"กระเจี๊ยบแดง" เป็นพืชล้มลุกปีเดียว แต่เจริญเติบโตได้เร็ว โดยมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปแอฟริกา มีความสูงประมาณ 1 - 2 เมตร ลำต้นมีขนาดประมาณ 1 - 2 ซม. ใบมีขนปกคลุม และเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับตามความสูงของกิ่ง ขอบใบเป็นแฉกคล้ายเรื่อย ดอกเป็นสีชมพูออกม่วง เป็นดอกเดี่ยว ดอกมีกลีบเลี้ยง ประมาณ 5 กลีบ หุ้มดอกด้านบน มีขนาดใหญ่ อวบหนา ผลมีลักษณะเป็นวงรี คล้ายรูปไข่ ถูกหุ้มด้วยกลีบเลี้ยง มีสีแดงเข้ม
การก้าวขึ้นมาเป็นเทรนด์อาหารปี 2022 ของ "กระเจี๊ยบแดง" ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะผลผลิตแปรรูปที่สำคัญของ "กระเจี๊ยบแดง" อย่างการสกัดไปเป็นเครื่องดื่มก็ได้รับความนิยมไม่น้อย โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ตามร้านขายเครื่องดื่มก็มีให้เห็นกันจนชินตา แต่ความนิยมในต่างประเทศก็มีไม่น้อย โดย Whole Foods บริษัทที่ทำธุรกิจ "ซูเปอร์มาร์เก็ต" ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผย 10 เทรนด์อาหารในปี 2022 หนึ่งในนั้นก็มี "ชบา" หรือ "กระเจี๊ยบแดง" ติดอยู่ด้วย เนื่องจากผลิตภัณฑ์แปรรูปของ "กระเจี๊ยบแดง" อย่าง โยเกิร์ต แยม ได้รับความนิยมจากเหล่าคนรักสุขภาพเป็นจำนวนมาก
อย่างที่กล่าวไปการจะมาเป็นเทรนด์อาหารในยุคนี้ได้นั้น ด้านประโยชน์และสรรพคุณก็สำคัญ โดยสรรพคุณของ "กระเจี๊ยบแดง" ก็แน่นโดยไม่มีข้อกังขาในเรื่องประโยชน์ของสุขภาพ โดยแบ่งเป็นส่วนของต้น ดังนี้
ดอก ช่วยขับปัสสาวะ และแก้ขัดเบา
ผล แก้กระหาย บำรุงร่างกาย ลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
กลีบเลี้ยง ช่วยขับนิ่วในไต และในกระเพาะปัสสาวะ ลดไข้ แก้ไอ แก้เสมหะ
ใบ ช่วยย่อยอาหาร เป็นยาระบาย สามารถนำมาต้มล้างแผลได้
เมล็ด บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ เป็นยาระบาย ช่วยขับเหงื่อ
มาแรงขนาดนี้ อาจจะคิดว่าขั้นตอนการปลูก "กระเจี๊ยบแดง" คงเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่อย่างที่บอกไป "กระเจี๊ยบแดง" นั้นโตไว ทำให้มีวิธีการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก โดยวิธีการปลูกนั้นเริ่มจาก
1. การหยอดเมล็ดลงหลุม 2-3 เมล็ด แล้วกลบดิน
2. ในระยะต้นอ่อน ให้ถอนและแยกให้เหลือหลุมละ 1 ต้น ระยะห่างระหว่างต้น 1 เมตร ระหว่างแถว 1-1.5 เมตร
3. ระยะช่วง 30-60 วัน ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ต้นทนแล้งได้ดี การใช้ปุ๋ย ควรใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์ และไม่ควรใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนมากเกินไป
4. เมื่ออายุได้ 180 วันก็สามารถทยอยเก็บเกี่ยวและนำไปแปรรูปเป็นสินค้าต่าง ๆ ได้ ส่วนเมล็ดสามารถนำไปตากแดด
ปลูกง่ายแถมมีประโยชน์ขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม "กระเจี๊ยบแดง" จึงได้กลายเป็นเทรนด์อาหารมาแรงในปี 2022 เพราะยังพ่วงสรรพคุณที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมด้านรสชาติก็ดีไม่แพ้กัน เกษตรกรท่านใดที่สนใจที่จะปลูก ก็อย่ารอช้า ไปหยิบอุปกรณ์แล้วมาปลูก "กระเจี๊ยบแดง" กันเถอะ