แรงบันดาลใจของ..เกษตรกรวิถีอินทรีย์
เดิมคุณแต้เรียนจบด้านบัญชีจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำงานที่บริษัทตรวจสอบบัญชีเอิร์นสันยังที่ประเทศไทย หลังจากนั้นก็ไปเรียนต่ออีก 5 ปี ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาในสาขา MBA Supply chain management หรือการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
จุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณแต้หันสนใจอาชีพเกษตรกรนั้นเริ่มจาก การค้นหาตัวเอง อยากเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเดิมๆ งานเดิมๆ ที่เคยทำมา ประกอบกับ แรงบันดาลใจจากในหลวง ร.9 ที่ท่านให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรของไทย ซึ่งในขณะนั้นด้วยความที่คุณแต้เป็นคนเมือง ไม่เคยสัมผัสการเกษตร หรือแม้แต่เลี้ยงไส้เดือนมาก่อนเลย จึงมองการทำเกษตรในฐานะผู้ดูและสงสัยว่า ทำไม? เกษตรกรไทยถึงยังลำบาก ยังยากจน ยังขาดทุน แต่เขายังคงเลือกทำเกษตรอยู่ จึงตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรเองเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เกษตรกรไทยเผชิญอยู่ พร้อมตั้งมั่นว่า "ต้องเป็นเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์"
หลากอุปสรรคที่เผชิญ..แก้ได้ด้วยตัวเราเอง
เมื่อตัดสินใจเดินหน้าสู่วิถีเกษตรกรแล้ว คุณแต้ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายทั้งจากตัวเอง ที่ไม่มีความรู้ด้านเกษตรเลย ไม่เคยจับจอบจับเสียมมาก่อน บวกกับสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมสำหรับการทำเกษตร นอกจากนี้ยังเจออุปสรรคจากภายนอกที่คนรอบข้างไม่เห็นด้วย เพราะต่างก็รู้ว่าการเป็นเกษตรกรนั้นลำบาก คุณแต้เองก็ไม่ใช่คนสิงห์บุรี ไม่เคยทำเกษตรมาก่อน คุณพ่อคุณแม่จึงเป็นห่วงมาก การทำเกษตรในปีแรกๆ ของคุณแต้จึงค่อนข้างลำบากและยังไม่ประสบความสำเร็จ
"ทั้งหมดที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้นมาจากตัวเราเอง ที่เราไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้คนรอบข้างได้ เรายังไม่มีรายได้จากอาชีพเกษตรกร ทุกคนเลยเป็นห่วง รวมถึงตัวเราเองที่ใจร้อน อยากประสบความสำเร็จไวๆ อย่างทำเกษตรเพาะเลี้ยงไส้เดือนตอนแรกก็เจ๊ง ก็เปลี่ยนไปทำอีกอย่าง ปัญหามันจึงไม่ได้ถูกแก้ และปัญหาก็ยิ่งพอกพูน กำลังใจก็ยิ่งถดถอย"
สิ่งที่ทำให้คุณแต้ผ่านมาได้คือ การมองเห็นปัญหาว่ามาจากตัวเองและต้องแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเองเช่นกัน คุณแต้จึงกลับมาเริ่มต้นใหม่ ค่อยๆ แก้ไขปัญหาที่เจอ ค่อยๆ สืบค้นไปถึงต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง ไม่หนีปัญหา และกลับมาเลี้ยงไส้เดือนอีกครั้ง
ใส่ใจ ดูแล ให้ไส้เดือนเป็นจุดศูนย์กลาง
คุณแต้กลับมาใส่ใจและให้เวลากับการเพาะเลี้ยงไส้เดือนอีกครั้ง โดยยึดเอาความต้องการไส้เดือนเป็นจุดศูนย์กลาง พร้อมค่อยๆ เรียนรู้ว่าไส้เดือนชอบอยู่สภาพแวดล้อมแบบไหน ทำอย่างไรถึงให้ไส้เดือนอยู่แล้วมีความสุข และสร้างผลผลิตให้กับฟาร์มได้
"เมื่อเราไม่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางแล้ว ก็ทำให้ใจเราเย็นลง คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเราเอง ทำให้เรารอได้ อดทนได้ และใส่ใจกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่รอบข้าง"
อย่างการเลี้ยงไส้เดือนในช่วงแรก คุณแต้เลี้ยงในโรงเรือน หวังแค่ผลผลิตโดยไม่ได้ใส่ใจหรือเอาความต้องการของไส้เดือนเป็นที่ตั้ง ผลคือไส้เดือนตาย พอกลับมาค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหา และใส่ใจว่าจะทำอย่างไรให้ไส้เดือนมีความสุขเพื่อให้ผลผลิตได้ ก็พบว่าจริงๆ แล้วที่ตรงนั้นร้อนเกินไป บวกกับเป็นปูนที่เก็บความร้อนแล้วมาคลายความร้อนกับไส้เดือน ไส้เดือนจึงตาย
ฟาร์มไส้เดือนบันดาลใจสู่..ศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ จ.สิงห์บุรี
ปัจจุบันฟาร์มไส้เดือน Mr.Hope ของคุณแต้ได้พัฒนาสู่ศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ จังหวัดสิงห์บุรี ที่เปิดโอกาสให้เกษตรกรหรือผู้ที่สนใจทำเกษตรเพาะเลี้ยงไส้เดือนเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ยังมี โครงการให้เช่าไส้เดือน โดยให้คนที่สนใจอยากทดลองเลี้ยงไส้เดือนเป็นรายได้เสริม ให้เช่าไปเลี้ยง เมื่อเลี้ยงจนได้ผลผลิตมูลไส้เดือนและมีไส้เดือนเพิ่มขึ้นแล้ว ก็กลับมาขายคืนที่วิสาหกิจชุมชน ช่วยกระจายรายได้อีกทาง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก
โดยคุณแต้เสริมว่า "การเลี้ยงไส้เดือนไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งปัญหาหลักเจอคือเรื่องอาหารไส้เดือน ถ้าคนที่รับไปเลี้ยงไม่อดทนกับปัญหามากพอ เขาก็จะยอมแพ้ไป กลับกันคนที่เจอปัญหาแล้วแก้ไข คนที่ล้มบ่อยๆ เขาก็จะรอด ต่างจากคนที่ล้มแล้วกลัวเจ็บครั้งต่อไป"
"Mr. Hope Organic Supplies" เพราะอยากให้คนกลับมารักการเพาะปลูกอีกครั้ง
ในช่วงแรกที่ทำเกษตรคุณแต้มีอีกหนึ่งสิ่งที่ตั้งใจจะทำคือ อยากทำผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ทำให้คนเมืองกลับมาหลงรักการเพาะปลูก โดยเลือกที่จะทำอินทรีย์วัตถุรวมถึงวัสดุปลูกต่างๆ จำหน่ายภายใต้แบรนด์ Mr. Hope Organic Supplies เพราะคุณแต้เชื่อว่า "หากเขาประสบความสำเร็จจากก้าวแรกที่เขาได้ลองทำแล้ว เขาก็จะมีก้าวต่อไปแล้วก็ก้าวต่อไปอีก เขาจะหลงรักการเพาะปลูกมากขึ้นเรื่อยๆ"
ผลิตภัณฑ์ที่ฟาร์มไส้เดือน Mr. Hope จำหน่ายมีตั้งแต่ มูลไส้เดือน น้ำสกัดมูลไส้เดือน น้ำส้มควันไม้ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จุลินทรีย์ผลไม้รวม ดินปลูกสูตรต่างๆ เช่น สูตรดั้งเดิม สูตรสำหรับปลูกแคคตัส สูตรพืชสมุนไพร โดยมีช่องทางการจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งในช่วงโควิด-19 คุณแต้จะเน้นตลาดออนไลน์เป็นหลัก พร้อมเสริมว่า
"ช่วงโควิด-19 แทบไม่ได้รับผลกระทบเลย มีแต่ผลพลอยได้ เพราะคนหันมาสนใจปลูกต้นไม้กันมากขึ้น อยู่บ้านกันเยอะขึ้น กระแสปลูกต้นไม้ก็มาแรง บวกกับเราทำการตลาดออนไลน์ไว้ก่อนจะมีโควิด-19 แล้วผลิตภัณฑ์เรามีรีวิว ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการซื้อครั้งแรก"
สำหรับเป้าหมายของคุณแต้ในตอนนี้คือ การทำวันนี้ให้ดีที่สุดและเตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะในแง่ดีหรือแง่ร้าย เพราะทุกอย่างก็ไม่มีอะไรแน่นอน
"ยิ่งล้มเร็ว ก็ยิ่งลุกเป็น"
สุดท้ายนี้คุณแต้อยากฝากถึงเกษตรกรรุ่นใหม่หรือผู้ที่สนใจมาทำเกษตร ไม่ว่าจะเพาะเลี้ยงไส้เดือนแบบคุณแต้ หรือทำเกษตรปลูกพืชผักอื่นๆ ว่า "อยากให้กล้าที่จะลองทำสิ่งต่างๆ ที่ออกจาก Comfort zone กล้าที่จะล้มแล้วลุกขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งเราล้มเร็ว เราก็ยิ่งลุกเป็น และอย่าให้คำพูดของคนอื่นมากำหนดเส้นทางเดินชีวิตของเรา ในบางครั้งเราทำภายใต้ความคาดหวังหรือเสียงของคนอื่น แล้วนำสิ่งนั้นมาเป็นข้ออ้างที่เราไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งมันไม่ใช่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเอง"
รักบ้านเกิดขอขอบคุณแรงบันดาลใจดีๆ จากคุณแต้แห่งฟาร์มไส้เดือน Mr.Hope นะครับ แน่นอนว่าการทำเกษตรไม่ใช่เรื่องง่าย มีปัญหามากมายให้เราต้องเรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข หรือมีล้มลุกคลุกคลานบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่หากเราไม่ลองลงมือทำ ไม่กล้าที่จะล้ม แล้วเก็บประสบการณ์มาพัฒนาปรับปรุงต่อ การทำเกษตรก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จนะครับ