เกษตรกรต้นแบบ

"ชาวนาทรนงแห่งชุมชนคลองสามวา"


คุณยงยุทธ เทียนรุ่งเรือง
 13 มีนาคม 2561 5,065
จ.กรุงเทพมหานคร
อาชีพชาวนาไม่มียากจน ไม่มีอด เป็นอาชีพที่มีเกียรติศักดิ์ศรีเหมือนอาชีพอื่นๆ

งานของเกษตรกรไม่ใช่งานยาก งานในแต่ละวันมันสอนเราอยู่แล้ว เราแค่ต้องค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว อย่าใจร้อน แล้วเราก็จะไม่สะดุดหกล้ม

จงทำอะไรที่เราถนัดมีความเชี่ยวชาญ เป็นชาวนาทุกวันนี้ต้องมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องไปหาเขาถ้ามีศักดิ์ศรีเขาจะมาหาเราเอง ที่สำคัญชาวนาถ้าจะอยู่ให้รอดต้องคิดใหม่ คิดให้มาก ทำให้มาก คิดใหม่ทำไมต้องทำนาปลูกข้าวแล้วขายโรงสีมีทางอื่นอีกใหม่ คิดให้มากทำนาอย่าเดียวคงอยู่ไม่ได้จะทำอะไรดีที่จะเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายพึ่งพาตัวเองให้มาก ทำให้มากเมื่อคิดให้มากก็ต้องทำให้มาตามที่คิดขยันทำเข้าไว้รับรองไม่มีอด ไม่มีจนอย่างแน่นอน

คุณยงยุทธ เป็นคนคลองสามวามาตั้งแต่เกิดเติบโตในครอบครัวชาวนาที่ทำนากันตั้งแต่รุ่นคุณปู่สืบทอดมาถึงคุณพ่อ คุณยงยุทธเริ่มทำนาตั้งแต่อายุ 10 ขวบในยุคที่ยังใช้ควายไถนาทำนาเก็บสั่งสม ภูมิปัญญาในการทำนามาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเข้าวัยเกณฑ์ทหารจึงได้หยุดไปรับใช้ชาติและไปประกอบอาชีพรับจ้างและค้าขายเป็นเวลา 14 ปีจึงกลับมารับช่วงอาชีพทำนาต่อจากคุณพ่อจวบจนถึงปัจจุบัน “ผืนแผ่นดินเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษมอบให้ อาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่มีเกียรติ คนเป็นชาวนามืออาชีพสมควรภาคภูมิใจ ทุกวันนี้อาชีพชาวนาดีกว่าอาชีพพนักงานกินเงินเดือน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่เราก็ไม่มีอด” ความภาคภูมิใจในอาชีพผ่านน้ำเสียง สีหน้าและแววตาของคุณยงยุทธอย่างชัดเจน

“การทำนาทุกวันนี้ใช้เวลาไม่มากสามารถทำนาร่วมกับอาชีพอื่นได้อย่างหลานสาวผมเช้าขับรถตู้ส่งนักเรียน สายๆลงทำนา บ่ายสองโมงขับรถไปรับนักเรียนกลับบ้านมีรายได้รายเดือนและราย 3 –4เดือนตลอด สำหรับคนทำนามืออาชีพที่มีที่นาเป็นของตัวเองการจัดรูปแปลงนาให้เหมาะสมทำคันนาให้มีขนาดใหญ่รถเข้าถึงคันนาขนาดใหญ่ปลูกกล้วย,ต้นไม้ยืนต้น,พืชผักให้รอบคันนามีแหล่งน้ำของตัวเองจะมีรายได้รายวัน รายสัปดาห์และรายปีเพียงพอใช้จ่ายในครอบครัว”

อาชีพทำนาไม่ได้ยากจนอย่างที่คิดสำหรับมืออาชีพที่ทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษ อาชีพนี้ต้องรักษาไว้ให้ดีเพราะเป็นคนสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองไทยข้าวไทยเป็นหนึ่งในโลก จากประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่งทำให้คุณยงยุทธได้พัฒนาองค์ความรู้ในการทำนาต่างๆมากมายรวมถึงมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับคนที่มีอาชีพชาวนาแบบเขาให้อยู่รอดได้ในสังคมยุคนี้จึงก่อตั้งศูนย์บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร จัดสร้างธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อผลิตพันธุ์ข้าวปลูกคุณภาพในราคาถูกให้แก่ชาวนาในเขตคลองสามวา ซึ่งในศูนย์แห่งนี้มีเครื่องอบข้าวเพื่อลดความชื้นข้าวเปลือกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เครื่องสีข้าว โรงเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเป็นการเพิ่มศักยภาพ ทางเลือกและทางรอดให้แก่ชาวนาในเขตคลองสามวาให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน ทุกวันนี้คุณยงยุทธได้สร้างกลุ่มเครือข่ายชาวนาคลองสามวา เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางถ่ายทอดองค์ความรู้การทำนาปลอดภัยในมาตรฐานGAP เพื่อยกระดับคุณภาพข้าวไทยให้สูงมากยิ่งขึ้น มีธนคารเมล็ดพันธุ์จำหน่ายให้ชาวนาในกลุ่มในราคาที่ถูกว่าร้านถึง 50% การแปรรูปข้าวเปลือกด้วยโรงสีชุมชนสีข้าวเอง ขายเองในราคาที่เป็นธรรม

การปลูกข้าวปลอดภัย : ชาวนาในแถบคลองสามวาจะทำนาปีละ 2 ครั้ง เป็นนาหว่านน้ำตมด้วยการไถ่ดะหมักแช่ฟางข้าวด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์จากนั้นปล่อยน้ำออกจากนาใช้รถไถติดโรตารี่ปั่นนา คราดชักร่องน้ำฉีดยาคลุมหญ้าทำการหว่านข้าวถ้าข้าวไรซ์เบอร์รี่จะใช้พันธุ์ข้าวไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัมเพื่อให้ข้าวแตกกอ ส่วนถ้าเป็นข้าวกข.43 จะใช้พันธุ์ข้าว 25 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ การดูแลข้าวยังใช้ปุ๋ยเคมีการฉีดยาฆ่าแมลงจะใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้นเพื่อลดต้นทุนข้าวกข.43 อายุข้าวอยู่ที่ 95-100 วัน ส่วนข้าวไรซ์เบอร์รี่อายุข้าวอยู่ที่ 120-130 วันการใช้ยาจะมีช่วงระยะปลอดภัยก่อนการเก็บเกี่ยวจะไม่ฉีดยาทั้งสิ้น การเก็บเกี่ยวข้าวจะใช้รถเกี่ยวนวดเมื่อได้ข้าวจะนำมาเข้าเครื่องอบข้าวเพื่อลดความชื้นตามที่ต้องการเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตความชื้นที่ได้มาตรฐานกำหนดจะทำให้ได้ราคาข้าวที่ดี ,อีกทั้งถ้านำมาสีข้าวจำหน่ายก็จะได้เมล็ดข้าวที่สวยลดการแตกหัก ลดระยะเวลาในการตากแดดแบบเก่าได้เป็นอย่างดี

ช่องทางการตลาด :การที่จะทำให้ชาวนายุคใหม่อยู่รอดได้ชาวนาจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่จากการทำนาแล้วขายข้าวเปลือกราคา 6,000 บาท มาเป็นทำโรงสีสีข้าวและขายเองจาก 6,000 บาทมาเป็น 16,000 บาทถ้าเป็นข้าวไรซ์เบอร์รี่ราคาข้าวสารได้ถึง 30,000 บาทซึ่งวิธีนี้ชาวนาจะลืมตาอ้าปากได้ การทำโรงสีชุมชน คุณยงยุทธจะรับสีข้าวให้กับชาวนาฟรี ชาวนาจะได้ข้าวสารสดใหม่หอมเอาไปรับประทาน โรงสีจะได้รำละเอียด,รำหยาบ,ปลายข้าว ในด้านธุรกิจของโรงสีชุมชนทางคุณยงยุทธจะรับซื้อข้าวเปลือกที่ปลูกในมาตรฐาน GAPของทางกลุ่มสูงกว่าราคาตลาดข้าวหอมมะลิท้องตลาด 1 ตันราคา 9,000 บาท ทางโรงสีชุมชนจะรับซื้อ 10,000 บาทส่วนข้าวที่ผ่านการอบแล้วจะรับซื้อในราคา 12,000

ข้าวเปลือกหอมมะลิ 1 ตัน จะสีได้ข้าวสารประมาณ 500-550 กิโลกรัม ราคาขายอยู่ที่ 32 บาทต่อ 1 กิโลกรัม ข้าว 1 ตันที่รับซื้อในราคา 12,000 บาทจะเพิ่มมูลค่าทันทีอยู่ที่ 17,600 บาท ยังมีรำและปลายข้าวที่สามารถนำไปขายได้อีก 1,000-2,000 บาท ข้าวเปลือก 1 ตันสามารถสร้างรายได้ 7,600 บาทในกรณีที่สีเป็นข้าวสารแล้วทำการจำหน่ายเอง

สำหรับข้าวไรซ์เบอร์รี่จะมีมูลค่าสูงกว่า ทางศูนย์ข้าวชุมชนคลองสามวาขายข้าวไรซ์เบอร์รี่บรรจุถุงกิโลละ 50 บาทดังนั้นข้าวเปลือกไรซ์เบอร์รี่ที่สีเป็นข้าวกล้องปลอดสารจะสีได้ราว 600 กิโลกรัมต่อข้าวเปลือก 1 ตัน ซึ่งจะทำราคาขั้นต่ำได้ถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว( 600 กก. X 50บ.) ถ้านำข้าวไปขายในราคาที่สูงขึ้นซึ่งในห้างสรรพสินค้าข้าวไรซ์เบอร์รี่จำหน่ายในราคา 80-120 บาทต่อกิโลกรัม ก็จะได้มูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมาก

นอกจากการสีข้าวสารขายแล้ว ธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าวยังมีพันธุ์ข้าวคุณภาพสูงที่ผ่านการอบลดความชื้นจำหน่ายให้แก่ชาวนาในราคาที่ถูกกว่าร้านค้าถึง 50 % ยกตัวอย่างถ้าร้านค้าจำหน่ายถังละ 180 บาททางธนาคารเมล็ดพันธุ์จะจำหน่ายเพียงถังละ 80-90 บาทเท่านั้นซึ่งช่วยให้ชาวนาลดต้นทุนเมล็ดพันธุ์ลงไปได้มากทีเดียว ซึ่งการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวให้แก่ชาวนาในเครือข่ายมีทั้งจ่ายสด ,เอาไปก่อนแล้วจ่ายทีหลังหรือมากหักค่าใช้จ่ายตอนขายข้าวเปลือกก็ได้ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสวัสดิการให้แก่ชาวนาในเครือข่าย

ช่องทางการจำหน่ายข้าวสารของทางศูนย์ข้าวชุมชนคลองสามวา นั้นอยู่ที่ทำการเขตคลองสามวา,การออกบูท การจำหน่ายตรงให้กับโรงเรียน เอกชนที่สนใจเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวของทางศูนย์ซึ่งเป็นการบอกต่อถึงคุณภาพข้าว และการบริการที่ยึดถือความซื่อสัตย์ ตรงเวลา ในราคายุติธรรม ทุกวันนี้คุณยงยุทธ เทียนรุ่งเรือง ชาวนาทระนงแห่งชุมชนคลองสามวา บอกทุกคนได้อย่างเต็มภาคภูมิว่าอาชีพชาวนาไม่มียากจน ไม่มีอด เป็นอาชีพที่มีเกียรติศักดิ์ศรีเหมือนอาชีพอื่นๆ

ที่อยู่และช่องทางการติดต่อ :คุณยงยุทธ เทียนรุ่งเรือง ศูนย์ข้าวชุมชนคลองสามวา ที่อยู่ 182 หมู่2 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510 โทร.08-2050-4040

ชาวนาทรนงแห่งคลองสามวา
เรื่อง/ภาพโดย : ทีมงานรักบ้านเกิด.คอม