

"เสาวรส สันประเสริฐ : โอ้ววว God ปลูกอ้อย คั้นน้ำ ขายได้กอละ 6,000"


"ร่ำรวย แบ่งปัน และยั่งยืน" คือจุดหมายที่ก็อตฟาร์มเมอร์อยากให้ตนเอง และเครือข่ายไปถึง ไม่เพียงแค่มีพอกินพอใช้เฉพาะตนเอง แต่ต้องแบ่งปันไปให้พ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว ลูกหลานและคนอื่น ๆ ได้ด้วย จึงจะเป็นการร่ำรวยที่แท้จริง
วันนี้คุณนีมดามีความสุขที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีความกวนเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้จะโดนคนด่าเยอะมาก แต่ก็จะตื่นเต้นดีรู้สึกว่าชีวิตมันไม่เรื่อยเปื่อย มันสนุกดี ชีวิตมันไม่ได้ราบรื่น แต่ก็มีความสุขกับการที่มีอะไรตื่นเต้นเข้ามาในชีวิต มีความสุขกับการที่ทำแล้วมีประโยชน์ให้กับคนอื่น มีความสุขกับกลิ่นขี้วัวขี้ไก่ มีความสุขกับกลิ่นน้ำหมัก มีความสุขกับการที่ใบอ้อยบาดหน้า มีความสุขเกี่ยวกับการที่โพสต์เรื่องราวต่าง ๆ ในเฟสบุ๊ค แล้วมีคนบอกว่าขอบคุณมากที่ทำให้ชีวิตสนุก และทำให้รู้สึกว่าการทำเกษตรมันรู้สึกดี มันไม่เป็นแค่เรื่องที่เหนื่อยอย่างเดียว ทำให้มันเป็นเรื่องที่สนุกได้ แล้วเค้าก็รู้สึกว่ามันเป็นแรงบันดาลใจให้เขา
การทำการเกษตรมันไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจปุ๊บปั๊บ ตัดสินใจลาออกจากงานมาทำเกษตรเลย คุณต้องศึกษาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ว่าคุณจะมีแค่ที่ดินกับเงินเจ็ดหลัก คุณต้องมีเลยคือหนึ่งต้องมีเรื่องของเวลา สองเรื่องของความรู้ สามต้องลงมือทำถึงจะเกิดปัญญา สี่เรื่องของแรง ห้านวัตกรรม หกคือเรื่องของทุนทางสังคม การที่เราจะทำคนเดียวไม่ได้ เพราะจะต้องมีกลุ่มมีก้อนมีสังคม เจ็ดคือเรื่องของเงิน ให้มาเป็นลำดับสุดท้าย
ถ้าจะกลับบ้านคิดถึงเรื่องของความรู้ให้มาก ศึกษาข้อมูลหรือพื้นที่ที่จะปลูกก่อน อย่าคิดว่ากลับไปแล้วมันจะมีกินเลย ให้ดูช่องทางการตลาดก่อนว่ากลับไปแล้วจะทำอย่างไรให้มันหารายได้ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ว่าเบื่อสังคมแล้วลาออกเลยแต่ไม่รู้ว่าจะกลับไปทำอะไร แล้วเดี๋ยวมันก็จะกลับไปเหมือนเดิม 70% ของคนที่ลาออกจากงานมาทำเกษตรจะกลับไปเหมือนเดิม จะมีแค่ไม่ถึง 10% เท่านั้นที่จะยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องของโลกสวย มันต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ
คุณนีมดา หรือ คุณเสาวรส สันประเสริฐ เจ้าของ Godfarmer วัย 36 ปี (เกิดปี พ.ศ. 2527) จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ แต่วาดรูปไม่เก่ง วาดรูปไม่เป็น เก่งเรื่องกล้องที่เสนอความคิดจินตนาการภาพ ชอบด้านการขีดการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอักษร เขียนบันทึก พอเรียนจบมาก็มีความฝันว่าอยากเป็นนางแบบ แต่เป็นไม่ได้ คุณนีมดาก็เลยเป็นพร็อพมาสเตอร์แทน หน้าที่คือจัดฉากในกองถ่าย ดูแลเกี่ยวกับสถานที่ของกองถ่าย มิวสิควิดีโออะไรแบบนี้ ก็ผ่านงานมาหลากหลาย รวมทั้งเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ขายเสื้อผ้า แล้วในที่สุดมาทำการเกษตร
จุดเปลี่ยนที่คุณนีมดามาทำการเกษตร คือ การที่เบื่อโลกมาก เบื่อแบบที่ว่ามันซ้ำเดิมทุก ๆ วัน แล้วส่วนตัวคุณนีมดาเป็นเด็กเกเรมาก พออยู่กับเพื่อน เที่ยวกับเพื่อนไปโน่นไปนี่มันก็ซ้ำซาก ก็เลยรู้สึกว่าทำไมชีวิตไม่มีสาระขนาดนี้ ทำไมมันดูว่างเปล่าในทุกวัน คุณนีมดาก็เลยนิ่ง คิด ใช้เวลากับตัวเอง นอนมองเพดานบ้านอยู่สามวัน แล้วก็ใช้จิตคิดว่าเกิดมาทำไม เกิดมาแล้วมีประโยชน์อะไรให้กับใครบ้าง เมื่อใช้จิตคิดอยู่สามวัน สายตาเหลือบไปมองเห็นภาพ ๆ หนึ่งที่ติดอยู่ข้างผนัง เป็นภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีเหงื่อใหลมาหนึ่งหยด จึงคิดได้ว่า ตนเองจะต้องเป็นตำนานให้ได้ เป็นตำนานมันหมายความว่าทำประโยชน์ให้กับคนอื่น พอคิดได้อย่างนั้นก็เลยเปลี่ยนตัวเอง สิ่งที่เปลี่ยนก็คือคิดถึงพ่อแม่ด้วยว่าพ่อแม่แก่เฒ่าแล้วจะต้องดูแลพ่อแม่อย่างดี เพราะว่าตอนที่เราเกิดมาทำอะไรไม่เป็นเลย แม่ทำให้ทุกอย่าง ทำกับข้าวให้กิน ดูแลให้ทุกอย่าง แต่ตอนนี้เริ่มเห็นความแก่ของแม่แล้ว แม่เริ่มเดินหลังไม่ตรง เริ่มมีอาการปวดขาปวดแข้งแล้ว คุณนีมดาก็เลยคิดว่าเราจะต้องกลับมาดูแลพ่อแม่ ก็เลยคิดว่าอาหารเป็นเรื่องสำคัญ แต่ทีนี้มันมีปัญหาอยู่หนึ่งอย่างเลยก็คือ คุณนีมดาเป็นคนที่ปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย ปลูกอะไรก็ตาย ไม่มีความสามารถในการปลูกเลย เป็นคนมือร้อน ก็เลยไปสรรหาใน YouTube ดูตามสื่อต่าง ๆ ก็คิดว่าลองมาทำดู ไปลองเรียนดู มีที่หนึ่งที่เรียนจริงจัง 5 เดือนเลย ทั้งกสิกรรม ประมง ปศุสัตว์ ก็เลยเข้าสู่วงการของเกษตรอย่างเต็มตัว โดยที่คิดว่าสิ่งที่จะต้องช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว และแผ่นดินนี้ได้ มันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกษตร ก็เลยหันมาสู่ทางนี้
เมื่อเริ่มทำการเกษตร คุณนีมดาใช้พื้นที่หลังบ้านประมาณหนึ่งไร่กว่า ๆ ซึ่งตอนแรกมาปรับพื้นที่ไว้ โดยไม่รู้ว่าสภาพมันเป็นอย่างไร ก็ลงมือปลูกเลย พอปลูกเสร็จ หน้าฝนน้ำท่วมหมดเลย ทุกอย่างที่วางแผนไว้จมอยู่กับน้ำแล้วก็ตายหมด แต่สิ่งที่มันไม่ตายคือมันเหลืออ้อยอยู่ประมาณเจ็ดกอ มันก็เลยเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์เพราะตอนนั้นเงินหมดแล้ว พอมันพังทลายลงคุณนีมดาก็เลยมีสติกลับขึ้นมาคิดใหม่ว่าต้องหาเงิน แต่ตอนนั้นยังคิดไม่ออก ก็โพสต์ลงในเฟสบุ๊คทุกวันว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง ก็โพสต์ว่าอ้อยล้ม รู้สึกสงสารชีวิตตัวเองมาก แต่ก็เหมือนอยู่ในรายการฝันที่เป็นจริง มีป้าคนหนึ่งบอกว่าหนูขายอ้อยไหมลูก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณนีมดาแจกแล้ว แต่ตอนนี้ต้องการเงิน ก็เลยบอกว่าขายค่ะป้าซื้อเท่าไหร่คะ จุดเริ่มต้นมันมาจากอ้อยสามสิบตาเท่านั้น ทีนี้พอโพสต์ไปเสร็จคนก็อยากได้ ก็ขายไปเจ็ดกอนี้ กอหนึ่งมี 20 ลำเป็นอย่างต่ำ ลำนึงมีประมาณ 20 ข้อ คราวนั้นได้เงินมา 30,000 บาท จากอ้อยที่รอดชีวิตมาทำให้คุณนีมดารอดชีวิตด้วย ก็คิดว่าตนเองคงถูกจริตกับอ้อย และพบว่าอ้อยเป็นพืชที่น้ำท่วมก็ทนน้ำได้อยู่สักประมาณสองเดือน แล้งก็อยู่ได้คือไม่ได้รดน้ำสักอาทิตย์หนึ่งก็อยู่ได้ไม่เป็นอะไร จึงตัดสินใจปลูกอ้อยต่อ
ตอนนี้อ้อยที่คุณนีมดาปลูกมี สายพันธุ์อ้อยเทพคั้นน้ำ มีความพิเศษที่คุณนีมดาใส่สูตรธัญโอสถลงไป มีมะรุม หนานเฉาเหว่ย ข่า ตะไคร้ สะเดา พวกที่เกี่ยวกับสมุนไพรทั้งหลาย เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ต้นไม้กิน ถ้าเป็นสมุนไพรเขาจะแข็งแรงเหมือนกับคนที่กิน ก็เลยใส่สูตรสมุนไพรบำรุงให้เขา มันจะมีความเหนือชั้น แล้วคุณนีมดาก็ปรุงสูตรพิเศษของจุลินทรีย์สายพันธุ์เทพหรือจุลินทรีย์สายพันธุ์ชั้นนางพญา จะสามารถทำให้อาหารกลายเป็นธัญโอสถได้ สายพันธุ์อ้อยเทพนี้สำหรับคั้นน้ำ แล้วก็มีสายพันธุ์อ้อยสีดำ เป็นอ้อยเคี้ยว เป็นพันธุ์โบราณที่หาค่อนข้างหายาก อีกสายพันธุ์หนึ่งก็คือพันธุ์สายน้ำผึ้ง เป็นพันธุ์ที่หายากเหมือนกัน แล้วก็มีอ้อยแดง พันธุ์ยักษ์ ลำใหญ่มาก แต่น้ำจะจืด สีไม่สวย
อุปสรรคในการปลูกอ้อยของคุณนีมดาที่หนัก ๆ ก็คือเรื่องน้ำท่วมในตอนต้น นอกจากนั้นก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร ถ้าเริ่มต้นทำดี ผลที่ตามมามันก็จะดี คือจะต้องดูแลตั้งแต่ตอนแรก แล้วก็รอ 10 เดือน แล้วมันอาจจะต้องมีการลอกใบสีน้ำตาลออก เนื่องจากมันจะมีพวกมดแมลงอยู่ตามกาบ ก็เอาออก แล้วก็มีเรื่องเกี่ยวกับหนอนกอบ้าง ปลวก แล้วก็หนูบ้าง เป็นธรรมดาของอ้อยอินทรีย์ อีกเรื่องหนึ่งก็คือถ้าทำเป็นอินทรีย์มันจะต้องมีแนวกันชนเคมี ก็ต้องทำ
เมื่อคุณนีมดาประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ก็ได้เดินทางตามอาจารย์ไปสอนในที่ต่าง ๆ มากมายหลาย ๆ จังหวัด เลยรู้สึกว่าเมื่อกลับมาที่บ้าน คนแถวบ้านก็ยังไม่รู้จักเธอ ดังนั้นถ้าคนในพื้นที่ยังไม่รู้จัก ก็รู้สึกว่ามันยังไม่เจ๋งพอ อยากจะทำให้เป็นที่รู้จักและอยากที่จะให้เขามีรายได้เพิ่มจากการทำนาหรือว่าช่วงระหว่างเว้นว่างจากการทำนา ก็ให้เขาทำปุ๋ยเอง จึงแบ่งปันน้ำอ้อยประมาณ 800 ขวดให้มัสยิดเป็นการแนะนำตัวเอง ประธานชุมชนก็แนะนำคุณนีมดาให้รู้จักกับเกษตรอำเภอ จึงทำให้คุณนีมดาคิดว่าต้องมีตัวตนในหนองจอกและทำให้คนรู้จัก พอมีประชาคมข้าวก็เลยไปประชุมกับเขา และได้ไปพูดเรื่องการปลูกอ้อย การสร้างมูลค่าจากอ้อย และบอกไว้ว่าถ้าใครสนใจให้เดินออกมาข้างนอก ให้มาเข้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งตอนนั้นชาวบ้านเค้ายังอยู่ในวิถีเดิม ๆ ก็มีคนน้อยมากที่จะยอมรับตัวเธอ เพราะว่าดูเป็นเด็กรุ่นใหม่ เขาก็บอกว่าเขาทำงานมาทั้งชีวิตเราเป็นใครถึงจะมาสอนเขา คุณนีมดาก็รู้สึกผิดหวังเหมือนกันแต่ถ้ายอมแพ้วันนี้ ก็จะไม่มีโอกาสทำในสิ่งที่ตั้งใจ ก็ไปบรรยายเรื่อย ๆ เวทีหนึ่งได้หนึ่งคนสองคนก็ถือว่าดีแล้ว หลังจากนั้นเริ่มระดมสรรพกำลังที่รวมกลุ่มมาก่อนหน้านี้ มีกลุ่มในโซเชียลที่คุณนีมดาได้เริ่มขายตาอ้อยให้เขา มีการเรียกมาประชุมที่นีมดาแลนด์ เพราะตอนนั้นเป็นแค่แบรนด์น้ำอ้อยนีมดาแลนด์ ก็รู้สึกว่าชื่อแบรนด์มันเป็นของตัวเองมากเกินไป จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "ก็อตฟาร์เมอร์"
"ก็อตฟาร์เมอร์" สำหรับคุณนีมดาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่อยากทำให้คนที่เคยปลูกอะไรไม่ขึ้นเลยอยากทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ อยากเผยแพร่วิชานี้ออกไปทั่วโลก อยากให้เกษตรกรหรือว่าคนที่ทำอาหารให้โลกนี้รู้สึกว่าเป็นคนมีค่ากับโลกนี้ อยากให้รู้สึกว่าฉันเป็นคนมีคุณค่า ฉันจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับโลกนี้ ฉันจะทำอาหารที่เป็นธัญโอสถ ฉันจะทำปุ๋ยที่รักษาสภาพแวดล้อมแบบนี้ ก็เลยเกิด "ก็อตฟาร์เมอร์" เพราะคุณนีมดามีเป็นเป้าหมายสูงสุดคืออยากเป็นตำนาน อยากตายแล้วมีคนจดจำว่าสร้างประโยชน์อะไรให้กับแผ่นดินนี้
บริษัท ก็อตฟาร์เมอร์ จำกัด เกิดขึ้นเนื่องจากคุณนีมดาไปเรียนเอสอีธุรกิจเพื่อสังคมของโซเชียลเอ็นเตอร์ไพรส์ตลาดหลักทรัพย์ คุณนีมดาไม่ผ่านเข้ารอบเนื่องจากว่าไม่เป็นบริษัทจำกัด ตัวคุณนีมดาไม่มีความรู้เรื่องของธุรกิจเลย แค่รู้ว่าอยากจะทำอะไร เธอเชื่อว่าเราจะยิ่งใหญ่ไม่ได้ถ้าไม่ก้าวต่อไปเรื่อย ๆ คุณนีมดาจึงต้องก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจ แต่ถ้าถามคุณนีมดาก็ยังไม่รู้หรอก รู้แค่ตนเองมีวิชา และต้องการเผยแพร่มันให้คนอื่นรู้ แต่ว่าเมื่อมันมาถึงจุด ๆ นี้ ก็บอกว่าจะทำก็ต้องทำ ตอนนั้นเงินก็ไม่มี ก็เลยถามว่าใครจะเข้าร่วมกับเธอบ้าง จึงมี 60 คนทั่วประเทศเข้าร่วม เอาเงินมาให้ บางคนเป็นคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเลยแต่เขาบอกว่าคุณนีมดาเป็นคนที่เป็นความหวังใหม่ของคนประเทศนี้ เขาดูคุณนีมดาทุกวัน เขาติดตามเธอ เขาชอบในจริต เขาอยากสนับสนุน เขาบอกว่าไม่รู้หรอกว่า 3 ปีจะมีเงินคืนไหม แต่อยากให้มันเกิดขึ้น ดังนั้นบางทีมันเป็นเรื่องของการแบ่งปันด้วย ตอนที่คุณนีมดาเดินทางไปตามจังหวัดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเชียงราย ลพบุรี อุดรธานี ไปเพื่อเผยแพร่วิชาให้กับชุมชนโดยที่คุณนีมดาเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง เขาก็เห็นว่าคุณนีมดาทำงานอย่างไร ทำอะไรบ้าง เขาก็เลยสนับสนุน อยากให้มันเกิดขึ้น แล้วก็อยากเห็นว่าคุณนีมดาไปสอนที่ไหนบ้าง เขาชอบในทุก ๆ วันที่คุณนีมดาทำ เขาอยากให้
โลโก้ของก็อตฟาร์มเมอร์ คือ ดวงตาเทพ ก็อตฟาร์เมอร์คือความหวังใหม่ของประเทศนี้ มีขาวและดำอยู่ในดวงตา มันคือความดีความชั่วที่เรารู้เท่าทัน สัญลักษณ์หนึ่งมันคือพระอาทิตย์ในพระจันทร์ในแววตา พระจันทร์คือเวลากลางคืน และพระอาทิตย์คือเวลากลางวัน มันคือแสงสว่างที่ส่องหนทาง อีกนัยหนึ่งมันคือบัว 12 กลีบ 12 เดือนแห่งความเพียร และคือดอกทานตะวันแห่งความหวังใหม่ของคนประเทศนี้ นี่คือการกำเนิดของก็อตฟาร์เมอร์ อวตารมาเพื่อกอบกู้แผ่นดิน มองอีกนัยหนึ่งนี้ A ก็คือ อะ มันเป็นตัว V ได้ ก็คือ วะ ตัว T อีกตัวหนึ่งก็คืออวตาร มันเหมือนปีศาจที่กลับชาติมาเกิดเพื่อฟื้นฟูดินและน้ำให้ก่อชีวิตใหม่ขึ้น จึงเป็นคำว่า อวตาร เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ นี่คือความหมายของมัน
ช่องทางการตลาดจะมี 2 ช่องทาง คือ เพจบริษัท ก็อตฟาร์เมอร์ จำกัด แล้วก็ที่เบอร์โทรศัพท์ 086-744-4723 คือเบอร์ของคุณนีมดาเอง สามารถปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการเกษตรได้ ในเพจจะอัพเดทในเรื่องมีคอร์สฝึกอบรมทุกสิ้นเดือน แล้วก็มีเรื่องเกี่ยวกับการทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมแบ่งปันเพื่อสังคม คลิปวิธีการปลูกอ้อย การทำปุ๋ยหมัก เป็นเรื่องของการเกษตร
ผลิตภัณฑ์ที่ก็อตฟาร์มเมอร์มี คือ ตาอ้อยตาละ 10 บาท เหตุที่ตาอ้อยของก็อตฟาร์เมอร์ตาละ 10 บาท และถ้าซื้อแล้วทำตายรับเคลมด้วย หมายความว่าบอกสาเหตุการตายมา ทางก็อตฟาร์มเมอร์จะส่งไปให้ใหม่ บางทีมือใหม่ไม่ใช่ว่าครั้งแรกจะปลูกอ้อยแล้วรอดเลย คุณนีมดาปลูก 20 - 30 รอบกว่าจะรอด เพราะว่าเป็นคนที่ปลูกต้นไม้ไม่ขึ้นเลย ก็เลยใช้เวลากับมัน ศึกษากับมันว่าปลูกอย่างไร เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อกลับไปเกิดความเสียหายก็จะเคลมให้เขาใหม่
ความพิเศษของอ้อยตาละ 10 บาท ก็คือจะบอกวิธีการปลูกลงไปด้วย แล้วถ้าเขามาหา มาเรียนกับบริษัทฯ ก็จะรับซื้ออ้อยที่ปลูกแล้วได้มาตรฐานเดียวกับก็อตฟาร์มเมอร์ที่ตั้งไว้ที่เป็นแบบอินทรีย์ ที่ถือเป็นธัญโอสถคืนด้วย นี่คือความพิเศษ อีกอันหนึ่งที่ขายดีก็คือ อ้อยโบราณสีดำ เขาจะเอาไว้เคี้ยว เนื่องจากว่ามันเป็นพันธุ์ที่หายาก เพราะว่าค่อนข้างจะใช้เวลานานในการปลูก มันขึ้นยาก แล้วก็ตายง่าย แล้วบางทีถ้าปลูกไม่เป็น มันจะตาย ดังนั้นอันนี้จะเป็นตาละ 15 บาท ที่ขาย ถ้าสนใจอันนี้ก็ขายดีมาก มีเท่าไหร่ก็หมด แล้วก็ขายวิธีการทำอ้อยทั้งหมดจนเกิดรายได้ สอนให้คั้นน้ำอ้อย ล้างอ้อย ปอกอ้อย การเปิดตลาด การหาตลาด หรือจะขายกลับมาเป็นลำคืนให้กับทางบริษัทฯ ก็ได้ ถ้าไม่อยากคั้นน้ำ แค่ปลูกก็มีความสุขแล้วก็ได้ ขายเป็นลำกลับมาให้ก็อตฟาร์มเมอร์ คุณนีมดาไม่ได้มองว่าลูกค้าเป็นแค่ลูกค้า แต่มองว่าเขาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เราจะเติบโตไปด้วยกัน
แล้วก็มีในเรื่องของปุ๋ย แต่เรียกปุ๋ยไม่ได้เพราะว่ามันเป็นอินทรีย์ แล้วมันติดในข้อกำหนด จึงเรียกสิ่งนี้ว่าปฎิบัติการกอบกู้ชีวิตคืนแผ่นดิน ประกอบด้วยน้ำเทพ ดินเทพ และสามเซียนเทพ คือชุดอวตารที่ก็อตฟาร์มเมอร์มี ผลิตภัณฑ์ก็คือหนึ่งพันธุ์อ้อย สองวิธีการทั้งหมดตั้งแต่เริ่มปลูกและเกี่ยวกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับการทำอ้อยคั้นน้ำหรือจะเปิดสาขาเองเปิดหน้าร้านเองก็ได้หรือว่าจะมาเป็นเครือข่ายของก็อตฟาร์มเมอร์ ก็ยินดีรับ สามคือเรื่องของน้ำอ้อยคือขายน้ำอ้อย สี่ก็คือเรื่องปฏิบัติการกอบกู้ชีวิตคืนแผ่นดินก็คือน้ำเทพ ดินเทพ และสามเซียนเทพ ที่สามารถต่อยอดในการขายได้ด้วย ห้าก็คือเรื่องของสื่อของโซเชียล ถ้าเรามีตัวตนในโซเชียล ก็จะสามารถขายเป็นไลฟ์ใน YouTube ได้ และไม่ใช่แค่การขายอ้อย แต่มันเป็นกระบวนการบางอย่างที่ได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้นกับสิ่งนั้น ถ้าเราทำสิ่งนั้นให้มันรู้แจ้งเห็นจริง มันจะเกิดมูลค่าได้มหาศาลเลยทีเดียว ทำให้เหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาด ทำน้ำอ้อยที่มันมีความเหนือชั้นหรือมีอะไรบางอย่างที่คนกินแล้วรู้สึกว่าอันนี้มันบริสุทธิ์นะ มันเป็นอินทรีย์นะ มันทำให้เรารู้สึกสดชื่นเพราะว่ามันเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่คนเป็นเบาหวานสามารถทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม แล้วก็บำรุงผิวพรรณกระดูกฟันตับไต แล้วก็ระบบทางเดินอาหาร เมื่อทานอาหารมื้อหนัก ๆ น้ำอ้อยหนึ่งขวดสามารถช่วยย่อยได้ อีกอย่างหนึ่งคือมันเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณสมัยก่อนที่เอาน้ำอ้อยมาปรับสมดุลย์ในร่างกาย แล้วก็ควรกินเพราะว่ามันหายากแล้วมันรู้สึกฟินมากเวลาดื่ม ชาตินี้คุณต้องได้ดื่มน้ำอ้อยเทพเนื่องจากว่าคุณจะนอนตายตาไม่หลับ พูดแบบนี้ไปคิดเอาเอง มันสุดยอดพี่ มันคือความเทพ หาความสดชื่นที่ไหนไม่มี เหมือนแบบนี้น้ำตาจะไหลจริง ๆ เมื่อรู้ถึงจิตวิญญาณ
แผนในอนาคตอยากที่จะทำเรื่องของอ้อยให้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาเนื่องจากก็อตฟาร์เมอร์มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ มีอยู่หลายจังหวัด แต่คำถามหนึ่งที่มีมาหาก็คือ ครูสอนให้ฉันปลูกแล้วฉันจะไปขายให้ใคร แล้วจะทำอย่างไรต่อ ดังนั้นจึงกลับมาคิดว่าสอนให้เขามีความเคารพต่อแผ่นดินอย่างเดียวไม่พอ ต้องสอนเขาในเรื่องของธุรกิจด้วย ทำอย่างไรให้เค้าขายได้ ทำอย่างไรให้เค้าไปต่อได้ ทำอย่างไรให้เค้ามีเงิน จึงคิดว่าการที่มีเงินเป็นเรื่องที่ดี เขาจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีเงินให้ลูกเรียน มีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ แบ่งปันผู้อื่นได้ สิ่งที่ก็อตฟาร์เมอร์ต้องการให้เขามี คือ ร่ำรวย แบ่งปัน และยั่งยืน
คุณนีมดา - คุณเสาวรส สันประเสริฐ ที่อยู่ : 52/9 หมู่ที่ 10 ถนนสันฆสันติสุข แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10530 FB : Godfarmer Neemdaland , Godfarmer , บริษัท ก๊อดฟาร์เมอร์ จำกัด


