

"วิวัฒน์ มาบุญ : สวนกระแสยุคใหม่กับพันธุ์ไม้โบราณที่ วิวัฒน์พันธุ์ไม้"

การทำสวนอาจจะเป็นงานเป็นหน้าที่
แต่สำหรับผม มันเป็นความสุข
แค่ได้เห็นพวกมันเติบโต ออกดอกออกผล
แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

พันเอกเมตตรัย สันติเวชชกุล และคุณวิวัฒน์ มาบุญ แห่งวิวัฒน์พันธุ์ไม้
‘มะม่วงตาเตะหลาน’ ‘มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย’ ‘ต้นลูกเขยตายแม่ยายปรก’ ชื่อเหล่านี้ ไม่ใช่ชื่อเก๋ๆ ที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อทำตลาดแต่อย่างใด ตรงกันข้าม พวกมันคือต้นไม้โบราณที่ถูกหลงลืมไปนานจนบางต้นแทบจะกลายเป็นต้นไม้ที่มีแค่ในตำนานไปแล้ว แต่ทั้งหมดนั้น เรากลับสามารถหาชมได้ที่ ‘สวนวิวัฒน์พันธุ์ไม้’ สวนที่ยืนหยัดอนุรักษ์พันธุ์ไม้โบราณหายากเอาไว้นับร้อยๆ สายพันธุ์ ในยุคที่ใครๆ ต่างหันมาปลูกพืชผลให้ตรงกับความต้องการของตลาด และที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ ทั้งกล้าไม้และผลไม้โบราณในสวนนี้ กลับมีคนมาติดต่อขอซื้อไม่ขาดจนมีไม่พอขาย แถมราคาก็ยังสูงลิ่ว ถึงกิโลกรัมละ 200 – 300 บาท
ทำไม..ถึงต้องเป็นพันธุ์ไม้...
การทำสวนของคุณวิวัฒน์และพันเอกเมตตรัยนั้น ยึดปัจจัยสำคัญที่สุดของทั้งคู่คือ ‘ความสุข’ และ ‘ความพอใจ’ จึงไม่น่าแปลกเลยที่คุณวิวัฒน์ซึ่งอายุ 60 กว่าปีแล้ว จะดูอ่อนเยาว์ราวกับเพิ่ง 40 ต้นๆ เท่านั้น
สำหรับคำถามที่ว่า ทั้งคู่เลือกพันธุ์ไม้ที่จะมาปลูกในสวนอย่างไร ก็ได้คำตอบว่า ปลูกทุกอย่างที่อยากปลูก หรือหามาได้ ดังนั้น เมื่อใครถามถึงจำนวนต้นของไม้แต่ละพันธุ์ที่มีอยู่ในสวน ทั้งคุณวิวิฒน์และพันเอกเมตตรัยจึงไม่เคยตอบได้ว่ามีอยู่เท่าไหร่แน่ และถ้าอยากรู้ว่าต้นไม้แต่ละชนิดมีอยู่กี่สายพันธุ์ พวกเขาก็ไม่สามารถนับได้ถ้วนอีกเช่นกัน เฉพาะมะม่วง ก็มีอยู่หลายสิบสายพันธุ์แล้ว
คุณวิวัฒน์บอกว่า รายได้ส่วนใหญ่ของสวนมาจากการจำหน่ายกล้าไม้ ทั้งพันธุ์ไม้ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งมีอยู่เป็นส่วนน้อย กับพันธุ์ไม้โบราณในสวน ขณะที่ผลของพันธุ์ไม้โบราณทั้งหลาย พวกเขานำออกจำหน่ายเพื่อให้คนทั่วไปได้รู้จัก ลองชิม และหากถูกใจก็จะได้เลือกซื้อกล้าไม้ไปปลูกต่อ แต่ก็มีบางส่วนที่ผู้ชิมเกิดถูกใจ และติดต่อขอซื้อผลสดโดยตรง เพื่อนำไปจำหน่ายต่อตามตลาดโบราณ หรือห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ต่างๆ
แต่ถึงอย่างนั้น หากมีโอกาสได้ไปเยือนที่ ก็จะพบว่ามีผลไม้มากมายถูกปล่อยให้สุกจนร่วงหล่นคาต้น คุณวิวัฒน์ให้เหตุว่า ผลไม้เหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลที่เพียงพอ จึงไม่ดีพอที่จะนำออกจำหน่าย ต้นจะต้องผ่านการใส่ปุ๋ยบำรุงอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ผลต้องถูกปลิดออกให้เหลือจำนวนที่เหมาะสม เช่น ขนุนจะเหลือไว้ 4 – 10 ผล ต่อต้น ขึ้นอยู่กับขนาดต้น และบางชนิดก็จะต้องห่อเพื่อป้องกันแมลง แบบนี้ ผลไม้ถึงจะมีรสชาติดีจริง และมีคุณภาพพอที่จะนำออกจำหน่ายได้ ... เรียกได้ว่า เป็นการรักษาคุณภาพในแบบของชาวสวนแท้ๆ จริงๆ
พันธุ์ไม้และผลไม้แปลกตาที่แทบไม่เคยเห็น
จากชอบกลายเป็นรัก เป็นอาชีพ......
คุณวิวัฒน์เป็นชาวสวนนนท์มาตั้งแต่จำความได้ เพราะครอบครัวของเขาทำสวนกันมาหลายชั่วอายุคน คุณวิวัฒน์เล่าว่า ตั้งแต่เด็กจนโตมาสิ่งที่ได้เห็นคือพันธุ์ไม้ตามสวนค่อยๆ หดหายไปทีละชนิดสองชนิด เพราะถูกแทนที่ด้วยพันธุ์ไม้จากต่างประเทศ หรือพันธุ์ไม้ที่ถูกผสมพันธุ์ขึ้นมาใหม่ และเป็นที่นิยมของท้องตลาดมากกว่า ไปๆ มาๆ กว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ ก็มีพันธุ์ไม้ที่หายไปจากเรือกสวนแล้วมากมาย คุณวิวัฒน์จึงเกิดความคิดว่าอยากจะรวบรวมพันธุ์ไม้ที่เคยเห็น เคยกิน มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กมาปลูกไว้ในสวนของเขาเอง
แต่พอนานๆ เข้า จากแค่พันธุ์ไม้ที่ตัวเองเคยรู้จัก หรือชอบกิน คุณวิวัฒน์ก็เริ่มขยายขอบเขตไปถึงพันธุ์ไม้ที่เคยได้ยินชื่อสมัยยังเด็ก และเมื่อตามหาพันธุ์ไม้เหล่านั้น บางครั้งก็ไปเจอพันธุ์ไม้โบราณอื่นที่เขาเองก็ไม่เคยรู้จัก สุดท้าย จึงกลายไปเป็นการรวบรวมเพื่ออนุรักษ์ไว้ และในระหว่างนี้เอง ที่คุณวิวัฒน์ได้รู้จักกับพันเอกเมตตรัย ผู้ให้ความสนใจพันธุ์ไม้แปลกทั้งจากไทยและต่างประเทศ ทั้งสองคนจับมือเป็นหุ้นส่วนกัน และเดินหน้าเสาะหาพันธุ์ไม้โบราณและพันธุ์ไม้แปลกมาอนุรักษ์ไว้ในสวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินของพันเอกเมตตรัย อย่างจริงจัง
ในปี พ.ศ. 2554 น้ำท่วมใหญ่ทำให้สวนที่นนทบุรีของคุณวิวัฒน์พลอยได้รับผลกระทบ จนต้นไม้ไปเกือบหมด จะเหลืออยู่ก็แต่ไม้บางส่วนที่เขาแบ่งมาลงไว้ที่ปราจีนบุรีแล้ว ด้วยเหตุนี้ คุณวิวัฒน์จึงตัดสินใจย้ายสวนมาที่อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
และหัวใจหลักสำหรับการระเบิดดินในแบบของชาวสวนรุ่นเก่าก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า ‘ต้นทองหลาง’
เราอาจจะเคยได้ยินคุณสมบัติของใบก้ามปูที่ช่วยให้ดินร่วนซุย พืชผลงอกงามกันมามาก ต้นทองหลางเองก็จัดเป็นพืชตระกูลถั่วเช่นเดียวกันกับต้นก้ามปู แต่ช่วยบำรุงดินได้ดีกว่าหลายเท่า เพราะนอกจากใบของต้นทองหลางจะให้แร่ธาตุครบทั้ง 3 ชนิด คือไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม มากกว่าใบก้ามปูที่ให้เฉพาะไนโตรเจนแล้ว รากของต้นทองหลางยังทำหน้าที่ดึงอากาศลงสู่ดินได้ดี เมื่อเวลาผ่านไป ดินที่อัดแน่นจะค่อยๆ เริ่มมีโพรงอากาศ จนกระทั่งแบคทีเรียและไส้เดือนกลับเข้าไปอาศัยอยู่ได้ ทำให้ดินค่อยๆ ร่วนซุยขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมชาวสวนรุ่นก่อนๆ นิยมปลูกทองหลางบนที่ดินเป็นอย่างแรก
สำหรับการปลูกทองหลาง หากยังไม่มีแผนแน่ชัดว่าจะใช้ที่ดินปลูกอะไร ก็แค่ปลูกทองหลางทิ้งไว้จำนวนมากๆ ให้กระจายกันทั่วทั้งแปลงที่ดิน แต่หากวางแผนแล้วว่าจะปลูกอะไร ให้ปลูกทองหลางห่างกันเท่ากับระยะพุ่มของต้นไม้หลัก เมื่อทองหลางสูงพอให้ร่มรำไร ก็สามารถปลูกไม้หลักตามได้เลย รอจนไม้หลักโตได้ที่ ดินร่วนซุยดีแล้ว จึงค่อยล้มทองหลางทิ้ง แต่หากไม่เกะกะเกินไปนัก ก็แนะนำให้เก็บทองหลางไว้บางส่วน เป็นเสมือนปุ๋ยตามธรรมชาติให้กับดินในระยะยาว
ผลงานที่น่าประทับใจ.....
ทั้งคุณวิวัฒน์และพันเอกเมตตรัยเป็นแค่เกษตรกรที่มีใจรักในการทำเกษตร แต่เราสามารถบอกถึงความสำเร็จในฐานะเกษตรกรของบุคคลทั้งคู่ได้จากขนาดของสวนของพวกเขาที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันนี้ เฉพาะสวนที่ประจันตคามมีพื้นที่รวมกว่า 140 ไร่ ถ้าหากรวมเข้ากับสวนของพวกเขาอีก 3 แห่ง ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะกินพื้นที่หลายร้อยไร่ ซึ่งพวกเขากำลังวางแผนจะขยายสวนไปยังที่ดินในจังหวัดนครนายกเพิ่มอีกแห่งหนึ่งด้วย
ในบรรดาพันธุ์ไม้มากมายเหล่านี้ ทั้งสองสามารถรวบรวมสายพันธุ์มะม่วงโบราณไว้ได้หลายสิบสายพันธุ์ เชื่อกันว่าน่าจะมากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงมะม่วงงาช้าง ซึ่งได้มีโอกาสถวายเข้าในวังบ่อยครั้ง เนื่องจากมีผลขนาดใหญ่ หนึ่งลูกหนักราวหนึ่งกิโลกรัม และมีรสชาติหวานหอมมาก นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้โบราณหากยาก ที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยมหิดลแล้วว่า มีสรรพคุณที่มีประโยชน์ อย่างลูกเขยตายแม่ยายปรก ที่ผลช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับมารดา หรือกลึงกล่อม ที่ผลและใบสามารถใช้กำจัดเชื้อไวรัสเอดส์ได้ถึง 5 ชนิดในหลอดทดลอง และไม้หายากที่น้อยคนจะปลูกได้ผล อย่างคีเปล ที่หากกินผลแล้วจะทำให้มีกลิ่นตัวหอม เป็นที่ต้องการในพระราชสำนัก
ในสวนแห่งนี้ มีทั้งพันธุ์ไม้โบราณ พันธุ์ไม้แปลกและพันธุ์ไม้ต่างประเทศ
คุณวิวัฒน์ มาบุญ บ้านเลขที่ 206 หมู่ 7 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
Facebook : ร้านวิวัฒน์พันธุ์ไม้


