เกษตรกรต้นแบบ

"สำรอง แตงพลับ : เดินทีละก้าว สร้างความสุขให้ชีวิต ด้วย เกษตรผสมผสาน"

 27 มีนาคม 2561 8,198
จ.เพชรบุรี
เป็นเกษตรกร ต้องมีใจรัก ต้องเดินไปทีละก้าว
เรียนรู้ไปทีละก้าวด้วยตนเอง
ปลูกเพื่อเน้นการบริโภคในครัวเรือน ให้พออยู่พอกิน
พยายามหาความรู้ใหม่ๆ ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกร ประสบความสำเร็จได้

คุณสำรอง แตงพลับ เกษตรกรมือฉมังผู้ทำอาชีพเกษตรกรมาอย่างยาวนานกว่า50ปี

การเป็นเกษตรกร ต้องมีใจรัก มีความอดทนต่อสู้กับภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การทำเกษตรต้องเดินไปทีละก้าว เรียนรู้ไปทีละก้าวด้วยตัวเอง เราจะปลูกเพื่อเน้นการบริโภคในครัวเรือนให้พออยู่พอกิน ไม่โลภ ไม่หลงไปกับความอยาก นอกจากนี้การพยายามหาความรู้ใหม่ๆ ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกษตรกรประสบความสำเร็จได้

หากมีคนปูแนวทางการใช้ชีวิตไว้ให้ คุณสนใจที่จะทำตามหรือไม่? หากสนใจทำ คุณจะทำตามด้วยวิธีอย่างไร... หลักการใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เพราะอาชีพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีสังคมกันคนละอย่าง แต่เชื่อเถอะ! มีบางอย่างที่แม้ว่าคุณจะอยู่ในสัมมาอาชีพใด คุณก็สามารถยึดเอาหลักการนี้เป็นแนวทางการใช้ชีวิตได้... คุณสำรองเชื่อเสมอว่า หากทุกคนได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการเกษตร ใช้ในชีวิตประวัน หรือในงานอาชีพใดก็ตาม หากทำได้ก็ย่อมประสบความสำเร็จ ขอแค่ปฎิบัติอย่างมีใจรัก ดังเช่นตัวเขาเอง ที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยเกษตรผสมผสาน สามารถปลดหนี้หลายแสนบาท คืนความสุขให้แก่ครอบครัวภายในระยะเวลาไม่นาน

หลักคิดในการใช้ชีวิต
ความสำเร็จของแต่ละคนเกิดจากอะไร... อาจเป็นคำถามที่ใครหลายต่อหลายคน กำลังมองหาคำตอบอยู่ในทุกเมื่อเชื่อวัน สำหรับคุณสำรอง แตงพลับ เกษตรกรมือฉมัง ผู้ทำอาชีพเกษตรกรมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ได้กล่าวเอาไว้ว่า เขานั้นหาคำตอบของคำถามที่ว่า “ความสำเร็จของแต่ละคนเกิดจากอะไร” เจอแล้ว ความสำเร็จของแต่ละคน อยู่ที่มีใจรักในสิ่งที่กำลังทำอยู่ หากทำตามคนอื่น ทำตามกระแสก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ สำหรับคุณสำรองเองสิ่งสำคัญของการทำอาชีพเกษตรกร คือไม่ทำอย่างก้าวกระโดด ต้องไปทีละขั้นตอน พยายามช่วยเหลือตัวเองให้มาก เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่อยู่ตลอด หากทุกคนนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต ก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับตัวเกษตรกร
ก่อนที่คุณสำรอง เกษตรกรของศูนย์ศึกษาห้วยทราย จะประสบความสำเร็จกับการทำเกษตรผสมผสานอย่างในปัจจุบัน เขาประสบกับภาระหนี้สินกว่า 7 แสนบาทจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว...

ย้อนหลังไปในปีพ.ศ. 2501 คุณสำรองย้ายมาอยู่จังหวัดเพชรบุรี ได้ซื้อที่ดินไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อทำการเกษตรเชิงเดี่ยว ปลูกสับปะรด ปลูกอ้อย แต่ด้วยพื้นที่แห้งแล้งกันดาร ไม่มีแหล่งน้ำกินน้ำใช้ ทำให้ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็เจ๊งเสียหมด

ผลิตแก๊สจากมูลสัตว์ใช้เองในครัวเรือน

เป็นเหตุให้ครอบครัวตกอยู่ในภาวะตึงเครียด กดดันอย่างมาก เพราะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้สินได้หมด

จนกระทั่งปีพ.ศ. 2538 คุณสำรองได้ตัดสินใจเข้าร่วมฝึกอบรมเรื่องการทำเกษตรผสมผสาน กับกลุ่มชาวบ้านอีก 8 คน ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมการเกษตรจังหวัดเพชรบุรี เขาเข้าอบรมจนครบ 3 ครั้งตามหลักสูตร เมื่ออบรมเสร็จสิ้น ได้รับไม้ผลที่กรมมอบให้นำกลับมาปลูกที่บ้านอีกจำนวนหนึ่ง มีทั้ง มะพร้าว มะม่วง ขนุน ส้ม เมื่อนำกลับมาแล้วถึงแม้จะยังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่คุณสำรองก็สู้ฟันฝ่าอุปสรรค โดยจัดสรรพื้นที่ตามแบบเกษตรผสมผสาน ปลูกผักไว้รอบบ้าน เลี้ยงไก่ หมู และวัว เพื่อกินและขายซึ่งก็มีรายได้จุนเจือครอบครัวในระดับหนึ่ง แต่หนี้สินนั้นยังไม่อาจหมดไป

ต่อมาในปีพ.ศ. 2544 คุณสำรองเข้าเป็นสมาชิกในศูนย์ศึกษาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำการเกษตรแบบผสมผสานเรื่อยมา ทั้งศึกษา และทดลองทำ หาเทคนิคมาปรับใช้เพื่อลดต้นทุน จนปีพ.ศ. 2548 หรือเพียง 4 ปีเท่านั้น คุณสำรองก็สามารถปลดหนี้ของครอบครัวมูลค่ากว่า 8 แสนบาทได้จนหมดสิ้น และในปัจจุบันนี้ คุณสำรองเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ที่เปิดบ้านให้ชาวบ้านและเกษตรกรที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานอย่างมีความสุข

เทคนิคภูมิปัญญาอันโดดเด่น
หลังจากปลดหนี้ได้จนหมดจากการทำเกษตรแบบผสมผสาน ความสุขก็กลับมาเยือนครอบครัวของคุณสำรองอีกครั้ง เมื่อถามถึงเทคนิคที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คุณสำรองตอบเพียงสั้น ๆ ว่า เริ่มที่ตัวเรา คุณสำรองกล่าวต่ออีกว่าเกษตรทฤษฎีใหม่ และเศรษฐกิจพอเพียงนั้น โดยมากคนทำตามแล้วไม่สำเร็จ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจในหลักการของความพอเพียงว่าสิ่งนั้นอยู่ที่ตรงไหน แท้จริงแล้ว ความพอเพียงก็อยู่ที่ตัวของเรานั่นเอง เมื่อคุณพอกับสิ่งที่มีอยู่ และรู้เหตุผล ได้สร้างภูมิคุ้มกันในการจับจ่ายใช้สอย

ปลูกกล้วยไว้ขาย และทำอาหารสัตว์

มีความซื่อสัตย์สุจริต เพียงเท่านี้ความสำเร็จก็จะมาสู่ตัวเราได้จริงแท้และแน่นอน

คุณสำรองนำความรู้จากการอบรม มาประยุกต์ใช้จนได้เทคนิคและภูมิปัญญาของตัวเอง สำหรับการจัดสรรพื้นที่เกษตรผสมผสานจำนวน 5 ไร่ คุณสำรองได้แบ่งสัดส่วนพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วยส่วนพื้นที่น้ำ 30% , นาข้าว 30% , พื้นที่ส่วนไม้ผล และพืชต่าง ๆ 30% สุดท้ายคือพื้นที่ส่วนสิ่งปลูกสร้าง และที่อยู่อาศัยอีก 10% ของเนื้อที่ทั้งหมด เมื่อจัดสรรพื้นที่เรียบร้อย ก็เริ่มลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นลงไม้ผลต่าง ๆ กว่าร้อยต้น สร้างเล้าเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจอย่าง หมู วัว เพื่อขาย ส่วนเป็ดไก่ ก็เลี้ยงไว้กินเองในครัวเรือน มีเหลือกินก็นำไปขายต่อไป ทำให้คุณสำรองมีรายได้จากทุกส่วนพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการขายส่งผักสวนครัวที่เขาจะนำไปส่งที่ตลาดด้วยตัวเอง หรือจะเป็นผลไม้ต่างต่าง ๆ ที่ทำรายได้เป็นกอบกำ อย่างมะพร้าว และกล้วยซึ่งแม้ราคาต่อผล ต่อลูกจะไม่สูงมากนัก แต่เมื่อนับรวมกันก็ทำให้คุณสำรองมีรายได้เข้าตลอด ส่วนรายได้เป็นก้อนก็ได้จากการขายส่ง ไก่ หมู และวัวนั่นเอง

นอกจากรายได้ที่นำมาจุนเจือครอบครัว การลดต้นทุนก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่เพิ่มให้เกิดรายได้มากขึ้น สำหรับพืชผักต่าง ๆ จะทำน้ำสมุนไพรไว้ฉีดไล่แมลงด้วยตัวเอง ส่วนสัตว์เศรษฐกิจที่เลี้ยงไว้ขาย ไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ เป็ด วัว หรือแพะ คุณสำรองจะมีสูตรอาหารสัตว์ที่คิดเองใช้เลี้ยงเพื่อลดต้นทุนค่าอาหารสำเร็จรูปนั่นเอง

เกียรติประวัติและผลงาน

ชีวิตเกษตรกรกว่า 50 ปี ทั้งประสบปัญหาเพาะปลูกไม่ขึ้น เกิดเป็นภาระหนี้สินมากมาย ต่อมาได้ศึกษาในเรื่องการเกษตรผสมผสาน และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถปลดหนี้และประสบผลสำเร็จในอาชีพเกษตรกร ดังเกียรติบัตรมากมายที่รับ เช่น การฝึกอบรมหลักสูตร เทคนิคการเป็นวิทยากร โครงการการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนเคมีทางการเกษตร จากกรมพัฒนาที่ดิน ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการบัญชีเกษตรผสมผสาน จากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นต้น

ทำเกษตรผสมผสาน เลี้ยงสัตว์ ได้มูลสัตว์ไปทำปุ๋ย นำปุ๋ยไปบำรุงพืชต่อ

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

สำรอง แตงพลับ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ 4 ตำบลไร่ใหม่พัฒนา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

เดินทีละก้าว สร้างความสุขให้ชีวิต ด้วยเกษตรผสมผสาน

ภูมิปัญญาทำอาหารสัตว์ด้วยตัวเอง สัตว์กินได้ โตไว กำไรเหลือๆ

เรื่อง/ภาพโดย: ณัฏฐ์ คำวิชัย ทีมงานรักบ้านเกิด