

"แอน พรหมศักดิ์ : เกษตรสุขกลางกรุง เปลี่ยนมุมเมือง ให้เป็นมุมเกษตร"

เหลือกินก็แจก ก็ขาย

คำที่คุณแอนยึดไว้ในชีวิตคือ คำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงบอกว่า "สร้างแหล่งอาหารให้ตัวเองก่อน เหลือกินก็แจก ก็ขาย" และคุณแอนก็ยึดคำนี้มาทำตาม และได้ชีวิตที่เป็นไปตามนั้นอย่างแท้จริง
ชีวิตของคุณแอนตอนนี้สามารถสร้างแหล่งอาหารให้ตัวเองได้ครบ มีทั้งผัก มีทั้งปลา แต่ทั้งหมดที่มีในเวลานี้นั้น ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมาย แต่ด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจนและไม่ได้เอาความร่ำรวยเป็นตัวชี้วัด ตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงบอกว่า “สร้างแหล่งอาหารให้ตัวเองก่อน เหลือกินก็แจก ก็ขาย” ทำให้ชีวิตคุณแอนสุขสบายในวันนี้
คุณแอนมีความสุขทั้งกายทั้งใจ มีความเป็นอยู่ที่ครบครัน มีมิตรภาพที่จริงใจ
"เมื่อก่อนความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีนะ ตอนที่พี่เป็นแม่ค้ามันก็เป็นความฉาบฉวยที่แค่ผ่านมาผ่านไป แต่พอมาอยู่ในวงการเกษตร มันมีทั้งความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อน มีคนส่งของนู้นนี่มาให้ มีคนมาหาเรา มีการพูดคุยได้ ได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้เยอะ แล้วเราก็ได้คนที่เขารักและก็จริงใจกับเราเยอะมากจริง ๆ" เพียงเท่านี้ ชีวิตก็มีความสุขแล้ว
หลักการทำงานของคุณแอนคือ ทำไปเรียนรู้ไป พัฒนาไป คุณแอนเรียนรู้จากเพื่อนในวงการเกษตร และเรียนรู้จากการลงมือทำบนพื้นที่ของตนเอง และค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ และอีกที่สำคัญคือการทำงานบนความพอเพียง ใช้วัสดุที่สามารถทำได้เอง สามารถประหยัดให้ได้มากที่สุด แต่ได้ผลที่สุด
เดิมคุณแอน พรหมศักดิ์ เป็นผู้รับเหมา หลังจากนั้นมาขายข้าวมันไก่แล้วขับวินมอเตอร์ไซค์ไปด้วย แต่หันมาทำการเกษตรเพราะคุณแอนไปพบคุณหมอและทราบว่าตนเองมีไขมันในเลือดสูง คุณหมอจึงให้ยาและขอให้เธอควบคุมอาหาร แต่เธอขอไม่กินยา จะควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มปลูกผักกินเอง
คุณแอนเริ่มปลูกจากการปลูกต้นอ่อนทานตะวันไว้ข้างบ้าน และทำให้รู้ว่ารสชาติผักในตลาดช่างแตกต่างจากผักที่ตัวเองปลูกมาก จึงเริ่มปลูกผักเพื่อกินเองในครอบครัวพร้อมกับศึกษาการทำปุ๋ยหมัก เพราะต้องการจะปลูกผักแบบอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ใช้สารเคมีเลย คุณแอนเลยศึกษาในเรื่องของการทำปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมัก แล้วก็ศึกษาการใช้ชีวิตแบบวิถีพอเพียง
เมื่อคุณแอนทำไปเรื่อย ๆ ยิ่งเข้าไปในกลุ่มเกษตร จากที่ไม่มีความรู้เรื่องเกษตรเลย พอเข้าไปศึกษา คุณแอนมีเพื่อนกลุ่มวงการเกษตรที่ใจดีเยอะมากมายหลายคนที่คอยให้คำแนะนำ คอยช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปุ๋ยหมัก ธนาคารเมล็ดพันธุ์ก็ส่งเมล็ดพันธุ์มาให้ สอนการปลูก สอนการหมักดิน คุณแอนจึงมาคิดว่าเมื่อปลูกกินเองได้เยอะและหลากหลายแล้ว อะไรที่สามารถจะปลูกเสริมได้ ก็อยากปลูก และอยากนำไปให้คนอื่นได้กินด้วย ท้ายที่สุดเธอจึงตัดสินใจวางมีดจากการขายข้าวมันไก่ พร้อมกับเลิกซิ่งจากอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หันมายึดอาชีพเกษตรกรที่เคยฝันไว้อย่างเต็มตัว โดยทำการเช่าที่ดินรกร้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเกษตรสุขกลางกรุงในปัจจุบัน เพื่อปลูกบ้านพร้อมกับทำการเกษตร และค่อย ๆ ศึกษาโมเดลโคก หนอง นา ทำบ่อน้ำและร่องน้ำเล็ก ๆ ไว้รอบบ้านสำหรับเก็บกักน้ำ รวมถึงขอความรู้จากเกษตรกรกลุ่มอื่น ๆ เพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้เป็นแหล่งปลูกผักแบบอินทรีย์ 100% โดยมีคุณตี๋ สามีเป็นผู้ช่วยกำลังสำคัญ
ก่อนที่จะเป็นเกษตรสุขกลางกรุงอย่างทุกวันนี้ คุณแอนชอบมาเที่ยวนั่งเล่นอยู่ที่ท้ายซอย ทำให้รู้สึกไม่อยากกลับบ้านทาวน์เฮ้าส์ เพราะรู้สึกว่าที่บ้านร้อน ไม่เหมือนท้ายซอยที่นี่ อากาศปลอดโปร่งกว่า รู้สึกว่ามันผ่อนคลาย มันเหมือนบ้านนอกที่เคยอยู่ มันดูสงบ และยังคงความเป็นธรรมชาติของความเป็นบ้านนอกอยู่ จึงมาขอเช่าที่นี่เพื่อปลูกผัก แต่ด้วยพื้นที่เป็นที่ค่อนข้างลุ่มต่ำ เมื่อฝนตกหนักน้ำก็จะท่วมขัง จึงเอาแบ็คโฮน้อยเข้ามายกร่องน้ำ และศึกษาเรื่องโคก หนอง นา โมเดลแต่ด้วยพื้นที่เล็กเพียงแค่ 3 งานครึ่งเท่านั้น ไม่สามารถทำได้เหมือนต่างจังหวัด ทำได้เพียงร่องน้ำรอบบ้าน และมีสระใหญ่หลังบ้าน 2 สระเท่านั้น
เมื่อแรกเริ่มทำการเกษตรบนที่ดินผืนใหม่นี้ สภาพดินไม่เอื้ออำนวย คุณแอนจึงแก้ปัญหาโดยการทำแปลงปลูกแบบแคร่ เพื่อเน้นการระบายน้ำที่ดี ครั้งแรกที่ปลูก ก็เป็นแปลงปลูกผักลงดินทั่วไป เป็นการยกแปลงขึ้นมาธรรมดา ปั้นแปลง หมักดิน เพราะตั้งใจจะปลูกผักปลูกหญ้ากินเอง เมื่อเหลือก็ขาย ก็แบ่งปัน แต่เนื่องจากว่าที่ดินมันเหนียว สภาพอากาศในกรุงเทพฯ ร้อนชื้น พอปลูกบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำ หรือฝนตก ทำให้การระบายน้ำไม่ดี แม้จะพยายามหมักดินที่ดีแล้วก็ตาม การบริหารจัดการมันยาก เชื้อโรค เชื้อรา ในพืชในผัก สิ่งที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น มันก็เกิด เพราะระบบการป้องกันไม่ดี ก็เลยทำให้พัฒนาพื้นที่มาเรื่อย ๆ จนได้มาทำแปลงแบบแคร่ เพื่อที่จะเน้นการระบายอากาศของน้ำให้แปลงมันโปร่ง ให้ดินมันมีความชุ่มชื้น มีอากาศ
ดินที่ใช้ ก็เป็นดินเดิมที่เอามาหมัก แล้วก็เป็นมูลสัตว์ที่ฟาร์มเจ้าชายสัตว์ให้มาใช้ เป็นความใจดีที่เขาให้คุณแอนมาใช้ ก็เลยสามารถตัดต้นทุนในเรื่องของการซื้อมูลสัตว์ไปได้
สำหรับสูตรการปลูกผัก พื้นฐานก็จะมีการ หมักดิน หมักปุ๋ยด้วยปุ๋ยหมัก มูลสัตว์ ใบไม้ ใบหญ้า การทำน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่ผักออกมาได้ดี มันอยู่ที่การดูแลใส่ใจ คุณแอนดูแลด้วยความเป็นธรรมดา ความพอเพียง ทุกอย่างสร้างด้วยพื้นฐานของพื้นที่ที่อยากให้มันเป็นแบบนี้จริง ๆ
ช่องทางการตลาดของคุณแอน คือ FB : เกษตรสุขกลางกรุง ณ.ทุ่งบางเขน ในเพจจะได้ชมการถ่ายคลิปบอกเล่าเรื่องราวและเทคนิคในการปลูกผักที่คุณแอนนำมาลงอยู่เป็นประจำอีกด้วย อาทิ วิธีการปรุงดินใส่แคร่เผื่อปลูกผัก, การแก้ปัญหาเพลี้ยไฟ ใบลาย, วิธีแยกต้นกล้าสลัดและการดูแล หรือแม้แต่วิธีการทำหลังคาโรงเรือนพลาสติกกันฝนด้วยตัวเอง เรียกว่าแต่ละคลิปนั้นเด็ด แถมเปิดเผยแบบไม่มีกั๊กหรือหวงความรู้แต่อย่างใด
ลูกค้าของคุณแอนก็จะเป็นลูกค้าแถวบ้าน และลูกค้าที่มาจากเพจนี้ โดยคุณแอนเน้นลูกค้าขายปลีก ไม่ได้เน้นขายส่ง ส่วนใหญ่ลูกค้ามารับเองที่หน้าสวน หรือไม่ถ้าไม่ไกล คุณแอนจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งเอง โดยอาจเพิ่มค่าส่งเล็กน้อย
การขาย ส่วนใหญ่จะบรรจุขายถุงละครึ่งกิโลกรัม หรือตามสั่ง รายได้ก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาททุกวัน
คุณแอน พรหมศักดิ์ ฟาร์ม : เกษตรสุขกลางกรุง ที่อยู่ : ซอยพหลโยธิน 55 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220 FB : เกษตรสุขกลางกรุง ณ.ทุ่งบางเขน

