

"ประคอง เอี่ยมสำอางค์ : ใช้เวลาว่างปลูกสัปปะรดสี ไม่ถึงปี มีรายได้หลักหมื่นต่อเดือน"

แม้จะเป็นเพียงต้นไม้
แต่ก็สร้างความสุขและความสำเร็จได้

คุณประคอง เอี่ยมสำอางค์จากรุ่นใหญ่แห่งวงการโฆษณา ที่หันมาปลูกสัปปะรดสี
สัปปะรดสี ไม้ประดับหลากสี เลี้ยงง่าย แข็งแรง ปลูกแล้วไม่ค่อยตาย ขายได้กำไรดี โรคแมลงไม่ค่อยมีรบกวน การปลูกเลี้ยงก็ง่ายจะปลูกใส่กระถางก็ได้ ปลูกแบบแขวนมัดไว้กับต้นไม้ใหญ่หรือยึดติดไว้กับขอนไม้ก็ทำได้ สัปปะรดสีเป็นประดับที่ปลูกโดยไม่ต้องใช้ดินเลย ใช้เพียงกาบมะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูกเท่านั้นพอแล้ว การดูแลก็ง่าย 3 – 4 วันให้น้ำครั้งหนึ่ง ถ้าอากาศร้อนก็ให้วันเว้นวัน แต่ถ้าเป็นหน้าฝนไม่ต้องให้น้ำเลย ส่วนเรื่องการบำรุงใส่ปุ๋ยนั้น สัปปะรดสีเป็นไม้ประดับที่ไม่ต้องการปุ๋ยเลย เพราะปุ๋ยคือตัวการสำคัญที่ทำให้ฟอร์มของสัปปะรดสีเปลี่ยนแปลง ใบยืดยาว สีสันจืดจาง ไม้ประดับชนิดนี้ขาดปุ๋ยมากเท่าไหร่สีสันและรูปทรงจะยิ่งสวยงามมากเท่านั้น ระยะเวลาในการเลี้ยงประมาณ6 เดือนขึ้นใหม่ สัปปะรดสีจะให้หน่อพันธุ์ต้น 1 ประมาณ 7-8 หน่อ สามารถนำไปขายหรือเพาะพันธุ์ขยายเพิ่มได้ตามความต้องการของตลาด
ส่วนราคาขายสัปปะรดสีนั้น จะอยู่ที่สายพันธุ์ รูปทรง และสีสัน ส่วนใหญ่แล้วราคาขายจะเริ่มต้นที่หน่อละ 100 บาทเรื่อยไปจนถึงหลักหมื่น เกษตรกรจะมีรายเฉลี่ยรวมๆแล้วเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท ตลาดจำหน่ายจะมีทั้งขายเองที่หน้าสวนและขายออนไลน์ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมาก สะดวก สบาย ประหยัดเวลา แถมสิ่งของยังส่งมาถึงหน้าบ้านด้วย จะว่าไปแล้วตลาดสัปปะรดสีนี่ค่อนข้างจะสดใส เป็นไม้ประดับสวยงามที่ตลาดยังมีความต้องการค่อนข้างสูง อาชีพนี้สามารถทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้เลย รายได้ค่อนข้างดี ตอบโจทย์คนรักงานการเกษตรได้ดีมาก แม้จะเป็นมือใหม่ก็ทำอาชีพนี้และมีรายได้ดีเทียบเท่ารุ่นเก๋ามืออาชีพได้เลย เพียงแต่ต้องทำการศึกษาเรื่องสัปปะรดสีให้เข้าใจอย่างท่องแท้เสียก่อนเท่านั้น
รู้จักกับคุณประคอง...
ประคอง เอี่ยมสำองค์ หนุ่มใหญ่วัย 60 ปี พื้นเพเป็นคนเมืองนนท์อยู่บ้านเลขที่ 49/17 หมู่ 2 ตำบลปลายบาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะมาทำอาชีพเพาะเลี้ยงสัปปะรดสี มีอาชีพหลักเป็นพนักงานประจำอยู่บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ช่วงที่ทำงานประจำตอนนั้นไม่รู้จักสัปปะรดสีเลยด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นยังไง วันๆมีแต่ทำงาน เลิกงานถ้าไม่มุ่งตรงกลับบ้านก็ไปสังสรรค์ตามประสาชายหนุ่ม ตลอดรยะเวลาที่ทำงานก็ใช้ชีวิตวนอยู่อย่างนี้ กระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่วัยก่อนเกษียณ ตอนนั้นอายุประมาณ53-54ปีได้มีโอกาสไปรู้จักรุ่นพี่ที่เพาะเลี้ยงสัปปะรดสี ไปเห็นสัปปะรดสีพันธุ์ต่างๆที่รุ่นพี่เพาะเลี้ยง มีแต่สีสวยๆทั้งนั้นเลย เห็นแล้วเกิดความชอบ รุ่นพี่ก็แนะนำให้รู้จักกับสัปปะรดสีแต่ละสายพันธุ์ แนะนำวิธีการเลี้ยง การดูแล ในที่สุดก็ตัดสินใจควักเงินซื้อมาเลี้ยงเล่นๆก่อน เลี้ยงไปเลี้ยงมาเริ่มติดใจและชอบในความสวยงาม จนในที่สุดกลายมาเป็นอาชีพหลังเกษียณ
เริ่มต้นจากความชอบ แค่คิดจะซื้อมาเลี้ยงเล่นๆสนุกๆ มารู้ตัวอีกทีบ้านเรากลายเป็นสวนสัปปะรดสีไปแล้ว หลังจากเกษียณในวัย 55 ปีคุณประคอง ก็หันหลังให้วงการโฆษณาอย่างถาวร แล้วเดินหน้าสู่เส้นทางเกษตรอย่างเต็มตัว มาปลูกสัปปะรดสีอย่างจริงจัง เริ่มแรกเลย ก็หาซื้อในเว็บชื่อpantown ในเวปนี้จะมีสัปปะรดสีขายหลายแบบมาก ทั้งขายพันธุ์ ขายเป็นหน่อ หน่อเล็กๆ เมื่อก่อนขายหน่อละ 200-300 บาท ก็ซื้อมาปลูกเป็นเแม่พันธุ์เอง จากนั้นก็ซื้อมาเรื่อยๆเดือนหนึ่ง 10ต้น 20 ต้นบ้าง
สัปปะรดสี ไม้สวยงามที่เลี้ยงง่าย
เพราะแต่ละต้นก็มีความสวยงามที่แตกต่างกัน เลยเกิดความอยากได้ แรกๆที่เลี้ยง เลี้ยงไว้ดูเล่น เลี้ยงเป็นงานอดิเรก เลยไม่คิดจะขาย กระทั่งวันหนึ่งเพื่อนมาชวนขาย แนะนำให้ขายผ่านเวปpantown เลยลองขาย เชื่อไหมว่าต้นแรกที่ขายได้ราคา 2,000 บาท ดีใจมาก เพราะเคยคิดว่าสัปปะรดสีน่าจะขายยากเนื่องจากเป็นไม้สวยงามที่เลี้ยงง่าย เพียงมีใจรัก มีเวลาดูแล ก็เพาะเลี้ยงสัปปะรดสีได้แล้ว แล้วอีกอย่างแต่ละคนที่มาลงขาย มีแต่สัปปะรดสีสายพันธุ์สวยๆทั้งนั้น หลังจากที่ขายได้ เริ่มมีกำลังใจ จึงขยายพันธุ์และเพาะเลี้ยงสัปปะรดสีเพิ่มมากขึ้น แต่คุณประคองบอกว่าผมเลี้ยงสัปปะรดสีด้วยใจรักมากกว่าที่จะทำเป็นธุรกิจ
และยังทำให้สับปะรดสีอ่อนแอต่อสภาพแวดล้อม นอกจากนี้คุณประคองยังแนะนำอีกว่า หากตัดหน่อสัปปะรดสีแล้ว ก่อนนำไปปลูก ควรทาปูนแดงที่แผลด้วย เพื่อป้องกันเชื้อรา หากไม่ทาด้วยปูนแดง แนะนำให้ตัดแบบรากสั้นหรือชิดๆโคน แบบไม่มีที่ให้ออกราก แล้วนำหน่อไปเสียบไว้กับยอดต้นไหนก็ได้ไม่มีตาย ประมาณ 1 อาทิตย์รากก็ออกแล้ว ยอดไม่เน่าด้วย ต้นไหนไม่มีราก โคนสั้น มาเสียบไว้แปบเดียวก็ออกรากแล้ว เป็นเทคนิคง่ายๆแต่ได้ผล แถมได้สัปปะรดสีสวยและแข็งแรงด้วยนะคะ
วิธีขยายพันธุ์สัปปะรดสี ด้วยวิธีแยกหน่อ
เนื่องจากสัปปะรดสี เป็นไม้ประดับหลากสี และมีหลายสายพันธุ์ การเพาะขยายพันธุ์สัปปะรดสี สามารถทำได้ทั้งวิธีการขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อและการเพาะเมล็ด ซึ่ง คุณประคองก็ขยายพันธุ์ทั้งแบบเพาะเมล็ดและวิธีการแยกหน่อ โดยแยกหน่อจากต้นแม่ เมื่อสัปปะรดสีออกดอกจะให้หน่อ สัปปะรดสี 1 ต้น จะให้หน่อ ประมาณ 7-8 กิ่ง ซึ่งระยะที่ต้นสับปะรดสีจะให้หน่อได้จะมีอายุประมาณ 6เดือนขึ้นไป สำหรับวิธีการแยกหน่อนั้นก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้มีดหรือกรรไกรตัดกิ่งตัดให้ชิดโคนหน่อจากต้นแม่ แล้วก็นำมาปลูกได้ในกระถางโดยไม่ต้องใช้ดินใช้เพียงกาบมะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูก แต่กาบมะพร้าวสับควรจะแช่น้ำทิ้งไว้ก่อนนำมาปลูก 1 คืน สำหรับวัสดุปลูกนอกจากกาบมะพร้าวแล้ว สามารถใช้หินภูเขาไฟปลูกได้ แต่จะต้นทุนสูงหน่อย แต่ข้อดีคือไม่ต้องเปลี่ยนวัสดุปลูกเลย หรือจะใช้อิฐมอญทุบให้เป็นก้อนเล็กๆ นำมาเป็นวัสดุปลูกได้เช่นกัน แต่โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้ใช้กาบมะพร้าวมาเป็นวัสดุปลูก เพราะหาง่าย ราคาไม่แพง แต่จะมีข้อจำกัดเรื่องอายุการใช้งาน เพราะกาบมะพร้าวจะมีอายุใช้งานได้ประมาณ 1 ปี แล้วต้องเปลี่ยนใหม่ แต่สิ่งที่คุณประคองเน้นย้ำมากๆ ในการปลูกสัปปะรดสี คือห้ามใช้ดินปลูกเด็ดขาดเพราะจะทำให้สัปปะรดสีเน่า สาเหตุที่ไม้ชนิดนี้ไม้ต้องการดินก็เพราะว่า สับปะรดสีเป็นต้นไม้แบบรากอากาศจึงต้องการเครื่องปลูกที่เบาและระบายน้ำได้ดี
วิธีขยายพันธุ์สัปปะรดสี ด้วยวิธีเพาะเมล็ด
ส่วนการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดนั้นมีข้อดี คือ การเพาะเมล็ด ถ้ามีต้นออกมาร้อยต้น จะได้ต้นที่ไม่เหมือนกันเลยสักต้น เราก็ต้องมาทำการคัดพันธุ์ต้นที่สวยที่สุด มาทำพันธุ์ใหม่ ออกหน่อก็จะเหมือนแม่ จะเหมาะกับคนที่ชอบของแปลก คือเพาะมาร้อยต้นก็ได้ร้อยแบบ สามารถเลือกต้นที่สวยที่สุด เราสามารถเก็บไว้ได้ ส่วนเมล็ดที่นำมาเพาะได้จะสังเกตได้ง่ายๆ คือ จะออกสีสีม่วงๆ เปล่งๆ อ้วนบีบแล้วเมล็ดเด้งก็ออกมาเลย จากนั้นให้นำเมล็ดล้างน้ำ ล้างให้เหลือแต่เมล็ดอย่างเดียว ถ้าเป็นสายพันธุ์นีโอเมล็ดจะเล็ก จะปลูกโดยการโรยเมล็ดใส่ที่เพาะเลย แต่เมล็ดที่ดีสุดก็คือ สายพันธุ์พีคมอส จะมีเมล็ดเล็ก เพาะประมาณ 3 วันก็ออกแล้ว ปลูกโดยวิธีการโรยเมล็ด แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์แอคเมีย เมล็ดจะใหญ่หน่อย เราสามารถหยิบทีละเม็ด ใส่ที่เพาะได้เลย ประมาณ 2เดือน ให้ต้นยาวประมาณ 5 เซนติเมตร จึงค่อยทำการแยกปลูกลงกระถาง เกือบปี จะได้ต้นเป็นฟอร์มตามพ่อแม่
การดูแลรักษา
ส่วนการดูแลรักษาสัปปะรดสีก็ไม่มีอะไรมาก สัปปะรดสีเป็นไม้ประดับที่ไม่ต้องการน้ำมาก การให้น้ำคุณประคอง แนะนำว่าประมาณ 3-4 วันหรือ 1 อาทิตย์ ควรให้น้ำ โดยให้สังเกตจากยอดตรงกลางของต้นสัปปะรดสีหากยังไม่แห้ง แสดงว่า สัปปะรดสียังมีน้ำพอเพียงอยู่ ส่วนช่วงฤดูฝนอาจจะไม่ต้องรดน้ำ เพราะน้ำฝนก็ที่ตกลงมาก็เพียงพอแล้ว สัปปะรดสีเป็นไม้ที่ไม่ชอบน้ำมากยิ่งถ้าได้น้ำมากเกินไปจะทำให้รากเน่าได้ ส่วนเรื่องการให้ปุ๋ยนั้นไม่มีความจำเป็นเลย และไม่ควรใส่ปุ๋ยให้สัปปะรดสีด้วย เพราะปุ๋ยจะทำให้ใบงามยาวมาก เสียรูปทรง สีสันจืดจาง และยังทำให้สับปะรดสีอ่อนแอต่อสภาพแวดล้อม แนะนำว่าถ้าต้องการใส่ปุ๋ยควรใส่ครั้งแรกที่เริ่มปลูก ด้วยปุ๋ยออสโมโค้ส นอกจากนี้คุณประคองยังแอบกระซิบบอกเคล็ดลับว่าถ้าต้องการเลี้ยงสัปปะรดสีให้สวยงาม สีสันสดใสต้องไม่ใส่ปุ๋ย ห้ามใส่ปุ๋ย ยิ่งขาดปุ๋ยยิ่งดียิ่งสวย
ส่วนเรื่องโรคแมลงนั้นพบน้อยมาก จะมีแมลงที่เป็นศัตรูของสัปปะรดสี คือ ตั๊กแตน โรคอื่นแทบไม่มี ถือว่าเป็นไม้ประดับที่แข็งแรง อาจจะมีเพลี้ยหอยรบกวนบ้าง ถ้าสวนไหนมีความชื้นเยอะ อาการของสัปปะรดสีที่ถูกเพลี้ยหอยทำลายจะเป็นจุดๆ หรือบางทีจะมีโรค เชื้อรา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยเป็น แต่ถ้าในช่วงที่อากาศชื้น อากาศไม่ถ่ายเท อาจจะเป็นเชื้อราได้ ส่วนวิธีการแก้ไขคุณประคอง แนะนำว่าไม่ต้องใช้สารเคมีใดๆเพียงนำรากของต้นสัปปะรดสีที่เป็นเชื้อราไปล้างน้ำ แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ล้างน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วนำมาปลูกใหม่ หรือไม่ก็ตัดทิ้งไปเลย เพื่อตัดวงจรของโรคเชื้อรา
นอกจากนี้ แสงแดดก็มีส่วนสำคัญในการทำให้สัปปะรดสีมีสีสันสวยงาม สัปปะรดสีเป็นไม้ที่ชอบแสงแดด แสงแดดที่เหมาะสมกับสับปะรดสี จะอยู่ที่ประมาณ 50-70% สำหรับมือใหม่คุณประคองแนะนำว่า ควรให้สัปปะรดสีได้รับในช่วงเช้าไปจนถึงช่วงบ่ายแต่ไม่ควรเกิน3โมงเย็น เพราะถ้าต้นไม้ได้รับแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้ใบไหม้ สีสันไม่สวยงาม
การเลี้ยงสัปปะรดสีถ้าจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรเลี้ยงในโรงเรือน เพราะข้อดีของการเลี้ยงในโรงเรือนนั้นสามารถควบคุมความชื้นและแสงแดดได้ ซึ่งโรงเรือนที่ดีเหมาะสำหรับการเลี้ยงสัปปะรดสีควรตั้งอยู่ในทำเลที่มีแสงดีตลอดวัน มีลมพัดผ่านตลอด มีความชื้นที่เหมาะสม มีซาเรนพลางแสงแดดประมาณ 50-70% เพราะแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สับปะรดสีมีรูปทรงและสีสันสวยงาม
ส่วนสายพันธุ์ที่นิยมเพาะเลี้ยงมีมากมายแล้วแต่ความชอบ โดยส่วนตัวแล้วคุณประคองเลี้ยงอยู่ 10 กว่าสายพันธุ์ คือ แอ๊คเมีย,บิลล์เบอร์เกีย ,ดิกเกีย ,แอนานัส ,สกุลโฮเฮนเบอร์เกีย ,ทิลแลนด์เซีย เป็นต้น
สำหรับต้นทุนในการเพาะเลี้ยงนั้นคุณประคอง บอกว่าอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ เรื่องสายพันธุ์สัปปะรดสีที่ต้องการจะเลี้ยงว่าจะเป็นสายพันธุ์ที่ราคาแพงหรือราคาถูก หน่อพันธุ์เฉลี่ยแล้วราคาเริ่มต้นที่ 100บาทไปจนถึงหลักหมื่น แต่ถ้าเป็นสัปปะรดสีสายพันธุ์น้ำเข้าจากต่างประเทศหน่อพันธุ์จะเริ่มต้นที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นเช่นเดียวกัน
ช่องทาง..การตลาด
ส่วนช่องทางการขาย มีอยู่ 2 ช่องทางคือ ขายทางออนไลน์ผ่านเวปไซต์ http://www.pantown.com ส่วนอีกช่องทาง คือ สวนที่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 49/17 หมู่ 2 ตำบลปลายบาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 ใครสะดวกแบบไหนก็เลือกซื้อกันได้เลย
ในการขายสัปปะรดสีนั้น คุณประคอง จะมีเทคนิคอยู่นิดหน่อย คือ ก่อนจะโพสขายผ่านเวปไซต์ คุณประคองจะลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆเพื่อตรวจสอบและเช็คดูว่าช่วงนี้มีสัปปะรดสีสายพันธุ์ไหนจำหน่ายบ้าง ราคาจำหน่ายเท่าใด ถ้าพันธุ์ไหนมีขายในท้องตลาดเยอะ คุณประคอง จะยังไม่ขายสัปปะรดสีพันธุ์นั้น หลักการขายง่ายๆเลย “จะขายให้ได้ คือต้องไม่ขายให้เหมือนกัน” ส่วนราคาขายคุณประคองจะตั้งราคาตามความพึงพอใจของเอง เพราะคุณประคองบอกว่า ปมเลี้ยงสัปปะรดสีด้วยใจรักมากกว่าจะทำเป็นธุรกิจ อย่างหน่อหนึ่งซื้อมาราคาประมาณ 1500บาท เมื่อมีหน่อออกมาก็ตั้งราคาขายที่ 800 บาท จะขายราคาครึ่งเดียวพอจะไม่ได้ขายเท่าตัวแม่
ส่วนรายได้ต่อเดือนคุณประคองบอกว่าอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท แต่โดยส่วนใหญ่แล้วคุณประคองไม่ค่อยเน้นขาย เพราะเกิดความเสียดายในความสวยงามของสัปปะรดสี รายได้ต่อเดือนเท่านี้ก็พอใจแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับรายได้จากงานประจำที่เคยทำ อย่างงานโฆษณาที่เคยทำ รายได้ใกล้เคียงกันเลย แต่ต่างกันตรงที่งานประจำต้องทำทุกวัน แต่อาชีพการเกษตรอยู่ที่ความขยันหรือว่าความอยากขายไหม ถามถึงเรื่องตลาด มีแน่นอน อาชีพนี้พอมีการทำกันเยอะๆ บางครั้งคนเก่าที่เคยทำก็อาจจะหยุดทำไป แต่ก็จะมีคนใหม่มาทำแทนที่ อย่างห้องซื้อขายห้องหนึ่งมีสมาชิกเกือบหมื่นคน อาจจะมีคนขายแค่100 คน มีคนซื้อ100 คน อีก8,000 กว่าคนอาจจะดูเฉยๆ แต่ต่อไปในอนาคต บุคคลเหล่านี้อาจจะมาเป็นผู้ซื้อ ทำให้การซื้อขายมีเรื่อยๆ ทำให้สัปปะรดสีขายได้อย่างต่อเนื่อง และมีตลาดรองรับที่ดี
แต่ถ้าใครสนใจและอยากเปลี่ยนอาชีพบวกกับรักการเกษตรและหลงใหลในความสวยงามของสัปปะรดสี คุณประคองแนะนำว่า ถ้าจะปลูกสัปปะรดสีในเชิงพาณิชย์ ควรจะเน้นปลูกพันธุ์ที่ตลาดต้องการ เนื่องจากสับปะรดสีมีหลายสายพันธุ์หลายรูปแบบและแต่ละรูปแบบก็มีความเหมาะในการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น การจัดสวน ต้องเลือกสายพันธุ์สับปะรดสีที่สามารถอยู่กลางแจ้งและอยู่ในบริเวณทีมีแดดรำไรได้ หรือพันธุ์หายาก ซึ่งเป็นที่ต้องการมากสำหรับนักสะสม
สิ่งสำคัญเลยสำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ สำหรับผมแล้ว มองว่า ต้องเริ่มจากใจรักก่อน เพราะว่ารูปร่างหน้าตาของสัปปะรดสีนั้นมีมากมายและแตกต่างกันด้วย สายพันธุ์ก็มีเยอะมาก นอกจากใจรักแล้วสิ่งต่อมา คือ ต้องมีการศึกษาหาความรู้ เพราะสัปปะรดสีมีเป็นหมื่นแบบ เป็นหมื่นชนิด จะเลี้ยงสวยไม่สวยอยู่ที่สถานที่ไม่ใช่ต้นไม้ที่เราไปซื้อ พันธุ์เดียวกันเลี้ยงกันคนละที่คนละจังหวัดก็สวยต่างกันแล้ว เพราะฉะนั้นการศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจในทุกกระบวนการ ตั้งแต่สายพันธุ์สัปปะรดสี การปลูก การดูแลรักษา การแยกหน่อ จึงมีความสำคัญมาก สุดท้ายคือความสุข ทำอาชีพนี้อย่างมีความสุข เพราะการเพาะเลี้ยงต้นไม้ เป็นงานที่ต้องใช้เวลา ต้องรอคอย และต้องมีความขยันด้วย และผลสำเร็จของการเพาะเลี้ยง สัปปะรดสี คือ สีสวย ต้นแข็งแรง และมีหน่อพันธุ์ขาย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรและทำการเกษตรอย่างมีความสุขและประสบผลสำเร็จ ทุกคนควรสำรวจคุณสมบัติที่ผมแนะนำกันก่อนลงมือทำ
การขยายพันธุ์สัปปะรดสี สามารถทำได้ทั้งวิธีการแยกหน่อและเพาะเมล็ด
ประคอง เอี่ยมสำอางค์
บ้านเลขที่ 49/17 หมู่ 2
ตำบลปลายบาง อำเภอบางกรวย
จังหวัดนนทบุรี 11130

