยให้ข้าวรวงใหญ่
- ช่วยเพิ่มผลผลิตมากกว่าเดิม 300 - 500 กก./ไร่
- ลดต้นทุนปุ๋ยยาฮอร์โมนที่มีราคาแพง
- เกษตรกรผลิตเองได้ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
- ผู้บริโภคได้ทานข้าวที่ปลอดภัยไร้สารเคมีเหมาะสำหรับเกษตรอินทรีย์
การใช้ปุ๋ยเคมีการปลูกข้าวต่อ 1 ฤดูกาลจะให้ปุ๋ยเคมี 2-3 รอบ ให้อย่างต่ำครั้งละประมาณ 25 กิโลกรัม (ครึ่งกระสอบ) ต่อไร่ โดยราคาปุ๋ยยูเรียปัจจุบันอยู่ที่ 650-700 บาทต่อกระสอบ เมื่อคิดเป็นต้นทุนต่อฤดูกาลจะอยู่ประมาณ 700-1,000 บาทต่อไร่ ค่าจ้างหว่านปุ๋ยเคมี ราคาค่าจ้างหว่านปุ๋ยในแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน ระดับราคาจะอยู่ที่ 50-100 บาทต่อไร่ ซึ่งในหนึ่งฤดูกาลจะหว่าน 2-3 รอบ คิดเป็นต้นทุนประมาณ 100-300 บาท และถ้าเกษตรกรใช้ปุ๋ยสูตรปุ๋ยหมักบำรุงนาข้าวก่อนปักดำ จะใช้ต้นทุนไม่เยอะมากเพราะว่าใช้วัตถุที่มีอยู่แล้วตามหมู่บ้าน แต่ถ้าเกษตรทำปุ๋ยสูตรนี้ เกษตรกรเองจะลดต้นต้นได้ครึ่งต่อครึ่ง เกษตรจะใช้เงินประมาณไร่ละ 100 บาท แค่นี่เอง
และทางด้านผู้ใหญ่สมนึก ทราบรำ ยังเน้นให้ชาวบ้าน บ้านบุขี้เหล็กใหม่พัฒนา ตำบลแสลงพัน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ทุกคนทำปุ๋ยหมักด้วย เพื่อให้ทุกคนมีรายได้ในการขายปุ๋ยอีกด้วย
ทุกวันนี้นอกจากจะส่งออกข้าวให้กับสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ ยังมีการขายพันธุ์ข้าวหอมมะลิในราคาไม่แพงอีกต่างหากและยังมีการออกบูธ เพื่อโปรโมทสินค้าของกลุ่มอยู้เรื่อยๆ ทำให้ทุกวันนี้มีออร์เดอเข้ามาทุกวัน ทำให้คนในชุมชนมีรายได้ตลาดทั้งปี
เอาทุกสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ตัวมาทำเป็นวัสดุการทำปุ๋ยหมัก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น มารวมๆกันใส่จุลินทรีย์นิดหน่อยหมักไว้เดี่ยวมันก็เป็นปุ๋ยเอง ทำให้ลดต้นทุนได้ต้องมีบ่อน้ำเพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรอง เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเกษตร

