เกษตรกรต้นแบบ

"ปริม อินทวงศ์ / อัครวัฒน์ บุญรอด : ทำเกษตรอินทรีย์ ในแบบของ ปริม อินทวงศ์ "มือเซตอัจฉริยะ""

 27 มกราคม 2564 4,961
จ.นครนายก
เน้นความสุขเป็นตัวตั้ง
ถ้ามีความสุขแล้วมันหาเงินได้ก็ถือว่าเป็นโบนัส

คุณเต้เน้นความสุขเป็นตัวตั้ง ถ้ามีความสุขแล้วมันหาเงินได้ก็ถือว่าเป็นโบนัส แต่คุณเต้จะไม่หาเงินเพื่อไปหาความสุข โจทย์ของคุณเต้ง่ายและชัด สามารถเดินตรงไปหาเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ความสุขต้องเป็นตัวหลัก

สิ่งที่คุณเต้และคุณเจนได้ตอนนี้คือความสงบ สิ่งที่ทั้งคู่ต้องการคืออะไรที่มันน้อย พอมันยิ่งน้อยก็จะยิ่งมีเวลามากขึ้น ทั้งคู่ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แต่ต้องการความสงบต้องการแค่มีอาหาร มีอากาศบริสุทธิ์ ทั้งคู่เปรียบตนเองเป็นนักเดินทาง อะไรก็แล้วแต่ที่มันหนักเกินไป มันแบกหนัก มันจะเป็นภาระ ก็จะพยายามมีให้น้อย พอมีน้อยก็จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ซึ่งคิดว่ามันสำคัญกว่า มีบ้าน มีอาหาร ก็มีความสุขสงบแล้ว

ใครที่อยากใช้ชีวิตแบบคุณเต้ คุณเต้แนะนำให้ต้องหาข้อมูลก่อน ถ้าตั้งใจจะทำเกษตรเป็นเป้าหมายที่ต้องการจะทำเงินคุณเต้ไม่มีความเห็นตรงนั้น แต่ถ้าต้องการเอาเกษตรเป็นวิถีชีวิต สามารถมีชีวิตอยู่ได้จริง ๆ จนบั้นปลายของชีวิต คุณเต้แนะนำให้ติดกระดุมเม็ดแรกหรืออิฐก้อนแรกให้ถูก แนะนำพิมพ์คำว่าเกษตรอินทรีย์ เราจะปฏิเสธสารเคมีทุกอย่างที่จะเข้ามาใช้ในการเพาะปลูก ถ้าเริ่มต้นอันนี้ด้วยความถูกต้อง ปัญหามันจะน้อยลง สำหรับคนเมืองคุณไม่ต้องตกใจถ้าคุณไม่มีพื้นฐานการเพาะปลูกอะไร มันเป็นเรื่องดี เพราะว่าเราเหมือนแก้วน้ำที่มันว่างเปล่า ใส่อะไรไปมันรับได้เลย บางคนอาจจะมีพื้นฐานมาก่อน ถ้าพื้นฐานไม่ถูกต้อง มันต้องมาล้างข้อมูล ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก เริ่มต้นหาข้อมูลแล้วก็เริ่มทดลองทำ ทำพื้นที่เล็ก ๆ พื้นที่ที่เราควบคุมได้ เพราะอย่างนั้นเราอาจจะใช้พื้นที่แค่ 50 ตารางวา แล้วก็ลองทำไปก่อน สมมุติว่าใครสอนให้ซื้อที่ดิน 10 กว่าไร่ ขอให้ทำแค่หนึ่งงานก่อน แล้วก็อาจจะมาเป็นเกษตรวันหยุดก่อนก็ได้ เสาร์ - อาทิตย์ กลับมาทำ ก็หาพื้นที่ใกล้บ้าน ไปกลับขับรถประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมง เริ่มทำจากเล็ก ๆ ทำปีหรือสองปีจะได้คำตอบเลยว่าเราชอบหรือเราสามารถอยู่กับมันได้จริง ๆ หรือเปล่า เรื่องที่จะเอาตลาดนำ หรือความชอบเป็นตัวนำ อันนี้แล้วแต่โจทย์ของแต่ละคน มันจะไม่เหมือนกัน

เจ้าของบ้านดิน เจน & เต้ นั้น มาจากชื่อของคุณเจน หรือ คุณปริม อินทวงศ์ อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยจำกัด และอีกสถานะหนึ่งคือเจ้าของฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ส่วนคุณเต้ หรือ คุณอัครวัฒน์ บุญรอด อดีตโปรกอล์ฟซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นโปรผัก

ตอนที่สอนกอล์ฟอยู่ คุณเต้มักมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวตลอดเวลาว่าตนเองคงไม่สอนกอล์ฟไปจนถึงอายุ 70 - 80 ปีหรอก เพราะอยากจะมีอาชีพที่สามารถมีความมั่นคงทางด้านอาหาร แล้วก็พึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยที่สุดด้วย ก็เลยตัดสินใจมาทำงานด้านนี้

นอกจากการต้องการความมั่นคงทางด้านอาหาร การที่คุณเต้มาทำงานด้านนี้ เกิดจากความรักด้วย เมื่อรักที่จะทำ ก็ค่อย ๆ ลองเรียนรู้มา คุณเต้คิดว่าการเริ่มจากศูนย์ดีกว่าการที่มีข้อมูลที่ผิด การเริ่มต้นจากกระดุมเม็ดแรก ชีวิตจะง่ายขึ้น

สำหรับที่ดินที่ทำอยู่ คุณเต้เห็นครั้งแรกก็ตัดสินใจขอซื้อเลย ตัดสินใจได้เร็วมาก ใช้เวลาประมาณสองวันก็โอนเงินจ่ายเลย เป็นเจ้าของที่ผืนนี้ภายในสองวัน เหตุที่ชอบนั้นไม่รู้สาเหตุ พอคุณเต้ลงมาเหยียบพื้นที่ตรงนี้ครั้งแรก ความรู้สึกเลยคือชอบ ชอบบรรยากาศ ชอบความโล่งความกว้าง ก็เลยคิดว่าอันนี้บางทีบางอย่างมันไม่ต้องใช้เหตุผลก็ได้ ใช้แค่ความรู้สึกก็ตัดสินใจโทรไปหาคุณเจนเลย เพราะตอนมาดูมาดูคนเดียว ก็ถ่ายเป็นวิดีโอไปให้คุณเจนดู คุณเจนตกลง คุณเต้ก็ชอบ ก็ตัดสินใจเลย วันรุ่งขึ้นก็ติดต่อเจ้าของที่และโอนเงินเลย

คุณเต้เริ่มทำงานจากความชอบเป็นหลัก ไม่ได้คิดว่าจะมาทำเกษตรเพื่อรวย ไม่ได้เอาตลาดเป็นตัวนำ เอาความชอบของตนเองเป็นตัวนำ เพราะฉะนั้นทุก ๆ อย่างเกิดจากความชอบ คุณเต้อยากจะมีบ้านที่มีหมา มีพื้นที่กว้าง ๆ มีอาหารอยู่รอบ ๆ และเป็นอาหารที่มั่นใจว่ามันปลอดภัย เพราะว่าทำเองทุกกระบวนการ

พื้นที่ของคุณเต้เริ่มต้นจากมี 3 ไร่ 3 งาน โดยตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะเป็นเกษตรผสมผสาน คือ จะมีโซนที่ปลูกป่า เป็นบ่อน้ำ เป็นไม้ผล แล้วก็เป็นที่อยู่อาศัย แต่พอมาซื้อที่เพิ่มเป็น 5 ไร่ ก็เลยตั้งใจว่าจะเลี้ยงปลาเพื่อเป็นธนาคารอาหาร คิดว่าอันนี้เป็นความมั่นคงของการมีชีวิตว่าจะต้องมีอาหารอยู่ในพื้นที่ของตนเอง

คุณเต้ตั้งใจให้เป็นเกษตรอินทรีย์ จึงทำเองทุกอย่างทุกกระบวนการตั้งแต่การปรุงดิน มีการไปเรียนรู้ว่าจะทำดินอย่างไรเพื่อที่จะให้มีชีวิต มีชีวิตคือมีจุลินทรีย์ เพราะฉะนั้นจึงเริ่มต้นกระบวนการด้วยการเผาถ่านเพื่อให้เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ แล้วก็ปรุงดินทุกอย่างทุกขั้นตอนเอง แล้วก็มีโรงเผาถ่านอยู่ด้านหลังฝั่งใต้ มีการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ ทุกอย่างคุณเต้ทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง น้ำหมักปลา จุลินทรีย์หน่อกล้วย แล้วก็จุลินทรีย์จากจาวปลวก คุณเต้ใช้จุลินทรีย์ทุกอย่าง เพราะคิดว่าถ้าจะทำเกษตรอินทรีย์ จะต้องรู้จักจุลินทรีย์ดีที่สุด

การปลูกผักของคุณเต้เนื่องจากภรรยาไม่ทานผัก วันหนึ่งคุณเจนซื้อผักมาทำสลัด เพราะรู้ว่าคุณเต้ชอบทาน ก็ซื้อผักสลัดซึ่งเป็นผักไฮโดรโปนิกส์ คุณเต้ก็ถามว่าราคาเท่าไร พอคุณเจนบอกว่าต้นเดียว 39 บาท คุณเต้เลยรู้สึกว่ามันแพง ถ้าอย่างนี้ปลูกผักกินเองดีกว่า ก็เลยเริ่มต้นไปเรียนการปลูกผักสลัด แล้วก็เน้นทุกอย่างที่เป็นอินทรีย์ทั้งหมด ก็เลยไปเรียนรู้จากที่เขาเปิดอบรมต่าง ๆ แล้วค่อยลองผิดลองถูกมา จนได้แปลงผักที่เป็นผักอินทรีย์ 100%

เมื่อเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ ปัญหาและอุปสรรคที่เจอ คือ ความไม่เข้าใจธรรมชาติ คุณเต้เข้าใจว่าจะควบคุมทุกอย่างได้เองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแมลง เชื้อรา หรืออะไรต่าง ๆ ก็เลยปลูกแบบอินทรีย์ที่ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไม่ใช้ยาฆ่าแมลง แต่พอไม่ใช้ยาฆ่าแมลง มันไม่สามารถที่จะควบคุมแมลงได้จริง ๆ เพราะว่ามันต้องใช้เวลา เนื่องจากพื้นที่เดิมนี้เขาใช้เคมีทั้งหมด เพราะฉะนั้นมันต้องใช้เวลาในการปรับตัว ซึ่งต้องอดทนอยู่กับเขาอยู่ประมาณ 1 - 2 ปี ก็เริ่มที่จะเข้าใจธรรมชาติโดยดี ตอนนี้พอมาใช้อินทรีย์ทั้งหมดมันก็เลยกลายเป็นว่าพื้นที่ของคุณเต้เป็นจุดเดียวในบริเวณนี้ที่เป็นอินทรีย์ 100% เพราะฉะนั้นมันก็เลยเกิดตัวห้ำ ตัวเบียน ก็เลยสามารถที่จะใช้แมลงคุมแมลงเอง แล้วก็ใช้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์เป็นตัวที่จะช่วยดูแลพื้นที่ทั้งหมด คุณเต้ใช้จุลินทรีย์เป็นหลัก และใช้ปุ๋ยที่ทำเอง เรียกว่าปุ๋ยแม่โจ้ เป็นปุ๋ยวิศวกรรมแม่โจ้ ปุ๋ยแบบไม่กลับกอง คุณเต้สามารถทำปุ๋ยได้เองวันละ 1 ตัน

ส่วนการทำบ้านดินนั้น คุณเต้ไม่ได้เริ่มต้นจากการทำบ้านดิน แต่ด้วยความบังเอิญตอนที่คุณเต้ไปเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เดชา ที่มูลนิธิข้าวขวัญ ที่สุพรรณบุรี มีน้องคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ของคุณโจน จันได เขาแนะนำให้เปิดคลิปของคุณพี่โจน จันได ดู คุณเต้ไม่ได้สนใจบ้านดินแต่สนใจวิธีคิดของคุณโจน จันได ก็เลยได้มีโอกาสดูทุกคลิปของคุณโจน ก็เลยตั้งใจว่าถ้าอย่างนั้นก็อยากจะทำบ้านดินด้วย หลังจากนั้นได้มีโอกาสไปเรียนกับอาจารย์ยักษ์ ซึ่งในชุดนั้นคุณโจนอยู่ด้วย ก็เลยมีโอกาสได้นั่งคุยกัน คุณโจน จันได พูดอยู่คำหนึ่งทำให้คุณเต้ปลดล็อคเลยว่า "ทำไปเลย พอรู้อะไรแล้ว เข้าใจแล้วก็ทำเลย เดี๋ยวงานจะสอนเราเอง" คุณเต้กลับจากการเรียนครั้งนั้น ก็เริ่มทำเลยประมาณหนึ่งถึงสองครั้ง แล้วก็ไม่ลังเลแล้ว อยากจะพิสูจน์ด้วยว่าสิ่งที่คุณโจนพูดมันจริงหรือไม่ ก็เลยสร้างบ้านดินเป็นของตัวเอง ก็น่าจะ 5 ปีแล้ว

ขั้นตอนการทำบ้านดินแต่ละพื้นที่ก็มีขั้นตอนการทำที่แตกต่างกัน เพราะว่าดินมันแตกต่างกัน พื้นที่ที่คุณเต้อยู่จะเป็นดินเหนียวปนทราย ก็จะใช้ส่วนผสม คือ ดิน แกลบ แล้วก็น้ำ เป็นส่วนผสมในการปั้นขึ้นเป็นพิมพ์ บ้านดินหลังนี้เนื้อที่ประมาณ 120 ตารางเมตร ใช้ดินประมาณ 3,000 กว่าก้อน แล้วก็แบ่งทีมกัน ทีมเหยียบดิน ทีมก่อ แล้วเราก็จะมีทีมช่างที่เป็นช่างจริง ๆ ที่เขาไม่เข้าใจเรื่องบ้านดิน แต่เขาก็ยอมทำ ใช้เวลาทำประมาณ 2 เดือนกว่า ๆ ก็เริ่มเข้าหน้าฝนพอดี ก็ได้พิสูจน์เลยว่ามันก็สามารถอยู่ได้ แล้วก็เย็นสบาย

หลักชีวิตของบ้านดิน เจน & เต้ ปลูกเพื่อกิน พอปลูกเพื่อกินแล้วน้อง ๆ ที่วิทยุการบินก็ฝากปลูกให้หน่อย เพราะเขาก็ต้องการอาหารที่ปลอดภัยเหมือนกัน ปลูกแปลงเดียวมันก็ไม่พอ ก็เลยขยายไปเรื่อย ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นเรื่องของการค้า แต่เป็นเรื่องของการแบ่งปัน คนทำก็คือคุณเต้ ก็แค่นำต้นทุนกลับมาเพื่อให้คุณเต้ไปทำต่อ หน้าที่ของคุณเจนก็คือถ่ายทอดสิ่งที่คุณเต้ทำให้คนอื่นได้รับรู้ ตอนนี้ผลผลิตจากที่สวนเน้นกินเองเป็นหลัก เหลือแล้วค่อยขาย อันนี้ต้องให้เครดิตกับอาจารย์ยักษ์ อาจารย์ยักษ์จะเน้นในเรื่องของบุญก่อน แล้วก็ในเรื่องของทุนค่อยตามมาทีหลัง จะเน้นเรื่องการปลูกเอาไว้ทานก่อน เมื่อมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เราปลูก เราทานแล้วมีประโยชน์ก็คิดถึงคนรอบข้างว่าอยากให้สิ่งที่มีประโยชน์นี้กับคนรอบข้างด้วย เสร็จแล้วพอเริ่มให้คนไปชิม เริ่มไปให้เพื่อน ๆ มันเหลือก็ขาย อย่างนี้ก็จะมีลูกค้าของเรา ส่วนใหญ่จะพรีออเดอร์ ก็คือสั่งจองกันก่อนเลยแล้วก็หมด ไม่เคยมีของไปวางขายเลย จะมีแต่ของที่มันไม่พอ แต่คุณเต้ก็ไม่ขยายการปลูกจนมากเกินไป เพราะไม่อยากให้มันเป็นภาระ มันจะไม่ใช่ความสุข ก็ปลูกเท่าที่มีกำลัง มันเป็นความลงตัวแล้ว ไม่เน้นขายของถูก แต่เน้นขายของดี เพราะฉะนั้นของดีมันจะมีราคามันอยู่

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

คุณเจน - ปริม อินทวงศ์ / คุณเต้ - อัครวัฒน์ บุญรอด
ฟาร์ม : บ้านดิน เจน & เต้
ที่อยู่ : 72/2 หมู่ 9 ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก 26000
facebook : ปริม อินทวงศ์ (Prim Intawong)

ทำเกษตรอินทรีย์ ในแบบของ ปริม อินทวงศ์

เรื่อง/ภาพโดย: นนท์ ทีมงานรักบ้านเกิด