เกษตรกรต้นแบบ

"อำนาจ ศรีบัวทอง : เกษตรกรเจ้าเทคโนโลยี"

 14 สิงหาคม 2561 5,130
จ.อ่างทอง
ผมยึดหลักความรู้คู่คุณธรรม
ถ้ามีความรู้ แม้กระทั่งด้านการเกษตร
ก็จะประสบความสำเร็จ
และไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตได้
ความซื่อสัตย์ ทั้งซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
และซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ก็จะสร้างความเชื่อมั่น
ให้ประสบความสำเร็จ อย่างยั่งยืนต่อไป

คุณอำนาจ ศรีบัวทอง เกษตรกรทำนาข้าวอินทรีย์ จ.อ่างทอง

ทุกวันคุณอำนาจมีความสุขกับชีวิตของตัวเอง มีความสุขกับการเป็นเกษตรกร มีความสุขที่ไม่ต้องใช้ชีวิตในกรอบเวลาของใคร ไม่ต้องเข้างานตรงเวลา ไม่ต้องพักตรงเวลา ไม่ต้องทำตามกฎระเบียบของโรงงานหรือบริษัท หน่วยงานต่างๆ เขาภูมิใจที่ได้รับผิดชอบหน้าที่การงาน อาชีพของพ่อแม่ และวันนี้กลายเป็นอาชีพของตัวเขาเอง และพบว่านี่แหละ คือความสุขของชีวิตเขา

ทุกวันนี้อาชีพเกษตรกรทำให้เขามีฐานะ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาเชื่อว่าทุกอาชีพดีหมด มีคุณค่าของตัวเอง แต่อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่อิสระ และสร้างรายได้ให้กับเขาไม่น้อย เพราะเขาตั้งใจและมุ่งมั่นทำจริง ๆ

ความแน่วแน่ ความมุ่งมั่น เป็นพลังสำคัญของการทำเกษตรกรรม เพราะการทำเกษตรต้องมีเวลารอ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักอดทน รอคอย แต่เป็นอาชีพที่อิสระ ตัวคุณอำนาจเองมีความสุขกับอาชีพนี้ มีความสุขกับการได้อยู่ที่ท้องไร่ท้องนา มีรายได้พอที่จะเลี้ยงครอบครัวและสร้างฐานะตัวเองให้ดีขึ้น

สำหรับท่านที่อยากมาทำอาชีพนี้ขอให้ไม่ท้อ มุ่งมั่น อดทน รอคอย และสามารถเข้ากลุ่มมาปรึกษาขอคำแนะนำได้ เพราะเขามีศูนย์ชุมชนบ้านดงนุ่น มีการแนะนำการปลูกข้าวแบบ GAP การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามพระราชดำริ การลดต้นทุนในการผลิตสินค้าเกษตรกรรม การเพาะปลูกอย่างไรให้ลดต้นทุนได้ ซึ่งทางกลุ่มยินดีต้องรับและให้คำแนะนำ

คุณอำนาจยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 ในการทำงาน โดยเฉพาะหลักการ 2 เงื่อนไข 3 ห่วง ในส่วนของ 2 เงื่อนไขนั้น มีความสำคัญต่อชีวิตเขามาก นั่นคือ ความรู้คู่คุณธรรม ถ้ามีความรู้แม้กระทั่งด้านการเกษตร ก็จะสามารถประสบความสำเร็จ และไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตได้ และคุณธรรมที่ในหลวง ร.9 ท่านทรงสอนไว้ และเขายึดถือ คือ “ความซื่อสัตย์” ทั้งซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปฏิบัติการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป

ข้าวที่ปลูกแบบ GAP ปลอดภัยได้มาตรฐาน

คุณอำนาจ สีบัวทอง เกษตรกรรุ่นใหม่วัย 36 ปี ผู้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำนา และขยายกิจการนา อาชีพของพ่อแม่ และของตัวเองออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

คุณอำนาจทำนาเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริมคือบริการรถเกี่ยวข้าว และยังแปรรูปข้าวสารขายเองอีกด้วย เดิมคุณพ่อคุณแม่ทำนา ตัวเขาเองก็ช่วยทำตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ แต่พอเรียนจบ ก็ไม่ไปทำอาชีพอื่น ลุยทำนาช่วยพ่อแม่ต่อเลย แต่เขาไม่เพียงทำแต่นาเท่านั้น เมื่อทำไปเรื่อย ๆ จึงขยายกิจการไปให้บริการรถเกี่ยวข้าว บริการรถไถครบวงจร แปรรูปข้าวสารขายเอง โดยขายผ่าน Social Media อาทิ เฟสบุ๊ค ไลน์ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังเปลี่ยนวิถีการทำนาของพ่อแม่ จากที่ทำนาเคมี มาทำนาอินทรีย์แบบปลอดสาร โดยเริ่มจากการทำนาปลอดสารก่อน แล้วจึงเพิ่มมาเป็นทำนาอินทรีย์ เพราะอยากทำนาที่ประหยัดต้นทุน ได้ข้าวที่มีคุณภาพ ไม่มีสารตกค้างถึงผู้บริโภค ซึ่งเขาก็มาสามารถทำได้ดั่งตั้งใจ

นอกจากการทำนาแล้ว คุณอำนาจยังมีอาชีพเสริมอื่นๆ อีก เช่น ปลูกผัก เลี้ยงปลา ซึ่งถือเป็นรายได้รายวัน นำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตได้ เขามีความเห็นว่าการทำการเกษตร ไม่ควรทำเพียงอย่างเดียว ควรมีรายได้จากหลายช่องทาง เผื่อพืชตัวไหนราคาตก ก็ยังมีพืชตัวอื่นคอยเสริมได้

จากประสบการณ์การทำงาน และการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ทำให้คุณอำนาจ สีทอง มั่นใจในความรู้ที่มีของตนระดับหนึ่ง และได้จัดตั้งศูนย์ชุมชนบ้านดงนุ่น เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ของอำเภอ ศูนย์นี้เกิดขึ้นได้โดยเข้าไปเรียนรู้กับหน่วยงานราชการต่างๆ และส่งประกวดผลงาน จนได้รับรางวัลรับชนะเลิศ และรองชนะเลิศอยู่ตลอด จึงเป็นที่ยอมรับของทั้งหน่วยราชการและชาวบ้าน ปัจจุบันสมาชิกในกลุ่ม มี 15 คน ที่มาอบรมที่นี่ โดยมีการแนะนำการปลูกข้าวแบบ GAP การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามพระราชดำริ การลดต้นทุนในการผลิตสินค้าเกษตรกรรม การเพาะปลูกอย่างไรให้ลดต้นทุนได้ ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากเพื่อนเกษตรกรเลยทีเดียว

แปลงนาของคุณอำนาจ เป็นนาอินทรีย์ ซึ่งทำยากพอสมควร เพราะว่าจะไม่ใช้สารเคมีเลย และพื้นที่ต้องมีแนวกันชนไม่ให้สารเคมีด้านข้างเข้ามาในแปลงนาได้ และต้องมีแหล่งน้ำเป็นของตัวเอง คุณอำนาจทำนาอินทรีย์นี้มาแล้วประมาณ 5 ปี ในช่วงเริ่มแรกอยู่ในระยะปรับเปลี่ยน หาวิธีการที่ดีที่สุด ไปศึกษาเรียนรู้จากหน่วยงานราชการที่จัดอบรมต่างๆ และนำมาปฏิบัติในแปลงนาของเขาเอง จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 3 จึงเข้าสู่การขอใบรับรอง GAP แล้วก็เข้าสู่ใบรับรอง Organic Thailand

ข้าว Rice Berry ที่กำลังขอใบรับรอง

ผลผลิตที่ได้จากการทำนาอินทรีย์อยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับการทำนาเคมี แต่รายได้ดีกว่ามาก เขามีตลาดประจำ และมีลูกค้าที่ขายปลีกด้วย ซึ่งตอนนี้ใช้การขายผ่าน Social Media โดยผ่าน Facebook และ Line มีการทำเพจเพื่อบอกเล่าการทำงานต่างๆ มีลูกค้าเข้ามาทักทายและสั่งซื้อสินค้า ซึ่งทำให้การค้าขายง่ายและสะดวกมาก ลูกค้าก็เชื่อมั่นในคุณภาพข้าวของเขา เพราะเขาจะโพสต์ในเพจบน Facebook อยู่ตลอด

คุณอำนาจมีพื้นที่ทำนาทั้งหมด 140 ไร่ แบ่งเป็น Rice Berry 30 ไร่ ข้าวหอมปทุม 20 ไร่ ข้าวเหนียวสันป่าตอง 20 ไร่ ที่เหลือก็เป็นข้าว กข ต่างๆ อาทิ ข้าวเจ้า 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น และเนื่องจากเขามีพื้นที่ในการทำนามากขนาดนี้ จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีทางด้านการเกษตรมาช่วยทำงาน ไม่ว่าจะเป็น รถเกี่ยวข้าว รถไถ รถแทร็กเตอร์ เครื่องสีข้าว เครื่องบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ เป็นต้น และเขาคิดว่าอีกสัก 10 ปีข้างหน้า แรงงานจ้างทางด้านเกษตรจะน้อยลง จึงเตรียมที่จะใช้โดรนในการพ่นสารเคมี ปุ๋ยต่างๆ ในอนาคต เพราะตอนนี้ที่นาของเขา 140 ไร่ ต้องจ้างแรงงานอยู่ที่ 40,000 บาท ต่อ 1 ฤดูกาล ปีหนึ่งทำนา 2 ครั้ง ก็ 80,000 บาท จึงคิดว่าแรงงานต่อไปจะแพงขึ้น หายากขึ้น การนำโดรนเข้ามาใช้จะช่วยแก้ปัญหาด้านแรงงานให้แก่เขาได้

-.รางวัลที่ภูมิใจมากที่สุดคือได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ในการลดต้นทุนการทำนา ในปี พ.ศ. 2558 และ 2559

ทั้ง 2 ปีที่ได้รับรางวัล ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ฯ เพราะพระองค์ท่านเสด็จมาเปิดงาน เขาได้จัดนิทรรศการเรื่องการลดต้นทุนให้พระองค์ท่านได้ทอดพระเนตร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ทรงแสดงความห่วงใยเรื่องชาวนา เกรงว่าข้าวจะล้นตลาดทำให้ไม่พอเพียง ไม่พอดี ทรงฝากเรื่องนี้ให้ช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งทำให้คุณอำนาจปลื้มปิติมาก เขาจึงมีแนวทางที่จะให้เกษตรกรรุ่นใหม่เข้ามาทำนา โดยตั้งศูนย์ชุมชนบ้านดงนุ่น เพื่อให้ข้อมูลความรู้ แนะแนวทางแก่เกษตรกรทั้งรุ่นใหม่และเก่า เพื่อไม่ให้อาชีพเกษตรกรน้อยลงไป เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่จะหันไปทางภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น

ถึงจะทำนาข้าวเป็นหลัก แต่ก็มีพืชผักผลไม้ในสวนไว้กิน ไว้ขายตลอดปี

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

นายอำนาจ ศรีบัวทอง
ที่อยู่ 37/2 หมู่ที่ 9 ต.คำหยาด
อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง 14120

อำนาจ ศรีบัวทอง ชาวนาเจ้าเทคโนโลยี ปลูกข้าว สี ขาย ครบวงจร

ปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

เรื่อง/ภาพโดย: อุษา ประสิทธิเวช ทีมงานรักบ้านเกิด