เกษตรกรต้นแบบ

"ละมัย สระทองหน : ทำสวนสะเดาอินทรีย์ ที่บ้านสวนละมัยพร"

 09 ตุลาคม 2561 5,775
จ.นครปฐม
สังคมที่วุ่นวายทุกวันนี้เพราะคนไม่รู้จักพอ
หากเราใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
ไม่ฟุ้งเฟ้อ พอใจในสิ่งที่มี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
พร้อมนำหลักที่ในหลวงท่านให้ไว้
มาปฏิบัติอย่างจริงจัง
ชีวิตก็จะพบกับความสุขแน่นอน

คุณละมัยและดาบตำรวจพรชัย ผู้ปลูกสะเดาอินทรีย์ ที่บ้านสวนละมัยพร

หลังจากมีประสบการณ์คุณพ่อของตนเองเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการทำเกษตรโดยการใช้สารเคมีแล้ว ทั้งสองสามีภรรยา ก็หันมาเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ โดยยึดตามแนวทางที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานแนวทางไว้ให้ และได้พบว่า การทำเกษตรอินทรีย์ทำให้ทั้งคู่มีความสุขมากขึ้น สุขทั้งจากการได้ทำให้พืชผลของตนปลอดจากสารพิษ สุขที่ทำให้ทั้งตนเอง คนรอบข้าง และคนที่มารับซื้อผลิตภัณฑ์ของตัวเองปลอดภัย มีร่างกายแข็งแรง ทำให้ไกลจากโรคภัย

นอกจากนั้น อีกความภาคภูมิใจที่สำคัญมาก ที่ลุงดาบตำรวจพรชัยบอกคือ ความภาคภูมิใจที่ได้เกิดในแผ่นดินของในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ภาคภูมิใจที่ท่านได้ลงมาดูแลเอาใจใส่เรื่องการเกษตร ชี้แนะแนวทาง ทำให้พวกเราอยู่ดี กินดี สามารถผลิตอาหารที่ปลอดภัยสู่ประชาชนของเราและทั่วโลกได้ด้วย

คนที่บอกว่าการเป็นเกษตรกรนั้นลำบาก คุณลุงดาบบอกว่า คนที่พูดอย่างนั้น เพราะก้าวไปไม่ถึงการเป็นเกษตรกรจริงๆ ต่างหาก การเป็นเกษตรกรถามว่าเหนื่อยไหม ตรากตรำไหม ร้อนแดดไหม เหนื่อยก็พักซิครับ ร้อนก็เข้าไปหลบตามร่มไม้ เป็นเรื่องง่ายจะตาย ทำสิ่งที่มันง่ายๆ อย่าไปคิดอะไรที่มันยาก ปุ๋ยเราก็หาเอง ทำเอง เก็บพืชผักผลไม้มาดอง มาหมัก มันก็ไม่เห็นยาก มันมีความสุขต่างหากที่เรารู้จักทำรู้จักใช้ และแนวทางเหล่านี้มันมีอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะปฏิบัติตามหรือไม่ คนเราส่วนใหญ่ไม่ชอบลงมือ ชอบกลัวไปก่อน มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากมาทำการเกษตร ถ้ามีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่แล้วลุงดาบสนับสนุน ขอแค่มีความขยัน อดทน ให้มาทำเลย แล้วจะได้พบกับอะไรใหม่ ๆ ที่เราสามารถคิดเองทำเองโดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับ เดินด้วยทางของตัวเองได้ และแนะนำให้ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทาง เพราะท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้แล้วในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องปุ๋ย เรื่องการบำรุงต้นพืช น้ำหมัก ศึกษาเรื่องนี้ไว้ จะทำการเกษตรให้เป็นอินทรีย์ได้ดีที่สุด นอกจากนั้น ยังจะทำให้สังคมของเรามีความรัก สามัคคีกัน เพราะเมื่อลงมือทำเรื่องพวกนี้ เราจะเกิดการแบ่งปัน ไม่ต้องไปดิ้นรนเรื่องการกินอยู่ ทำทุกอย่างที่กิน เอาของในสวนมาใช้ทุกอย่างได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่ต้องออกไปดิ้นรนหาตรงไหนอีกแล้ว มันเป็นความสุขที่เราสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นควรจะหันมาทำเรื่องการเกษตรให้มาก อย่ามุ่งแต่จะขายที่ของพ่อแม่ อย่าลืมว่าประชากรของเรามากขึ้น คนเราจะมีที่ทางน้อยลง เราต้องเก็บรักษาทรัพย์สมบัติของพ่อแม่และผืนแผ่นดินของพวกเราให้เป็นธรรมชาติและเป็นอินทรีย์มากที่สุด เพื่อชีวิตและความสุขของพวกเรา และคนที่ได้รับประทานอาหารดีๆ จากพืชผักอินทรีย์ของพวกเราครับ

บ้านสวนละมัยพร นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 มาใช้เป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิต ทั้งด้านการเกษตร และหลักคิดในการใช้ชีวิตประจำวัน ดาบตำรวจพรชัยบอกว่า “สังคมที่มันวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะคนไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่มทำทุกวิถีทางเพื่อหาผลประโยชน์จนคนอื่นเดือดร้อน หากเราใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ พอใจในสิ่งที่มี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น พร้อมนำหลักที่ในหลวงท่านให้ไว้มาปฏิบัติอย่างจริงจังชีวิตก็จะพบกับความสุขแน่นอน”

สามารถขายดอกและตอนกิ่งขายได้ด้วย

วันนี้เรามาที่สวนสะเดา ของคุณละมัย สระทองหน อายุ 53 ปี และ ดาบตำรวจพรชัย สระทองหน อายุ 52 ปี สองสามีภรรยา ที่ภรรยาทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก ส่วนลุงดาบ ประจำอยู่ที่โรงพักกระตีบ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐมครับ และทำการเกษตรเป็นอาชีพเสริม

ก่อนที่จะมาทำเกษตรอินทรีย์ สองสามีภรรยาปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น ปลูกข้าว ปลูกชมพู่ มีต้นไผ่ แต่มามีจุดเปลี่ยนตรงคุณพ่อของลุงดาบเสียชีวิตเพราะใช้สารเคมีมากเกินไป ทั้งสองจึงมาทบทวนดูว่าควรจะทำอะไรต่อไป จึงหันมาทำเรื่องเกษตรอินทรีย์ เพราะเชื่อว่าเมื่อไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสารเคมี อินทรีย์จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งต่อคนปลูกและคนรับประทาน รวมไปถึงคนรอบข้างด้วย จึงหันมาทำเกษตรอินทรีย์นับจากนั้น

ดาบตำรวจพรชัย และคุณละมัยทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่ 19 ไร่ แบ่งเป็นโซนว่าพืชตรงไหนจะปลูกอะไร เพื่อให้มีรายได้ทั้งปี แล้วก็มีแหล่งน้ำ มีบ่อน้ำอยู่ทางด้านข้างเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ และเป็นแหล่งเรียนรู้การประมง และเป็นที่แบ่งปันให้ความรู้แก่คนทั่วไป ทั้งนักเรียน นักศึกษา เพราะทางสวนทำเรื่องเมล็ดพันธุ์พืชที่หายไป แล้วก็พยายามสร้างยุวชนเกษตร เพื่อไม่ให้เกษตรกรหายไป เพราะปัจจุบันนี้เด็กรุ่นหลังแทบจะไม่มาเป็นเกษตรกร

“ปลูกสะเดาไม่ยากนะครับ” ลุงดาบตำรวจพรชัยบอก ลุงดาบบอกว่า ถ้าเราได้กิ่งมา เราก็ขุดหลุมลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมปุ๋ยคอกลงไป แล้วก็กลบดินธรรมดาเหมือนต้นไม้ทั่วไป เพราะสะเดาเป็นพืชที่ขึ้นง่ายอยู่แล้ว การดูแลรักษาไม่ยาก ป้องกันในเรื่องพวกแมลงก็ไม่มีอยู่แล้ว ก็รดน้ำช่วงประมาณสัก 2 ปี ก็จะได้ผลผลิต ต้นโตพอสมควรเขาก็จะออกผลผลิต ออกยอดให้ เรื่องการดูแลรักษาก็ไม่ต้องดูแลมากมาย หญ้าก็ป้องกันบ้าง ไม่ถึงกับต้องทำให้เตียน ใช้วิธีตัดเอา เพราะว่าต้นสะเดาเขาสูงอยู่แล้ว แมลงกัดกินต้นก็พอมีบ้าง

ใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์

คุณละมัยเล่าให้ฟังว่า ได้ต้นสะเดามาช่วงงานเกษตรที่กำแพงแสนเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ไปออกร้าน แล้วไปเจออาจารย์ท่านหนึ่งมาขายสะเดา ก็เลยซื้อพันธุ์มาปลูก แล้วมันเป็นพันธุ์ที่ดี แล้วออกตามกิ่งก้านมาเรื่อยๆ ไม่ได้ว่าออกครั้งเดียวแล้วหมดเลย ก็เลยเอามาปลูก ช่วงนั้นคุณพ่อยังไม่เสียชีวิต ก็นำมาปลูกในพื้นที่นี้ หลังจากนั้นประมาณ 2 ปีก็ออกผลผลิต แล้วก็เก็บมาเรื่อยๆ ข้อดี คือ ออกก่อนฤดู แล้วเป็นพันธุ์ที่ขมน้อยแล้วนุ่ม ถ้าสะเดาบ้านจะขมเยอะแล้วลวกน้ำหลายครั้ง และแถวนี้ก็ไม่มีใครปลูก

ทางด้านการตลาด ตอนนี้ก็มีส่งให้โรงแรมสามพราน สามพราน ริเวอร์ไซด์ ตลาดสุขใจ แล้วก็ตลาดนัดที่ธนาคารไทยพาณิชย์เดือนละครั้ง นอกจากนั้น ก็มีพ่อค้าทั่วไป เพราะว่าส่วนใหญ่คนจะชอบบริโภคสะเดาไม่เยอะ แล้วก็มีแม่ค้าตามตลาดนัด ชาวบ้านตามหมู่บ้านก็มีที่จะเข้ามาซื้อ ส่วนมากจะเป็นคนสูงวัย แต่หลายครั้งคุณละมัยก็บอกว่าสะเดาที่สวนไม่พอขาย ถึงแม้จะเก็บได้ทุกวันในช่วง 3 เดือนที่สะเดาออกก็ตาม

เกียรติบัตรที่บ้านสวนละมัยพรได้รับ คือ
-Act Organic Standards หรือ ใบรับรองมาตรฐาน มกท. จาก สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย

-ใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มกษ.9000 เล่ม 1-2552 จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ใบรับรองการปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภายใต้กระบวนการ พี จี เอส ของมูลนิธิเกษตรอินทรีย์ไทย

นอกจากสะเดาที่เป็นพืชหลักของสวนแล้ว ก็ยังมีพืชอื่นๆ ที่ปลูกแบบผสมผสาน

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

ละมัย สระทองหน
บ้านเลขที่ 69 หมู่ 1
ตำบลทุ่งขวาง
อำเภอกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม
โทร. 0873688469

ปลูกสะเดาขายแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ต้องดูแลมาก ออกดอกทุกปี ที่บ้านสวนละมัยพร

เทคนิคการทำปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับบำรุงสะเดา

เรื่อง/ภาพโดย: ณัฏฐ์ คำวิชัย ทีมงานรักบ้านเกิด