เกษตรกรต้นแบบ

"ดรุณี วัฒนครบัญชา : ปลูกเลม่อน บำบัดโรค...จริงหรือไม่ต้องไปดู"

 06 มกราคม 2564 6,086
จ.ราชบุรี
ความสุขมันหาได้
อยู่ที่เราเลือกว่าเราจะสุขแบบไหน

"ความสุขมันหาได้อยู่ที่เราเลือกว่าเราจะสุขแบบไหน" เป็นคำตอบหลังจากที่คุณอ้อยผ่านเหตุการณ์ชีวิตมามากมาย สมัยก่อนคุณอ้อยเลือกที่จะสุขได้ จะหรูหราแบบไหนก็ได้ ทุกวันนี้ ตื่นมาก็แค่หายใจก็สุขแล้ว

ตอนนี้คุณอ้อยอยากขอบคุณพนักงานที่คุณอ้อยดูแลเขามา มีคนบอกว่าพสุธาราเลี้ยงลูกน้องได้อย่างยืนยาวมาก ไม่ปลดออกแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจอย่างไรก็แล้วแต่ คุณอ้อยก็ไม่ปลดลูกน้อง ยังสู้ ยังมีธุรกิจหลัก คุณอ้อยตระหนักเสมอว่าอย่าทิ้งธุรกิจเดิม ธุรกิจใหม่ให้มันดีจริง ๆ ก่อนแล้วค่อยทิ้ง ก็ส่งเงินมาเลี้ยงลูกน้องได้ จนเขาเห็นแล้วล่ะว่าคุณอ้อยไม่ทิ้งเขา ที่นี้เขาก็ไม่ทิ้งคุณอ้อย ตอนนี้ความฝันของคุณอ้อยก็คือสร้างความสุขให้กับลูกน้องคนละอย่าง เพราะว่ามันเยอะคน ลองคนละหนึ่งอย่างก่อน แล้ววันหน้าอาจจะมีอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมา

ถ้าพูดถึงคนรุ่นใหม่และถ้ามีความฝันอยากจะเป็นเกษตรกร ก็คุณอ้อยอยากจะให้ทุกคนหันมากลับบ้าน แล้วก็ทำการเกษตร ทำอาหารให้กับตัวเราเอง ไม่ต้องไปนึกถึงการค้าขายหรือว่าอะไร การเกษตรไม่ได้มีแค่ปลูกผัก เกษตรมีความทุกข์มากมายขึ้นมาก่อนที่มันจะมีความสุข อย่างที่บอกว่ามันมีรอยยิ้มหลังน้ำตา ฉะนั้นต้องอดทนในการผ่านม่านน้ำตานั้น กว่าจะมีรอยยิ้มมันใช้ความอดทนมาก เพราะฉะนั้นยังไม่อยากจะแนะนำให้กระโดดเข้ามาทันที อยากให้ลองดูก่อนว่าชีวิตแบบนี้ชอบไหม กระทบกระเทือนกับรายได้หลักไหม ก่อนที่จะหันมาหาสิ่งที่ดี ๆ ที่เราดูแล้วว่าดีหันไปมองว่าเราเสียอะไรก่อน แล้วก็กำลังสอนลูกว่า ถ้าเราจะทำสิ่งใหม่ เราจะต้องทำสิ่งเก่าให้ดี แล้วทำสิ่งใหม่ให้เป็นเพียงงานอดิเรก แล้วงานอดิเรกนี้มันอาจจะเติบโตแล้วกลายเป็นอาชีพหลักก็ได้ แต่มันไม่สามารถทำได้แบบพรวดพราดทีเดียว ต้องวางแผน ต้องอดทนมีน้ำตาบ้างแล้วมันถึงจะมีความสุข

คุณดารุณี วัฒนครบัญชา หรือคุณอ้อย ตอนนี้ทำอาชีพเกษตรอยู่ที่พสุธารา ที่นี่เป็นที่ดินที่คุณอ้อยซื้อมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ชื่อพสุธารา เกิดจากพสุธาและธารา ก็คือดินกับน้ำ เพราะผืนดินแห่งนี้ที่คุณอ้อยมาเห็นในตอนแรกคือเห็น ดิน หิน น้ำ ก็เลยตั้งชื่อให้เป็น "พสุธารา" ความหมายก็คือ "เป็นต้นกำเนิดของชีวิต ก่อนที่จะเกิดอะไรก็เกิดจากดินกับน้ำนี่แหละ" คือความหมายของที่ดินที่นี่

ก่อนที่คุณอ้อยจะมาอยู่ที่นี่ ถือว่าเป็นคนป่วย สามีเป็นหมอฟัน คุณอ้อยก็เป็นผู้บริหารให้กับคลินิกของสามี มี 4 สาขา ต่อมารู้สึกว่าตัวเองป่วย ก็เลยไปพบคุณหมอ ตอนนั้นอายุประมาณ 38 - 39 ปี ซึ่งก็ผ่านมา 14 ถึง 15 ปีแล้ว ก็ไปพบคุณหมอ คุณหมอก็ถามว่ารู้จักโรคพุ่มพวงไหม ตอนแรกก็ตกใจว่าโรคพุ่มพวง เพราะว่าเป็นคนกลัวหมอ เป็นคนกลัวการที่จะต้องไปหาหมอบ่อย ๆ ก็ตกใจ ตั้งสติไม่ถูก กลับไปบ้านตามญาติมาฟังด้วยกันก็ปรากฏว่าเป็นโรคพุ่มพวงจริง ๆ พอคุณอ้อยรู้ว่าตนเองเป็นโรคพุ่มพวง เป็นโรคเอสแอลอี เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง ก็ตื่นตระหนก เหมือนคนไม่เคยป่วย พอมาป่วยแล้วชีวิตเปลี่ยนไป จากตอนนั้นชีวิตเป็นช่วงที่ธุรกิจกำลังเติบโตสูงมาก คลินิกกำลังเป็นอันดับต้น ๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทรา คุณอ้อยไปพบคุณหมอหลาย ๆ โรงพยาบาล ด้วยความที่กลัวก็ไปพบคุณหมอประมาณ 7 โรงพยาบาล 7 คุณหมอก็ให้ความเห็นตรงกันว่าในการรักษาคือการใช้ยาเพื่อกดภูมิ แล้วก็บอกว่าอาการต่อไป ตัวจะบวม ผิวจะคล้ำลง สายตาจะไม่ดี พื้นฐานคุณอ้อยเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงาม อยู่ ๆ จะให้มาตัวบวมผิวคล้ำ ก็ถามว่ามีวิธีอื่นอีกไหม ระหว่างที่พบคุณหมอเป็นระยะเวลา 2 เดือน คุณอ้อยก็ยังไม่ได้รักษา แต่ก็ดูแลตัวเองจากที่ 30 กว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้ดูแลเลย จากนั้นตื่นเช้าขึ้นมาก็ดูแลตัวเอง และด้วยความที่ไม่อยากจะตัวบวม ก็เลยลองใช้วิถีธรรมชาติกับธรรมชาติบำบัด ปรากฏว่าอีก 3 เดือนต่อมา ปรากฏว่าวิธีของธรรมชาติมันช่วยคุณอ้อยได้ คุณอ้อยก็ตื่นเต้น รู้ว่าร่างกายมันดีขึ้น ไม่ปวดข้อแล้ว มันดีขึ้นโดยรวมแล้ว เลยไปตรวจโรคก่อนกำหนด เพราะบอกคุณหมอว่าขอทดลอง 3 เดือน ถ้าไม่หายจะใช้สเตียรอยด์ ปรากฏว่าสองเดือนไปตรวจค่าต่าง ๆ ก็ดรอปลง ค่าตับที่สูง โปรตีนที่รั่ว ก็ดรอปลง เหมือนภาวะโรคสงบ 2 เดือนที่ผ่านมาก็ทำให้โรคสงบลงได้

เมื่อคุณอ้อยเข้าใจว่าการป่วยเป็นเรื่องของการเปลี่ยนชีวิต ก็พยายามต่อสู้กับโรคด้วยวิธีของเธอเอง เพราะรู้แล้วว่าอาหารสำคัญ อากาศสำคัญ การพักผ่อนนอนหลับ การสบายใจสำคัญ ก็มีความคิดว่าจะหาสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง ก็ไปซื้อที่ดินที่นครนายก สามีคุณอ้อยบอกว่าเดี๋ยวอีก 5 ปี เลิกทำงาน สร้างบ้านอยู่แบบธรรมชาติกัน แต่คุณอ้อยรู้สึกว่าอีกตั้งห้าปีอาการมันน่าจะแย่แล้ว ก็เลยซื้อที่ดินที่นครนายก ที่ติดแม่น้ำนครนายกที่สาลิกา หวังว่าจะไปอยู่ที่นั่น ปรากฏว่าซื้อที่ดินได้ประมาณไม่ถึงปี ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไรเลย ซื้อมาประมาณ 3,000,000 บาท 3 เดือนต่อมา มีคนให้ราคา 7,000,000 บาท ด้วยความที่คุณอ้อยเป็นนักธุรกิจ ก็เลยขายที่ดินแปลงนั้นไป ก็มีที่ดินแปลงนี้ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย มีคนมาบอกว่าพี่ช่วยซื้อหน่อยได้ไหม เจ้าของที่ดินมีปัญหานิดหนึ่ง คุณอ้อยก็มาดูด้วยว่าจะคิดช่วยเขาซื้อ ไม่ได้คิดเลย ไม่ได้รู้จักเลยว่าที่ดินนี้ควรจะมีมูลค่าเท่าไรในพื้นที่นี้ ไม่เคยมาสวนผึ้งมาก่อน ก็มาดู พื้นที่ทั้งหมด 42 ไร่ ก็เลยซื้อเขาเลย เป็นที่ดินที่ถูกทิ้ง ไม่มีความสวยงามเลย มีแต่อะไรที่ไม่มีความสวย แต่คุณอ้อยก็แหวกดิน แหวกป่ามันสัปปะหลังร้าง ๆ ก็มาเห็นน้ำ ก็รู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของที่ดินที่ดีมากเลย ก็เลยถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ก็เลยตัดสินใจซื้อตั้งแต่ครั้งแรกเลย

ตอนที่ซื้อที่ดินผืนนี้ คุณอ้อยไม่ได้คิดจะทำอะไร คิดแค่ช่วยเขา แต่พอมาดูปรากฏว่ามันร้อนมาก ร้อนมากจนไม่ไหว ก็เลยมาดูปีละครั้ง - สองครั้ง มันร้อนมาก มันมีต้นไม้แค่ 4 - 5 ต้น มีแค่ต้นมะม่วง 4 ต้น สะเดา 3 ต้น แล้วนอกนั้นก็จะเป็นมันสำปะหลัง มันร้อนจนกระทั่งไก่ตายได้ ก็เลยคิดจะขายอย่างเดียวทั้ง 42 ไร่ ปรากฏว่าวันหนึ่งไปสวดมนต์ไหว้พระขอให้ขายที่ดินได้ พอลงมาจากเขาก็ปรากฏว่ามีคนโทรมาขอซื้อที่ดิน คุณอ้อยก็เลยแบ่งไว้ 10 ไร่ แล้วที่เหลือก็ขายตามราคาที่ตกลง ตอนนั้นที่ขายแล้วแบ่งไว้ 7 ไร่ มีกำไรส่วนต่าง 14 ล้านบาท ก็คิดว่ายังไงก็ขายเลย

พอวันที่จะแบ่งที่ดิน มาถึงที่นี่ประมาณบ่ายสองโมง ก็มาตามถนน ลงมาป่าหวายมาถึงที่นี่ประมาณ 10 กิโลเมตร ภาพที่เห็นวันนั้นอากาศชื้น ๆ ฝนพรำ ๆ ภาพที่เห็นสายตายังมองมาไม่ถึงพื้นที่นี้ เห็นถนนแล้วก็เป็นสายหมอกพาดอยู่บนภูเขาเลย ทำให้มาคิดว่าจะขายไปทำไม ก็เลยเปลี่ยนใจไม่ขาย ก็มีน้อง ๆ มาอาสาว่าปลูกผักไหม ก็ไม่ได้คิดจะทำรีสอร์ทหรือบ้านพักอะไรเพราะไม่ถนัด แล้วก็ไม่ชอบ ไม่ได้คิดจะทำบ้านพัก แต่ตอนหลัง ๆ จากปีหนึ่งเคยมา 2 ครั้ง ก็เป็นมาทุกเดือน มาทุกสัปดาห์ ก็ได้ผักที่เด็ก ๆ ปลูกผักไว้ให้เอากลับบ้านไป ด้วยความที่คุณอ้อยเป็นคนป่วย เขาก็ปลูกผักโดยไม่ใช้ยาแปลงเล็ก ๆ ให้คุณอ้อยเอากลับบ้านไปทุกครั้ง หลังจากนั้นเหมือนความต้องการทางด้านเกษตรของคุณอ้อยก็เกิดขึ้น ก็เริ่มถางแปลงแล้วปลูกพืช ต้นไม้ก็ไม่ขึ้นเพราะทรายมันไม่อุ้มน้ำ ก็เลยปลูกปอเทืองประมาณ 4 - 5 รอบ แล้วไถกลบ ไม่ได้ใช้สารเคมีเลย ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง เป็นเวลา 4 - 5 ปี ทำให้รู้ว่ายิ่งใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ ยิ่งสะสมเป็นดินที่ดี ตอนนี้ปลูกอะไรก็งามสมกับที่ใคร ๆ เขาบอก พื้นฐานก็มาจากการที่ดินไม่ดีแล้วก็พัฒนาดิน

การเริ่มต้นปลูกผักของคุณอ้อย เริ่มจากไม่รู้จะปลูกอะไร ก็เลยอยากปลูกในสิ่งที่ตนเองอยากกิน ก็เลยเลือกเลม่อน เพราะเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ก็จะเห็นเลม่อน แล้วก็สมุนไพรฝรั่งต่าง ๆ โรสแมรี่ ไทม ออริกาโน ที่บ้านเราเยอะแยะไปหมด จึงเลือกปลูกเลม่อน เพราะเลม่อนที่คุณอ้อยทานมีความเป็นอันตรายสูง เพราะว่าจริง ๆ คุณอ้อยเป็นคนป่วย ก็เลยไปซื้อเลม่อนมา เพราะคนป่วยก็ต้องการทานของสด เพราะวิตามินซีจะสูง ตามไทม์ไลน์ที่ผ่านมาปรากฏว่าที่ซื้อมาผลมีการเคลือบแว็กซ์ เพราะว่าเดินทางมาจากยุโรป จะต้องเดินทางมาทางเรือ กว่าจะถึงบ้านเราความสดหายไป การแว็กซ์ผลรักษาให้มันอยู่ได้นานก็จะไม่ชอบ ก็เลยลงมือปลูกเองจาก 2 - 3 ต้น โดยใครก็ทัดทานว่าเลม่อนเป็นพืชเมืองหนาว ก็ไม่ได้ฟัง เกษตรที่นี่มันสำเร็จเพราะว่าไม่ได้ฟังคำทัดทาน ถ้าเชื่อตัวเองก็ปลูกเลย แล้วก็ยังไม่ได้ออกผล จาก 10 เป็น 100 เป็น 1,000 ก็ตอนนี้มีทั้งหมด 1,000 กว่าต้น บนพื้นที่ปลูก 15 ไร่ แล้วก็ปลูกสมุนไพรฝรั่ง โรสแมรี่ ออริกาโน

ที่คุณอ้อยเลือกปลูกเลม่อนเพราะตอบโจทย์ตัวเองก่อน แล้วก็คิดว่ามีโอกาสทางธุรกิจด้วยถ้ามันปลูกสำเร็จ ตอนปลูกใหม่ ๆ มันก็ไม่ได้สำเร็จ แต่คิดว่ามันมีโอกาสประสบความสำเร็จในธุรกิจ เพราะมันแตกต่าง แล้วคุณประโยชน์มันดีอยู่แล้ว ปลูกกันทั่วโลก เพียงแต่ว่าคนไทยอาจจะคิดว่าไม่เหมาะ แต่ก็อยากจะแนะนำให้ทุกบ้านปลูกเลม่อนเพราะว่าต้นหนึ่งออกหลาย 100 ลูกต่อปีคุ้มมาก เลม่อนดูแลง่ายมากเพราะว่าไม่ค่อยพบโรคที่เป็นปัญหาของมะนาว เลม่อนมันจะไม่เป็นโรคอะไรเยอะแยะ เป็นโรคบ้าง ก็รับได้ลูกค้าชอบ ไม่ต้องผลสวยมาก แล้วไม่ต้องไปอธิบายว่าไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงนะ แล้วส่งผลที่สวยบ้างไม่สวยบ้างลูกไม่เท่ากันไปให้เขา ก็ไม่ต้องตอบคำถามแล้วว่า เราใช้ยาฆ่าแมลงหรือเปล่า ความไม่สวยนี่แหละทำให้เขามีความมั่นใจแล้วก็ได้ราคาแพง ดูแลก็ง่าย ง่ายคือต้องการแดดแรงและดินที่โปร่ง

พื้นที่ทั้งหมด 43 ไร่ โซนข้างหน้า 5 ไร่ ทำเกษตรแบบปลูกผักกิน มีโรงผลิตต่าง ๆ มีโรงผลิตของใช้ ของกิน มีโรงน้ำมันหอมระเหย ส่วนพื้นที่ 15 ไร่ ก็ปลูกเลม่อน แล้วยังมีเก็บป่าไว้ประมาณ 10 ไร่ ที่เหลือก็เป็นส่วนของบ้านพัก พื้นที่ว่างเปล่า ยังเป็นสนามหญ้า ทั้งหมด 43 ไร่

ผลผลิตที่ได้ เลม่อนก็นำมาแปรรูปเป็นสแนกช์ตอบโจทย์คนป่วยที่จะกินขนมอะไรดี คุณอ้อยอยากจะกินขนมกรุบกรอบ ก็เลยสร้างขนมของตัวเองด้วยการทำเลม่อนน้ำผึ้ง ไม่ได้อบแห้ง ไม่ได้อบความร้อน รักษาความร้อนต่ำ ๆ ไม่ใช้สารกันเสียเพื่อทำขนม ใช้เสิร์ฟเพื่อนเวลาเพื่อนมาเยี่ยม เพื่อนก็บอกว่าทำขายซิทำขายเลย ก็เลยทำธุรกิจแรกก็คือทำเลม่อนสไลด์ที่ขายอยู่ปัจจุบัน

คุณอ้อยทำเลม่อนแผ่นเป็นเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทย มีขายที่ King Power สยามดิสคัฟเวอรี่ในเครือสยามพารากอน เอ็มควอเทียร์ อิมพีเรียล เริ่มครั้งแรกก็ขายที่นั่นเลย ปัจจุบันก็ขายที่เลม่อนฟาร์ม มันเกิดจากการนำเลม่อนมาขัดล้างอย่างดี แล้วก็มาบ่มในน้ำผึ้งสามเดือน พอเกิดเลม่อนอบแห้งแล้ว ไลน์โปรดักซ์เหลือเป็นน้ำผึ้งเลม่อนอีก ก็เลยเอามาบรรจุขาย เพราะว่าคำว่าเลม่อนน้ำผึ้งก็นึกถึงสุขภาพอยู่แล้ว สำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพ ส่วนที่เหลือมันไม่สวยก็นำมาทำเป็นสไปซ์ซี่ ปกติเขาจะมีมะขามสามรส ของคุณอ้อยก็จะเป็นเลม่อน ดีต่อสุขภาพ มีวิตามินต่าง ๆ แล้วจากนั้นไม่พออีก ลูกไม่สวยก็ถูกทิ้ง ก็เลยเห็นว่ามันมีกองขยะก็คือเอาไปทิ้ง โรสแมรี่ถูกมาอบไว้ก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็คิดว่าจริง ๆ แล้วมันคงเกิดประโยชน์กับคนอื่น เพราะสามารถใช้เหมือนกับน้ำมันหอมระเหย คุณอ้อยก็เลยคิดว่าน้ำมันหอมระเหยมันน่าจะเป็นประโยชน์ แล้วมันก็แพงด้วย เวลาไปต่างประเทศ น้ำมันหอมระเหยเลม่อนโรสแมรี่เป็นของแพง แต่ของเราพสุธาราเอาไปทิ้ง ก็เลยนำของเล็กน้อยไปที่เกษตร กำแพงแสน ไปปรึกษาเรื่องที่จะสกัดน้ำมันหอมระเหยกับพารากอน พารากอนนี่ปลูกเป็นดงเลยก็ได้น้ำมันหอมระเหยมาแค่ 100 ml เลม่อนเยอะมากแต่ได้หัวน้ำมันมาแค่นิดหนึ่ง ไม่กล้าใช้เลย ภูมิใจมาก น้ำมันหอมระเหยของคุณอ้อยเองก็ไม่ได้ใช้เลย ปัจจุบันยังอยู่เลย หลังจากนั้นก็เลยซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันหอมระเหยมากลั่นเอง เพราะการเดินทางมันไกล ก็เลยซื้อเครื่องกลั่นมากลั่นเอง พอกลั่นแล้วมันก็เริ่มเยอะ กลั่นทุกวันก็เยอะ แล้วเราจะเอาไปทำอะไร ก็เอามาแปรรูปใช้เอง นอกจากเราคิดว่าอาหารเพื่อสุขภาพ ก็คิดว่าอาหารเป็นยา ที่นี่อาหารเป็นยาแล้วต้องอร่อยด้วย ไม่อย่างนั้นคุณอ้อยจะไม่สามารถกินยาได้เลย ปรากฏว่าก็มีของใช้ที่ปลอดภัยด้วย ทำเองด้วยเยอะไปหมด แตกออกเป็นร้อย ๆ ผลิตภัณฑ์เลย

ทางด้านบ้านพัก สวนผึ้งเต็มไปด้วยรีสอร์ทและบ้านพัก คุณอ้อยก็ถูกยุยงให้ทำรีสอร์ทด้วย แต่คุณอ้อยไม่อยากใช้คำว่ารีสอร์ท ขอให้คำว่า "ไร่" อยากให้เป็นไร่เป็นฟาร์ม อยากจะทำเกษตรเลี้ยงตัวเองเกษตร ให้ตนเองกินก่อนแล้วก็ขยายไปเลี้ยงลูกน้อง เพราะฉะนั้นประเด็นหลักของคุณอ้อยเลยก็คือไม่ใช่รีสอร์ท บ้านพัก แต่บ้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมานี้เนื่องจากมีพี่น้องหลายคน มีบ้านของตัวเองกับสามีหลังเล็ก มีบ้านหลังเล็ก ๆ ของลูกสาว ลูกชาย ของพี่ ๆ ก็เรียงอยู่ทางฝั่งริมน้ำ แล้วก็มีปลูกบ้านของแขก คือ ไม่อยู่ก็ให้ลูกน้องสร้างบ้านให้เพื่อนสักสองหลังเผื่อเพื่อนมา 4 คน ก็เลยสร้างบ้านแฝดตรงนั้น พอมาถึงก็ถูกแรงยุว่าทำมันเลยจาก 2 หลัง บ้านเพื่อน แตกออกเป็นอีก 6 หลัง ก็กลายเป็นสร้างบ้านเพื่อน 8 หลัง แล้วพี่น้องก็ไม่ได้มาจริง ๆ หยุดนาน ๆ ถึงจะมา สามีก็ทำงาน มีลูกชายมาช่วย 1 ปีเขาก็กลับไปแล้ว อย่างมากตัวเองกับลูกก็สองหลัง บ้านส่วนที่เหลือก็มีคนอยากพักบ้านไร่บ้านฟาร์มแบบของเรา ก็เลยมีภาพลักษณ์เป็นเหมือนบ้านพักรีสอร์ท แล้วการบริการก็ธรรมดาไม่ได้แบบโรงแรม 5 ดาว ที่หลาย ๆ คนอยากจะมา อยากให้เหมือนมาบ้านเพื่อน บริการแบบบ้านเพื่อน

พสุธาราคือสิ่งที่ไม่ประดิษฐ์ คุณอ้อยไม่ได้ประดิษฐ์เพื่อที่คนจะต้องมาถ่ายรูปตรงนี้ ต้องมีอะไรแบบนี้ ที่ไร่จะมีหมีเจ็ดตัวในไร่ แทนครอบครัว คือ พี่ชาย 5 คน คุณพ่อ แล้วก็ตัวเอง แต่ว่าไม่ได้ประดิษฐ์เพื่อที่จะให้คนมาพัก ให้มาพอใจกับสิ่งประดิษฐ์ของไร่ แต่ใช้ชีวิตรูปแบบที่คุณอ้อยใช้ชีวิตเองจริง ๆ แล้วเพื่อนอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ แล้วมาอยู่ด้วย มาทานอาหารด้วย มาเดินเงียบ ๆ แต่ก็ยังรก ๆ อยู่ ใบไม้ไม่ต้องเนี๊ยบหรูหรา มันคือบ้านของเรา มันกว้างก็ทำได้แบบนี้ เพื่อนเขาก็อาจจะพอใจที่จะมาพักกับเราเหมือนมาพักบ้านเพื่อน เป็นธรรมชาติจริง ๆ อาหารเช้าก็จะเป็นแบบโฮมเมด ฟลูโฮมเมด ด้วย ทำเองกับมือ ขนมปังแม่บ้านก็จะทำเองใช้มือปั้นเป็นก้อน ๆ

แผนงานของคุณอ้อย ตอนนี้ที่ไร่ก็อยู่ได้แล้ว เลี้ยงลูกน้องได้อย่างอุดมสมบูรณ์ แต่คุณอ้อยมีความฝัน ความฝันในใจส่วนตัวเองก็ไม่ได้เดือดร้อน ลูก ๆ ก็จบปริญญาโท จบการศึกษาสูง ลูกเขาหาทรัพย์ได้แล้ว เพราะว่าเขามีวิชาความรู้มีสติปัญญาที่จะหาทรัพย์ได้ สิ่งที่กังวลที่นี่ก็คือพนักงาน 20 กว่าคน คุณอ้อยให้ทุกคนเล่าความฝันให้ฟังว่าฝันอะไรกัน แล้วคุณอ้อยจะช่วยเติมฝันของเขาให้เต็ม บางคนบอกว่าหนูไม่รู้จะฝันอะไรก็ไม่มีเงิน คุณอ้อยเลยบอกเขาว่าให้กล้าฝัน กล้าอยากมีเงินหน่อย อีกคนหนึ่งก็ฝันมา 30 กว่าปีแล้วว่าอยากจะมีบัตรประชาชนคนไทย ตอนนี้ก็พาเขาไปทำซึ่งเขากำลังจะได้บัตรแล้วเขาก็มากอดคุณอ้อย และบอกว่า "พี่ไม่ได้ให้ความสุขหนูคนเดียวนะ แต่พี่ให้ความสุขกับทั้งครอบครัว ครอบครัวหนูไม่เคยมีบัตรเลย" ตอนนี้คุณอ้อยก็รวบรวมความฝันของแต่ละคน และจะช่วยจะทำความฝันของเขาให้เป็นจริง คุณอ้อยบอกตัวเองว่ามีหน้าที่ทำให้ฝันของน้อง ๆ เขาเป็นจริง

ครั้งแรกเราก็ขายในโมเดิร์นเพจ ที่ไฮเอ็น ทั่วประเทศ จริง ๆ แล้วถ้าเราเป็นที่สนใจ อันนี้ก็อยากจะฝากคนถ้าเราทำสิ่งที่น่าสนใจของเขาเราจะถูกเลือกเราไม่ต้องไปอ้อนวอนขอใครให้เขาเลือกเราแต่เราจะถูกเลือก เราก็ถูกเลือกจากไฮเอ็นในประเทศทุกที่ เราก็ขายอย่างที่เราบอกเราขายทุกที่ไฮเอ็นเพราะฉะนั้นเราจะต้องสร้างผลิตภัณฑ์ถึงสิ่งที่มันเชื่อว่าดีเพราะว่าปัจจัยของทุก ๆ คนอยากได้ที่มันดี ๆ พื้นฐานเลยก็คือตอบโจทย์พื้นฐานชีวิตคืออยากได้สุขภาพที่ดี พสุธาราก็คือเป็นภูมิคุ้มกันความเจ็บป่วย ซึ่งคนให้ความสำคัญกับความเจ็บป่วย สุขภาพดี อากาศดี ผลิตภัณฑ์ที่ดี ๆ คนหันมารักษ์โลก รักออแกนิค รักความเป็นเนชันนอล เราก็ทำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นใช้เองอยู่แล้วก็สนใจเหมือน ๆ กับเรา

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

คุณอ้อย - ดรุณี วัฒนครบัญชา
ฟาร์ม : พสุธารา
ที่อยู่ : ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 70180
Facebook : Pasutara พสุธารา

ปลูกเลม่อน บำบัดโรค...จริงหรือไม่ต้องไปดู [ rbk | รักบ้านเกิด ]

เรื่อง/ภาพโดย: นนท์ ทีมงานรักบ้านเกิด