

"สุภาพร อังคะ : กับการปลูกไผ่ ที่ทำรายได้ให้ทั้งหมู่บ้าน"

คือการลงมือทำด้วยตัวเอง

สุภาพร อังคะ ผู้ที่มั่นใจในไผ่ตงและทำให้กลายเป็นรายได้หลักของครอบครัว
คนเรามักจะเสาะแสวงหาความมั่นคงให้กับชีวิตของตัวเอง และคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดว่าการมีหน้าที่การงานที่ดี มีตำแหน่งที่ดีจะช่วยการันตีความมั่นคงของชีวิตได้ แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าตำแหน่งการงานไม่ได้การันตีความมั่นคงให้กับชีวิตเรา โดยเฉพาะชีวิตที่มีความสุข จึงจะเห็นได้ว่าในช่วงหลังๆมานี้ผู้คนสาขาอาชีพต่างๆก็เลือกที่จะลาออกจากงานแล้วกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับอาชีพการเกษตรและอยู่กับดินที่มั่นคง
“อาชีพหลักตอนนี้คือทำสวนไผ่ตงนอกฤดูค่ะ ที่บอกว่าเป็นอาชีพหลักเพราะว่ารายได้หลักที่ทำให้อยู่ได้จริงๆก็มาจากการหันมาทำไผ่ตงนี่แหละคะ ส่วนอาชีพเสริมก็จะทำกิ่งพันธุ์ไม้ขายด้วย เป็นรายได้ประกอบเสริมซึ่งก็ต่อยอดมาจากการทำไผ่ตงที่เป็นอาชีพหลัก ซึ่งนอกจากจะมีกิ่งพันธุ์ไผ่ตง เราก็ยังมีกิ่งพันธุ์มะนาว และกิ่งพันธุ์ไม้อื่นๆ ซึ่งที่นี่ก็จะมีการรวมกลุ่มเป็นสมาชิกกันค่ะ โดยมีดิชั้นเป็นตัวแทนหรือประธานกลุ่มการทำกิ่งพันธุ์ ซึ่งหากในหมู่7บ้านบางบอน นี้ถ้ามีโครงการอะไรหรือสมาชิกพ่อค้าแม่ค้า ที่ต้องการขายพันไม้ก็จะติดต่อมาที่ประธานกลุ่ม ซึ่งทุกคนในกลุ่มก็จะได้รู้ข่าวสารไปในทิศทางเดียวกัน ตอนนี้ในกลุ่มก็มีสมาชิกอยู่ประมาณ35คนซึ่งเป็นกลุ่มที่รักกันเหนียวแน่นมีความสามัคคีคอยช่วยเหลือกัน”
รู้จักกับเกษตรกรผู้ปลูกไผ่ตง...
คุณสุภาพร อังคะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้าน วังบอน ตำบล นาหินลาด อำเภอ ปากพลี จังหวัด นครนายก แม้จะมีหน้าที่การงานที่ดีอยู่แล้วแต่คุณสุภาพรก็ตระหนักดีว่านั่นไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง หน้าที่การงานไม่วันใดวันหนึ่งก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง คุณสุภาพรจึงหันมามองหาชีวิตที่มั่นคงขึ้นด้วยมือของตัวเอง และเริ่มด้วยการหันมาสนใจพืชสารพัดประโยชน์ที่ทนน้ำทนแล้งได้ดีอย่างไผ่ตง
ไผ่ตง ไผ่ที่ได้ทั้งหน่อและไม้ใช้สอย
คุณสุภาพรบอกว่า ก่อนที่จะมาทำไผ่ตงนั้น เมื่อก่อนพื้นที่ที่ใช้ปลูกไผ่ตงนี้จะเป็นที่นาใช้ทำนามาแต่สมัยพ่อแม่ แต่พื้นที่ตรงนี้จะมีปัญหาก็คือถ้าช่วงหน้าหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวตั้งท้องพอก็จะตรงกับช่วงที่มีวาตภัยอยู่บ่อยๆ ลมจะแรงมาก ซึ่งทำให้รวงข้าวเสียหาย ได้ผลผลิตไม่ดี เมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้คุณสภาภรก็เลยมาคิดเปลี่ยนแปลงทำสิ่งอื่นที่น่าจะได้ประโยชน์และคุ้มค่ามากกว่าที่เป็นอยู่ ก็เลยลองปลูกต้นไผ่ที่ว่ากันว่าทนได้ทุกสภาพอากาศ แถมยังเป็นพืชที่ทนน้ำ ทนแล้ง คุณสุภาพรบอกอีกว่าที่เลือกไผ่ตงเพราะว่าไผ่ตงมีคุณสมบัติต่างจากไผ่ชนิดอื่น โตเร็วเนื้อหนาตัน ไม่กลวง จึงเป็นไผ่ที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลายอีกด้วย ช่วงแรกคุณสุภาพรไม่ได้ปลูกเยอะ ปลูกแค่พอกิน แต่พอทำไปทำมารู้สึกว่าดี ก็เลยปลูกเพิ่มอีก และลองคิดดัดแปลงดูแลตามสภาพแวดล้อมสิ่งที่มีอยู่
การปลูกไผ่ตง นอกฤดูจะเริ่มผลิตกันตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนเมษายน และช่วงนี้หน่อไม้จะแพง
“ตอนแรกก็ทำไผ่นอกฤดูกันไม่กี่เจ้า แต่พอเห็นคนแรกๆทำแล้วได้ดีก็เริ่มทำกันเยอะมากขึ้น จากที่เคยเป็นสวนส้มโอซะส่วนใหญ่ชาวบ้านก็เปลี่ยนมาทำไผ่ตงกัน ตอนนี้ในพื้นที่หมู่7นี่ การเพาะปลูกไผ่ตรงอยู่ที่ประมาณเกือบๆ2,000ไร่ และมีแนวโน้มจะขยายขึ้นอีกเพราะเป็นรายได้ที่ดีมากให้กับชาวบ้าน”
เรื่องของการตลาดการขายไผ่ตงนั้นคุณสุภาพรก็บอกว่าไม่มีอะไรยุ่งยาก เพราะแค่เกษตรกรตัดไว้ที่สวนก็จะมีพ่อค้าคนกลางมารับถึงที่ ราคาก็อยู่ที่ประมาณ35-40บาท ในช่วงนอกฤดู
“คนมาซื้อไม่ขาดสาย อย่างพ่อค้าคนกลางก็จะมาจากทั่วทุกภาคมุ่งมาสู่วังบอนนี่แหละ เพราะเค้ารู้ว่าที่นี่เราเป็นแหล่งไผ่ตงที่ดี การตลาดเราก็ไปได้ดี”
นอกจากคุณสุภาพรจะขายหน่อไผ่ตงแล้ว สิ่งที่ต่อยอดได้ประโยชน์ออกมาอีกก็คือกิ่งพันธุ์ของไผ่ตงซึ่งก็ขายดีไม่แพ้กัน กิ่งพันธุ์ไผ่ตงถ้าตอนแล้วชำแล้วจะอยู่ที่15บาท ส่วนต้นไผ่ที่พอลำมันแก่ก็สามารถตัดไปขายได้อีกด้วย เรียกได้ว่าไผ่ตงนั้นสร้างประโยชน์และรายได้ได้แทบทุกส่วนของต้นเลยทีเดียว หากคิดจะหันมาทำไผ่ตงก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดหวังแน่นอน
การปลูกไผ่ตง
การเตรียมดิน และหลุมปลูก เตรียมดินด้วยการไถกลบ และกำจัดวัชพืช 2 รอบ โดยตากดินนาน 5-7 วัน หลังจากนั้นทำการขุดหลุมปลูก กว้างxยาวxลึก ประมาณ 60x60x50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุม และแถวที่ 3-4 เมตร พร้อมโรยปุ๋ยคอก และปุ๋ยเคมีรองก้นหลุม
การปลูกไผ่ตงจะใช้วิธีการปลูกจากต้นพันธุ์ที่ขุดจากกอไผ่ตงหรือกิ่งตอน แต่ที่นิยมปลูกในปัจจุบันจะเป็นกิ่งพันธุ์ที่ได้จากการตอนกิ่ง ระยะปลูก 3-4 เมตร/หลุม หลุมละ 1-2 ต้น ปลูกเอียง 45 องศา หลังจากปลูกควรใช้ฟางข้าววางคลุมต้นเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ดิน
เทคนิคพิเศษส่วนตัว ของคุณสุภาพรในการนำไผ่ลงดิน คุณสุภาพรบอกว่า หลุมที่ขุดไว้ปลูกต้องเอาดินที่ขุดขึ้นมาลงหลุมก่อนเล็กน้อย เทน้ำลงหลุมแล้วละเลงให้เป็นโคลนเละๆเพื่อจะนำต้นไผ่จุ่มลงในโคลนและเขย่าเพื่อให้โคลนแทรกซึมเข้าไปในระหว่างรากของต้นตอที่ชำมา วิธีนี้จะช่วยให้ต้นไผ่แข็งแรงเร็วมากขึ้น
คุณสุภาพรยังได้ให้ข้อเสนอแนะกับคนที่กำลังสนใจคิดจะหันมาทำไผตงว่า สิ่งสำคัญคือความขยันตั้งใจศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ทำ ถ้าขยัน..รายได้ที่ดีก็จะตามมา อย่างไผ่ตงจะเริ่มเก็บหน่อ ตัดหน่อวันเว้นวันหรือ 4-5 วัน/ครั้ง โดยจะตัดในช่วงเช้ามืด อันนี้ต้องขยันเพื่อส่งจำหน่ายตลาดสดให้ทัน ส่วนรายได้ถ้าถ้าศึกษาเรื่องการจัดการได้ดีดูแลดีก็รวยแน่นอน อย่างไผ่ตงของคุณสุภาพรหนึ่งกอจะได้ประมาณ 50 กิโลกรัม รายได้ต่อไร่ต่อเดือนก็7,000 บาท ถ้าปีหนึ่ง1ไร่ก็ราวๆ 80,000 กว่าบาท นั่นก็เพียงพอต่อความมั่งคงในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขของคุณสุภาพร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านผู้ไม่ยอมหยุดนิ่งเพียงแค่หน้าที่การงานที่ถูกมองว่าสบาย
สุดท้ายนี้คุณสุภาพรอยากจะฝากบอกเกษตรกรรุ่นใหม่ว่า
“ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีใจรักมาก่อนควบคู่ไปกับความขยัน ศึกษา ขวนขวาย แล้วจะทำได้ทุกอย่างจนประสบความสำเร็จ”
คุณสุภาพรบำรุงไผ่ด้วยปุ๋ยคอก ทำให้ผลผลิตดี ปลอดภัยไม่มีสารเคมี
คุณสุภาพร อังคะ เลขที่ 46 หมู่ 7 บ้านวังบอน ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก 26130


