เกษตรกรต้นแบบ

"เหลี่ยง แสงรัตน์ : ชาวนาเกษตรอินทรีย์ โดยวิถีธรรมชาติ"

 01 เมษายน 2559 4,449
จ.ระยอง
ผมทำนาและปลูกผักขาย จะทำเหมือนปลูกกินเอง
สารเคมีอันไหนเราเลี่ยงได้เราก็เลี่ยง
ผมทำเกษตรผมจะใช้วิธีทางธรรมชาติให้มากที่สุด

ลุงเหลี่ยง ชาวนาผู้ยึดหลักเกษตรอินทรีย์

การทำนาข้าวของเกษตรกรในยุคปัจจุบัน มักนิยมใช้สารเคมีเพื่อความรวดเร็วในการกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชที่เข้ามาทำลายผลผลิต ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่สูงอันเนื่องมาจากการใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีที่นำมาใช้เพื่อการเพิ่มผลผลิตในแปลงนาข้าว จึงนับเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ชาวนาไทยต้องเป็นหนี้เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และขณะเดียวกันสภาพแวดล้อมในพื้นที่ก็เริ่มเสื่อมโทรม เพราะกุ้ง หอย ปู ปลา ที่เคยมีอุดมสมบูรณ์ในแหล่งน้ำเริ่มลดน้อยลง การทำการเกษตรแบบอินทรีย์จึงเป็นวิธีการผลิตที่หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ ลุงเหลี่ยง แสงรัตน์ หมอดินประจำจังหวัดระยอง มุ่งเน้นการทำนาข้าวและการเกษตรโดยวิธีธรรมชาติพึ่งสารเคมีให้น้อยที่สุด โดยหันไปใช้วัสดุหรือส่วนผสมจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืชที่ไม่มีพิษต่อคนหรือไม่มีสารพิษตกค้างปนเปื้อนในผลผลิต ทั้งในดินและในน้ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้ได้ผลิตผลข้าวที่มีคุณภาพดี ปลอดภัยจากอันตรายของสารตกค้าง ส่งผลให้เกษตรกรและผู้บริโภคมีสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หลักคิดในการใช้ชีวิต

ลุงเหลี่ยง แสงรัตน์ มุ่งเน้นทำการเกษตรแบบอินทรีย์ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ปี 2540 ลุงเหลี่ยง เล่าว่า โดยปกติแล้วเป็นคนชอบเรียนรู้หาข้อมูลเรื่องของการเกษตร เนื่องจากตนเองเป็นหมอดินประจำจังหวัดระยอง จึงมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานในพื้นที่ต่างๆ เกิดความคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้ตนเองและคนอื่นปลอดภัยในเรื่องของการทำนาข้าวไว้บริโภคเองและบางส่วนก็เพื่อนำไปจำหน่าย จึงเล็งเห็นความสำคัญที่ต้องการให้เกษตรกรและผู้บริโภคปลอดภัยมีสุขภาพที่ดี จึงหันมาใช้สมุนไพรเพื่อป้องกันแมลงและศัตรูพืช เช่น เพลียไฟและหนอน แทนการใช้สารเคมีไล่แมลงในแปลงนาข้าวแถมยังรักษาระบบนิเวศของธรรมชาติและรักษาสภาพหน้าดินได้อีกด้วย ส่วนในเรื่องของปุ๋ยนั้นตนเองใช้วิธีการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อนำมูลมาทำเป็นปุ๋ยทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี เนื่องจากมูลของไส้เดือนถือเป็นปุ๋ยอินทรีย์อย่างดีเยี่ยม มีโมเลกุลสารอาหารที่เล็กมาก พืชสามารถดูดซึมอาหารไปใช้ได้ทันที และมีสารอาหารหลากหลาย เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของพืชทุกชนิด สิ่งสำคัญคือ มีฮอร์โมนพืชรวมอยู่ด้วยซึ่งจะไปเร่งให้พืชสร้างรากฝอยมากขึ้นทำให้พืชได้รับสารอาหารที่ครบเนื่องจากมีรากฝอยที่มากขึ้นนั่นเอง พืชจะเติบโตสมบูรณ์แข็งแรง มีความต้านทานทั้งโรคพืชและโรคแมลงตามธรรมชาติอีกด้วย รวมทั้งยังประหยัดค่ายาฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อต่างๆ " ลุงเหลี่ยง มีคติประจำใจคือ " ผมทำนาและปลูกผักต่างๆ ให้เหมือนปลูกกินเอง ทุกวันนี้คนเราได้รับสารพิษ สารเคมีต่างๆ มากมายอยู่แล้ว ทั้งมลพิษจากอากาศรวมถึงสารเคมีในอาหาร ทั้งยาฆ่าแมลง สารเร่งต่างๆ อันไหนเราเลี่ยงได้เราก็เลี่ยง ฉะนั้นเวลาผมทำเกษตรผมจะใช้วิธีทางธรรมชาติให้มากที่สุด"

นอกจากแนวคิดในการทำเกษตรแบบอินทรีย์แล้ว ลุงเหลี่ยง ยังมีแนวคิดในการทำเกษตรแบบผสมผสาน คือ นอกเหนือจากการทำนาเป็นอาชีพหลักแล้ว ในเวลาว่างลุงเหลี่ยงก็มีรายได้จากการปลูกพืชผักต่างๆ เช่น คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง มะเขือเทศ แตงกวา แตงโม พริก ทำให้ลุงเหลี่ยงมีรายได้ตลอดทั้งปีแม้จะไม่ใช่ฤดูทำนา รวมถึงการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อนำมูลมาเป็นปุ๋ย ใส่ในแปลงผักที่ปลูก เพื่อเป็นการลดต้นทุนในส่วนของปุ๋ย และยังทำให้ผักที่ปลูกสมบูรณ์ งอกงาม เนื่องจากมูลของไส้เดือนถือเป็นปุ๋ยอินทรีย์อย่างดีเยี่ยม

เลี้ยงไส้เดือนเพื่อนำมูลมาเป็นปุ๋ย

ประวัติและความเป็นมาเกี่ยวกับตัวเกษตรกร

ลุงเหลี่ยง หมอดินประจำจังหวัดระยอง ผู้ซึ่งมีความรู้ในการนำสมุนไพรต่าง ๆ มาใช้ป้องกันแมลง เพลี้ยไฟ หรือหนอน และศัตรูพืชในแปลงนาข้าวหรือในแปลงผักต่างๆ แทนการใช้สารเคมี โดยการใช้สมุนไพรฉีดพ่นนั้น เป็นการฉีดป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ต้องการให้มีแมลงและศัตรูพืชเข้าไปในแปลงนาข้าวจะได้ไม่เกิดโรคตามมาทีหลัง โดยเปิดบ้านของตนเองเป็นศูนย์เทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินประจำตำบลหนองตะพานและให้ความรู้กับเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้และเป็นวิทยากรนำประสบการณ์ด้านต่าง ๆ มาถ่ายทอดด้วยตนเองพร้อมคณะ ซึ่งวิธีการใช้สมุนไพรไล่แมลงหรือศัตรูพืชนั้นเป็นวิธีการดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปแต่วิธีการกำจัดหรือป้องกันอาจจะได้ผลช้ากว่าการใช้สารเคมี แต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัดแมลงโรคพืชไม่แพ้การใช้สารเคมีแต่อย่างใด และมีข้อดีกว่าหลายอย่าง คือ มีราคาถูก ปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ใช้ ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิตจึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งไม่เป็นอันตรายต่อแมลงที่เป็นประโยชน์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ไม่มีสารพิษตกค้างในดิน ซึ่งนอกจากการป้องกันแมลงศัตรูพืชได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศได้อีกด้วย

ในกรณีถ้ามีปัญหาเรื่องหนอนหรือแมลงรบกวนขั้นรุนแรง ลุงเหลี่ยงเล่าว่า ตนเองจะใช้เชื้อราเมธาไรเซียมซึ่งเป็นเชื้อราที่มีคุณสมบัติในการกำจัดแมลงได้ดี และสามารถทำลายแมลงได้หลากหลายชนิด สามารถทำลายหนอนได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แมลงที่ตายด้วยเชื้อราเมธาไรเซียมลำตัวจะแข็งและมีเชื้อราสีเขียวขึ้นตามตัวเห็นได้ชัดเจน ถือว่าเป็นวิธีทางธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งโดยไม่ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม ถือเป็นวิธีกำจัดแมลงโดยใช้ธรรมชาติจัดการธรรมชาติ หลีกเลี่ยงสารเคมีอย่างได้ผล

ระบบนิเวศที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์

เกียรติประวัติและผลงาน

ผลงานอันโดดเด่นของลุงเหลี่ยง ที่นำความรู้ของตนเองจากการเป็นหมอดินและจากประสบการณ์ตรงนำมาเผยแพร่ให้ความรู้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจได้นำไปศึกษาและต่อยอดทางความรู้ ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี2540 จนถึงปัจจุบัน ลุงเหลี่ยงยังไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาความรู้ของตนเอง ยังทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางด้านการเกษตรเพิ่มเติมในเรื่องวิธีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชรวมถึงการบำรุงพืช โดยให้เกษตรกรมุ่งเน้นและตระหนักถึงผลของการใช้สารเคมีที่จะมีผลต่อสุขภาพและระบบนิเวศ โดยเริ่มต้นจากพืชผักภายในบ้านของตนเองและนำไปจำหน่ายยังผู้บริโภคที่รักสุขภาพ

เกียรติประวัติและผลงานด้านอื่น ๆ ที่ผ่านมา :
- ได้รับการคัดเลือกจากกรมพัฒนาที่ดินให้เป็นหมอดินจังหวัดระยอง ซึ่งถือว่าเป็นหมอดินชุดแรกของประเทศหรือที่เรียกกันว่า "หมอดินเท้าเปล่า"
- ประกวดโครงการไร่นาสวนผสมได้ที่ 2 ของเขตภาคที่ 3
- ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาเกษตรตำบล ตั้งแต่ปี 2555
- ประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลหนองตะพาน
- อาสาสมัครเกษตรอำเภอบ้านค่าย

ลุงเหลี่ยง แสงรัตน์ หมอดินแห่งบ้านหนองตะพาน

เรื่อง/ภาพโดย: อิศรา แจ้งประจักษ์ จนท.ศูนย์ประสานงานร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จ.ระยอง