

"ภทรพรรณ พ.ผลพิบูลย์ : Kale Super Food ผักยอดฮิต ดูแลสุขภาพ"


“ใช้หัวใจล้วน ๆ” การจะทำสิ่งใดต้องรักในสิ่งที่ทำก่อน เมื่อรัก ความตั้งใจจะตามมา การดูแล เอาใจใส่ ความทุ่มเท มุ่งมั่น จะตามมา แล้วความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกล
ความสุขของคุณตู่ตอนนี้เป็นเรื่องของการแบ่งปันล้วน ๆ เป็นเรื่องของการแบ่งปัน การให้ การแบ่งปันสุขภาพดี ๆ การเลือกสิ่งดี ๆ เพื่อคนอื่น การให้ทุกอย่างที่เราจะให้ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องเงิน เป็นเรื่องของสุขภาพ เป็นเรื่องของความรู้ คุณตู่พร้อมที่จะให้ความรู้ สามารถที่จะนั่งพูดกับลูกค้าได้เป็นวัน ๆ ใน 1 เคส ซึ่งมันต้องมีพลังในตัวเองเยอะมาก ถามว่าพลังนั้นมาจากไหน พลังนั้นมาจากการที่อยากจะช่วยเขา ให้เขาพบทางรอดเหมือนที่ตนเองเคยพบมาแล้ว มันก็เลยเป็นเรื่องของการสร้างพลังใจ การสร้างพลังบวก การสร้างโอกาสให้กับตัวเองแล้วก็คนอื่น การที่ได้ช่วยคนอื่นมันเท่ากับได้ช่วยตัวเอง มันเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเองด้วย ให้สามารถที่จะไปต่อได้ ทุกคนที่มาที่นี่ต้องมีความสุข และกลับไปอย่างมีความสุข แล้วเขาเหล่านั้นจะพาคนในครอบครัวของเขา เพื่อนฝูงของเขามาที่นี่ มันจึงกลายเป็นบ้านย่าที่เป็นอาณาจักรครอบครัวที่เป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นครอบครัวของกันและกัน
การทำงานเกษตรต้องมีหัวใจ มีความรักในการปลูกผักก่อน หรือว่ารักในสิ่งที่ทำก่อน เมื่อรักแล้วคุณจะตั้งใจ ศึกษามันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยที่ไม่ต้องไปเรียนรู้จากที่ไหน คุณตู่มีข้อแนะนำสำหรับคนที่สนใจเรื่องของการเพาะปลูกที่ถามเข้ามาเยอะว่า มีสอนการเพาะปลูกไหม คุณตู่จะตอบว่าไม่ต้องมาเรียน เพราะว่าจริง ๆ แล้วถ้าอยากจะทำ ก็สั่งเมล็ดพันธุ์มาเลย ทดลองปลูกจริง ถ้าคิดแต่ว่าเราทำไม่ได้มันก็จะทำไม่ได้ ถ้าคิดว่าฉันจะลอง ลองเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ที่มือเรา อยู่ที่การศึกษาเรียนรู้ของเรา เดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตมันเป็นโลกที่ไร้พรมแดน สามารถหาทุกอย่างได้ ถ้าเราคิดว่าเราจะต้องมาเพื่อเรียนรู้ บ้านย่ากับที่ที่คุณอยู่อากาศอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถึงสอนไปอาจจะได้ไม่เหมือนกัน แล้วที่สำคัญต้องเป็นคนที่มีใจรักในเรื่องของการเพาะปลูก เสียสละ เพราะว่าการปลูกผักพวกนี้ต้องเสียสละ ศัตรูพืชเขาเยอะ การดูแล การเอาใจใส่ การต่อยอด ปลูกผัก 1 ชนิดแล้วต้องต่อยอดไปอื่น ๆ เพราะว่าผักมันต้องการหมุนเวียนแร่ธาตุในดิน เรียกว่าเป็นการใช้หัวใจล้วน ๆ ไม่จำเป็นต้องจบเกษตร ไม่จำเป็นต้องเคยปลูกผักมาก่อนหรือเปล่า ไม่จำเป็น ขอแค่มีหัวใจ มีความมุ่งมั่นที่จะทำ ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เริ่มจาก 1 สมอง 2 มือเรานี่เอง
ฟาร์มบ้านย่าก่อตั้งด้วยคุณตู่ หรือที่หลาย ๆ ท่านเรียกว่า “พี่ตู่คนปลูกเคล” หรือ คุณภทรพรรณ พ.ผลพิบูลย์
ที่เรียกว่าฟาร์มบ้านย่าเพราะคุณตู่ใช้พื้นที่ที่เป็นแผ่นดินของย่าทั้งหมดในการเพาะปลูกพืชผักออร์แกนิค แล้วลูกค้าเวลาที่เรียก ก็จะเรียกกันง่าย ๆ ติดปากว่า “ฟาร์มบ้านย่า” หรือมากินผักบ้านย่า
คุณตู่จบการศึกษาทางด้าน Marketing แล้วก็มาทำธุรกิจส่วนตัวหลังจากเป็นมนุษย์เงินเดือนมาซักระยะหนึ่ง โดยการบุกเบิกตลาดน้ำมันมะพร้าวเข้าสู่เมืองไทยเป็นเจ้าแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545 แล้วก็ทำมา 15 ปี มุ่งหาแต่เงินจนลืมดูแลสุขภาพตัวเอง ร่างกายก็เลยเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลนอนยาวสี่วัน แล้วก็เช็คลิสต์สุขภาพทั้งหมดถึงได้รู้ว่าตนเองกำลังจะไม่ได้ไปต่อ ก็เลยต้องตัดสินใจยุติงานเดิมที่มันใช้สมองอย่างหนักแล้วก็มีแต่ความเครียดกลับมาที่บ้าน เมื่อกลับมาก็มาปลูกผัก แต่ว่าตอนนั้นที่ปลูก คุณตู่ไม่ได้เริ่มต้นจากการปลูกผักธรรมดาทั่ว ๆ ไปแต่เริ่มต้นจากผักที่ปลูกแล้วรักษาการป่วยของตนเองได้ ด้วยการใช้ตัวเองเป็นหมอรักษาตัวเอง พืชผักที่ปลูกจึงไม่เหมือนพืชผักที่ปลูกที่อื่น เพราะคุณตู่ปลูกผักที่ต้องมีงานวิจัยรองรับ และผักนั้นต้องรักษาอาการป่วยของตัวเองได้จริง มันก็เลยเป็นที่มาของผักหลากหลายที่มีความเป็นรูปแบบเฉพาะที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะว่าคุณตู่ต้องกินก่อนและมั่นใจว่าดีถึงส่งต่อให้กับผู้อื่น จะเรียกว่าฟาร์มบ้านย่าเกิดจากการรักษาตัวเองของคุณตู่ก็ว่าได้
ตอนแรกที่คุณตู่ปลูกผัก ไม่ได้รู้เรื่องเกษตรเลย ไม่มีความรู้เลย ติดลบเรื่องการเกษตร เรื่องของศัตรูพืช การปรุงดิน การเพาะเมล็ด แต่สิ่งที่ทำให้สามารถเดินมาตรงจุดนี้ได้คือเรื่องสุขภาพล้วน ๆ มันเป็นตัวบอกว่าต้องเปลี่ยนแล้วนะ ต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่เพื่อให้ตนเองแข็งแรงขึ้น โดยการหยุดการใช้ยาทุกชนิด แต่ว่าทางรอดของคุณตู่คือการใช้พืช ผัก ถั่ว พวกนี้ เข้ามาดูแลตัวเอง คุณตู่เริ่มศึกษาค้นคว้าเรื่องของสุขภาพว่าอะไรมันจะช่วยตัวเองได้ ตอนนั้นเริ่มต้นจาก “ใจ” ก่อนเลย ต้องถามใจก่อนว่าพร้อมไหมที่จะมาปลูกผัก เพราะว่าเท่าที่เห็นมันยาก การปลูกผักมันต้องใช้ยา (สารเคมี) เยอะแล้วเราจะทำได้ไหม แต่ว่าสุดท้ายก็คิดว่าจะปลูกผักที่กินแล้วปลอดภัยแล้วก็ต้องไม่ใช้ยา คุณตู่เริ่มศึกษาก่อนที่จะมาปลูกจริงจังแค่ 3 เดือน ทดลองเพาะเมล็ดพันธุ์เอง ขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างตามประสาของการเรียนรู้ คุณตู่จะคิดว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้ ถ้าลงมือทำ สิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้มันจะเป็นไปได้ แล้วพืชผักที่เราปลูกจะเป็นตัวบอกเราเองว่าเราปลูกเขาได้ดีแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นการปลูกเคลมันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลถ้าเราเต็มที่กับเขา
คุณตู่เริ่มปลูกผักที่บ้านย่าเมื่อ 8 สิงหาคม 2560 โดยเริ่มเพาะ 4,000 เมล็ด ครั้งแรกสำเร็จเกินครึ่ง แต่แค่ไม่รู้ว่าศัตรูพืชของเขาเป็นอะไรบ้างที่จะมารบกวนเขาซึ่งคุณตู่ไม่ทราบเลย ไปถามใครก็ไม่ได้เพราะว่าเคลมันคือที่นี่ที่แรกที่ปลูก จะไปเรียนรู้เรื่องของการเพาะปลูกจากคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะว่าคนอื่นเขาก็ไม่รู้จัก แล้วก็สถานที่ต่างกัน การดูแลต่างกัน การเอาใจใส่ต่างกัน ผักก็จะไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณตู่ก็เลยสู้เอาเองจาก 4,000 ต้นเหลืออยู่ประมาณ 2,000 กว่าต้น ซึ่งเขาก็เติบโตได้ดี ช่วงปลายปี 2560 ประมาณเดือนกันยายนก็เก็บผลผลิตได้
คุณตู่ทดลองกินเพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเอง ซึ่งมันตอบโจทย์มากในหลาย ๆ โรคเลยสำหรับเคล คุณตู่เช็คตามงานวิจัยเป็นข้อ ๆ เลยว่าจริงไหม เรื่องของไมเกรนจริงไหม เรื่องของมะเร็งจริงไหม เรื่องของระบบทางเดินอาหาร เรื่องของทุกอย่าง เรื่องของคลอเรสเตอรอล ไขมันในเลือดที่เป็นอยู่มันช่วยได้ไหม ปรากฏว่ามันช่วยได้เกิน 10 ข้อ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นที่มาของการที่จะต้องปลูกผักอื่น ๆ ขึ้นมาเสริม ไม่ใช่มีแค่เคล เพราะว่าเคลนี้ประโยชน์เยอะก็จริง แต่ทุกอย่างมีคุณและโทษในตัวเอง การกินผักจึงต้องมีความหลากหลาย ก็ต้องมาดูว่านอกจากเคลแล้วมันมีผักอะไรที่โภชนาการสูง และเคลมีกี่สายพันธุ์ เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ปลูกกันมานี้จะเจอปัญหาเป็นช่วง ๆ ทั้งเรื่องของศัตรูพืช อากาศที่ร้อนของบ้านเราที่ไม่เอื้อต่อการปลูกเคล การดูแลต้องเข้มข้นเพราะเคลเขาเป็นผักที่ติดอันดับหนึ่งของเรื่องโภชนาการ เขาคือราชินีจึงต้องดูแลเขาอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารทางดินหรืออาหารทางใบ อาหารที่เขากินทางใบคุณตู่จะใช้เป็นนม เอานมที่ฟาร์มผลิตเองคือนมคีนัวสกัดเป็นน้ำนมผสมน้ำฉีดพ่นเขาวันเว้นวัน เพื่อทำให้ผักมีอะมิโน แร่ธาตุสารอาหารเพิ่ม แล้วก็ผักมีความเขียวสด กรอบ กินอร่อย เก็บได้นาน แล้วก็ช่วยเรื่องของอาหารในดินต้องเข้มข้นมาก เพราะว่าเป็นส่วนสำคัญในการที่ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี แล้วก็ต้องมีการปลูกเคลหลาย ๆ สายพันธุ์ เพราะเจอปัญหาว่าเคลใบหยักที่ปลูกตอนเริ่มต้นมันตาย คือทนอากาศร้อนไม่ค่อยไหว จึงเป็นที่มาของเคลหลาย ๆ สายพันธุ์ที่มีที่ฟาร์มบ้านย่า
ฟาร์มบ้านย่าเริ่มต้นมีแค่ 3 โรงเรือนเล็ก ๆ แต่ต่อมาได้การตอบรับจากลูกค้าค่อนข้างดี จึงขยายจาก 3 โรงเรือนเล็ก ๆ เป็น 20 โรงเรือน ในพื้นที่ 3 ไร่ครึ่ง จะมีพื้นที่ที่เป็นโรงเรือน แล้วก็โรงเก็บวัสดุปลูก และเนื่องจากคุณตู่ใช้พื้นที่ดินเดิมของบ้านคุณย่า มันจึงมีบ้านอยู่บางส่วนแล้ว จึงขยายได้เพียงแค่ 20 โรงเรือน
เคลตัวแรกที่คุณตู่ปลูกจะเป็นเคลใบหยักหรือเคอรี่เคล ตัวต่อมาที่ปลูกคือไดโนซอเคลหรือที่เรียกว่าไดโนเสาร์ จะเป็นเคลต้นกำเนิดเลย แล้วเป็นเคลไดโนที่รสชาติอร่อย เข้มข้น ธาตุเหล็กสูง ตัวโพแทสเซียมสูง ธาตุอาหารเขาจะสูงมาก วิตามินเคเขาก็สูง ออกซิเจนสูง เมื่อเข้าสู่ระบบร่างกายจะทำให้ร่างกายเราสดชื่น เวลาที่สกัดน้ำจะสังเกตได้เลยว่าตัวเคลไดโนฟองเขาจะเยอะมาก เพราะว่าตัวออกซิเจนเขาสูง ดีต่อระบบเลือด แล้วก็ช่วยในเรื่องของไมเกรน ตัวไดโนเสาร์นี้ตอบโจทย์มาก ๆ เลยเรื่องของการขับถ่าย ถ้าคนที่ขับถ่ายยาก ๆ นี่เคี้ยวแค่สี่ห้าใบ ตอนเช้าก็จะช่วยเรื่องการขับถ่ายได้ เอาของเสียออกจากร่างกายในตอนเช้ากัน
ตัวล่าสุดที่คุณตู่ปลูกจะเป็นตัวเคลไซบีเรียน รสชาติเขาจะนุ่มละมุน กินง่าย เป็นผักที่นำไปต้มจืดอร่อยมาก เอาเป็นผักแกล้มอร่อยมาก แต่เขาจะปลูกได้ไม่ค่อยทนนัก ในฟาร์มตัวที่ทนมากจะเป็นไดโนเสาร์ อันนี้จะเป็นตัวที่ขายดีของฟาร์ม ลูกค้าจะจองเคลกันเข้ามาเยอะมากเพราะว่ากินอร่อย เวลานำไปแปรรูปจะคงตัว ไม่เละ และไม่ต้องปรุงแต่งโดยใช้สารเสริมอะไรเลย แค่ผัดเป็นไฟแดงพริกกระเทียมน้ำมันเล็กน้อย ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ดีมาก ไม่ส่งผลต่อเบาหวานด้วย
ต่อมามีการปลูกผักอื่น ๆ ด้วยเช่นผัก สวิสชาร์ดเรนโบว์ อันนี้ใช้ในกลุ่มของผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ เพราะว่ามันบำรุงหัวใจได้ดีมาก ส่วนผู้ป่วยเบาหวานทั้งหนึ่งและสองตัวนี้เป็นผักที่ชื่นชอบมาก เพราะว่าเขาเป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมากถึง 13 ชนิด และเป็นผักที่มีวิตามินอีที่สูงกว่าผักตัวอื่น ๆ แต่ลูกค้าจะไม่ค่อยชอบเขาเพราะว่าตัวเขาจะมีกลิ่นคล้าย ๆ ดิน สวิสชาร์ดเรนโบว์จะเป็นกลุ่มเดียวกับบีทรูทแล้วก็บีทกรีน ซึ่งเราใช้ในส่วนของใบ ใบของบีทกรีนคือใบของบีทรูท แล้วก็สวิสชาร์ดเรนโบว์ สามพี่น้องนี้ตระกูลเดียวกัน แยกส่วนจากเคล เพราะว่าการปลูกผักเคลธาตุอาหารเขาเยอะ เขาจะกินจนหมด จะต้องนำมาปรุงใหม่ จะต้องปลูกข้ามตระกูลเลยเพื่อให้เขาแชร์ธาตุอาหารกัน จะไม่ปลูกพืชซ้ำ เขาเรียกว่าการปลูกพืชหมุนเวียน เหล่านี้มันเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ได้ไปศึกษาจากที่ไหน เพราะว่าจะต้องอยู่กับสิ่งที่มันไม่เคยมีก็จะต้องศึกษาเอาเอง
พอได้สวิสชาร์ดมาแล้วตอนแรก ๆ ขายไม่ได้ เพราะว่าคนไทยไม่รู้จัก กลิ่นของเขามีกลิ่นคล้ายดิน ไม่อร่อย แต่เราพยามชี้ให้เห็นประโยชน์ว่าทำไมคุณต้องกิน มันดีต่อสุขภาพร่างกาย เรื่องของเบาหวาน หัวใจ คอเรสเตอรอล ช่วยได้ดีมาก ที่สำคัญเลยระบบเลือด ถ้าคุณกินสวิสชาร์ดได้ 23 ครั้ง / สัปดาห์ คุณไปตรวจค่าเลือดจะเจอว่าระดับของสารแอนตี้ออกซิไดในเลือดของคุณจะอยู่ระดับที่สูงมาก คุณจะไม่แก่ ผิวพรรณคุณจะดี จะดูอ่อนกว่าวัย
จากการที่กินตัวสวิสชาร์ดแล้ว ก็จะโยงไปถึงตัวเฟรชมินต์ เพราะว่าลูกค้าที่มาซื้อผักที่ฟาร์ม บางคนหลับยาก จะทำอย่างไร บางคนเป็นโรคกระเพาะ คุณตู่จึงต้องมาปลูกตัวเฟรชมินต์ที่เป็นสายพันธุ์ของฝรั่งเศส ทำไมต้องเป็นสายพันธุ์นี้ เพราะว่าเขาจะมีกลิ่นที่หอม แล้วก็มีความซู่ซ่า กินแล้วสดชื่น สามารถนำไปปั่นในสมูทตี้ได้ เอาไปทานสดเป็นผักแกล้มได้ เอาไปทำเป็นชาใส่ในน้ำร้อนกิน เป็นชากินก่อนนอนช่วยเรื่องคลายเครียดเป็นชาบำบัดได้ คนที่เป็นโรคกระเพาะกินแบบนี้ได้ คนที่เป็นลำไส้อักเสบกินแบบนี้ได้ เขามีใยอาหาร เขามีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง ผักนี้กินแล้วสวย ขับถ่ายดี นอนหลับง่าย ตัวนี้ใช้ร่วมกับการปั่นเคลเหมือนกัน ผักที่ฟาร์มบ้านย่าจะเน้นเป็นผักสายปั่น สายต้ม สายอบ สายนึ่ง อันนี้กินได้หมด
แล้วก็ตัวคอนราดกรีน อันนี้เป็นพระเอกอีกตัวหนึ่งของฟาร์มบ้านย่า คอนราดกรีนที่นำมาปลูกนี้ สืบค้นข้อมูลจากงานวิจัยแล้วพบว่า เขาเป็นราชาทางผักไฟเบอร์ คนที่มีปัญหาเรื่องขับถ่ายยาก ตัวคอนราดกรีนเอาอยู่ คอนราดกรีนคืออะไร คือผักคะน้าฝรั่งหรือกะหล่ำปลีใบ เพราะว่าที่ฟาร์มอากาศไม่เย็นจึงปลูกกะหล่ำปลีหัวไม่ได้ จึงปลูกเป็นกะหล่ำปลีใบ รสชาติเขาจะคล้ายกะหล่ำปลีผสมคะน้า นำไปผัดทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก น้ำเขาจะหวานละมุนลิ้น ลูกค้าจะบอกว่าตัวนี้อร่อยมาก เวลาปั่นหรือสกัดจะได้น้ำที่เยอะ ลูกค้าจะชอบนำไปสกัดน้ำกัน เพราะว่ากินง่าย ไม่มีขมเลย ผักที่ฟาร์มทุกตัวไม่มีขม จะหวานกรอบอร่อย มีความมันในตัวเอง และเก็บได้นาน เพราะว่าที่ฟาร์มเน้นการเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน ดินที่ใช้ไม่ใช้มูลสัตว์ทุกชนิด ขี้วัวขี้ควายสารพัดขี้ไม่ได้ใช้เลย เพราะว่าคุณตู่คือผู้ป่วย การที่จะกินพืชผักที่ปลูกจากมูลสัตว์จะมีเรื่องของพยาธิ พยาธิในผักสด ก็จะไม่ใช้ เพราะฉะนั้นการที่จะเลี่ยงการไม่ใช้มูลสัตว์ที่มันมีไนโตรเจนสูงที่เป็นอาหารในพืชผักจะทำอย่างไร จะใช้อะไร ก็ต้องใช้พืชผักในฟาร์มของตนเอง เอาไปหมักในดินเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร แล้วก็เน้นอาหารทางใบ ต้องพยายามเพิ่มธาตุอาหารในดินทุก 7 วัน เพราะว่าผักแต่ละชนิดที่ปลูก เป็นผักซุปเปอร์ฟู้ดหมดเลย เขาจะเป็นผักที่กินธาตุอาหารเก่ง ถ้าอาหารไม่ถึงเขาจะเหลืองแคระแกรนและไม่โต จึงต้องมีการปรุงดินกันทุก 7 วัน ที่ฟาร์มบ้านย่าเพื่อให้ผักไม่เสียรสชาติจะไม่ตัดผักหลัง 7 โมง เพราะถ้าตัดหลังจากนั้น พอเขาคายน้ำจะเก็บได้ไม่นาน เขาจะเหลือง
นอกจากนี้ มีตัวเรดซอเรล เป็นผักในฟาร์มที่นำมาปั่นทุกครั้งเพราะว่าเขามีวิตามินซีสูง ตัวนี้ค่อนข้างจะปลูกยาก กินเยอะ ผักตัวนี้จะจำกัดการขายให้ลูกค้าแต่ละเคส เพราะว่าตัวเขามีตัวออกเซอเลดสูง มันจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซี่ยมและธาตุเหล็ก เวลาจะขายผักคุณตู่จะสอบถามอาการของลูกค้าด้วยว่ามีแพ้อะไรไหม เป็นหมอให้ตัวเองแล้วก็ต้องเป็นหมอให้ลูกค้าด้วย ด้วยการใช้อาหารที่ปลูกที่มี ส่งต่อสุขภาพที่ดีให้กับลูกค้า
นอกจากปลูกผักแล้ว ฟาร์มบ้านย่ายังเลี้ยงไก่ด้วย ไก่ที่เลี้ยงเขามีหน้าที่ไม่ใช่เป็นไก่อารมณ์ดีสวย ๆ เฉย ๆ เนื่องจากที่ฟาร์มบ้านย่าไม่ได้ใช้สารเคมี ไม่ได้ใช้พวกฮอร์โมน สารเร่ง หรือว่าชีวภาพใด ๆ เลย เขาจะช่วยกำจัดหนอน กำจัดหอย ในทุกรอบที่จะต้องนำดินมาปรับปรุง มีการกำจัดหนอนและหอย ไก่ที่เลี้ยงไว้จะมีหน้าที่ในการคุ้ยเขี่ยหาหนอนหาหอยในดิน เขาจะทำหน้าที่ได้ดีมาก เพราะว่าไก่เขาจะคุ้ยเขี่ยเก่ง เขาจะหาจนหมดเลย เขาจะมีหน้าที่ของเขาแลกกับอาหารที่ฟาร์มจะให้เขากิน คือผักเคล ไก่ที่ฟาร์มเขาเป็นวีแกน เขาจะไม่ได้กินอาหารเม็ดแบบทั่วไป เขาจะกินเคลเป็นหลัก เคลจะเป็นผักหลักที่เขากินแล้วก็สวิสชาร์ดเรนโบว์ เขาจะชอบมาก ผักอื่น ๆ ในฟาร์มที่เขากินก็จะเป็นคอนราด อันนี้เขาจะกินโดยเฉลี่ยต่อตัวต่อวันอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลกรัม เขากินเก่งมาก เขากินเสร็จแล้วเขาจะอึตลอดเวลา แล้วคุณตู่เลี้ยงเขาแบบอิสระ เขาก็จะเดิน มันก็เลยจะหิวตลอดเวลา แต่สิ่งที่ฟาร์มได้จากตัวเขา คือ ไข่ ไข่ของเขาพอได้จากผัก ข้อดีคือไม่ต้องใช้วัคซีนกับเขาเลย เพราะว่าผักที่เขากินคือซุปเปอร์ฟู้ด มันมีการคุ้มกันอยู่ในตัวเอง ตัวไข่ของเขาจะเป็นสีแดงสวยมาก ๆ กลม เก็บไว้นาน เป็นเดือนก็ยังสีแดงสวย วุ้นของเขาที่อยู่รอบ ๆ ไข่ ก็ยังตั้งทรงอยู่อย่างนั้น ลูกค้าที่ได้ไปบอกว่าทำขนมทำอาหารจะอร่อยมาก ไข่แดงจะมีรสหวาน เพราะว่าเขากินผักเป็นหลัก แล้วเราก็นำไข่ขาวมาแปรรูปทำขนม ทำอาหารให้กับลูกค้าที่วอล์คอินมาที่ฟาร์มหรือขายส่งตามบ้านก็ทำ แต่ต้องจองกันเพราะว่าไม่ได้มีไก่เยอะ มีแค่ 10 กว่าตัว สัปดาห์หนึ่งก็จะได้ไข่อยู่ไม่กี่ฟอง
นอกจากผักสดที่ฟาร์มมีแล้ว ก็มีการนำเคลมาแปรรูป เริ่มตั้งแต่ในเรื่องของอาหารสร้างภูมิคุ้มกัน และ เคลกิมจิ เคลคอมบูฉะ ขนมปังเคล เคลอบชีส เคลคุกกี้ แล้วก็เคลชอตที่เป็นน้ำ น้ำเอนไซม์ การกินเคลนี้มีประโยชน์แต่ถ้ากินเยอะก็จะเป็นโทษ เพราะฉะนั้นจะทำเป็นช็อต ๆ ให้ลูกค้าที่มาที่ฟาร์มได้กิน สามารถสั่งออนไลน์ส่งตรงถึงบ้านได้ทุกวันพุธ แล้วจะมีเคลซุปที่เป็นซุปข้น แล้วก็เขียวลุยสวน
ผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไปจะเป็นเส้นสปาเกตตี้ เส้นอุด้งทำจากเคล ส่วนสวิสชาร์ดก็นำมาแปรรูปเป็นสวิสชาร์ดคอมบูฉะ ไม่ว่าจะนำอะไรมาแปรรูปทางฟาร์มก็จะเน้นเรื่องสุขภาพมากที่สุด คือไร้สารเสริมทุกชนิด เพราะฉะนั้นลูกค้าที่ทานผลิตภัณฑ์แปรรูปของที่ฟาร์มปลอดภัย มั่นใจได้ว่าคุณจะได้สุขภาพดี ๆ แน่นอน
ในอนาคตถามว่าทางฟาร์มจะทำอะไรต่อไปไหม คุณตู่ตอบว่ามันอยู่ในหัวเต็มไปหมด ตอนนี้กำลังพัฒนาในเรื่องของเคลสดกันอยู่ ในรูปแบบที่ฟาร์มทำความสะอาดให้แล้ว เป็นเคลพร้อมทานบรรจุอยู่ในหีบห่อที่กะทัดรัด สามารถเก็บในตู้เย็นได้ในพื้นที่ในการจัดเก็บน้อย ค่าจัดส่งจะถูก เพราะว่าถ้าคุณสั่งหนึ่งกิโลกรัมคุณจะได้กล่องเล็ก ๆ ที่ทางฟาร์มทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้แล้ว และเก็บได้นานมาก เป็นนวัตกรรมที่กำลังออกแบบกันขึ้นมา เพื่อที่จะให้ลูกค้าสามารถที่จะเก็บผักได้นาน ประหยัดพื้นที่ ประหยัดค่าส่ง เหล่านี้จะประหยัดหมดเลย แต่ได้สุขภาพ อันนั้นคือผลิตภัณฑ์ในอนาคตที่กำลังเริ่มวางตลาด
ลูกค้าหลัก ๆ จะเป็นลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง จะมาที่นี่ก่อนปี พ.ศ. 2561 และจะเป็นการบอกต่อกัน ในช่วงแรก ๆ เป็นการบอกต่อกันเยอะ แล้วลูกค้าก็ทยอยวอล์คอินเดินมาที่ฟาร์มเพื่อจะมาซื้อผัก แล้วก็มาขอความรู้เรื่องการกิน การเพาะปลูกทั้งหลาย พอมีคนเริ่มรู้จักมากขึ้น มีการส่งต่อข้อมูลเรื่องราว มันจึงกลายเป็นบ้านหลังใหญ่ ที่ลูกค้าสั่งสินค้ากันเข้ามาจะมีการส่งผักกันทุกสัปดาห์ไม่มีหยุด ทุกวันพุธจะมี 2 รูปแบบของการส่ง คือ ส่งทาง LINE แมน ถ้าเป็นลูกค้ากรุงเทพฯ ถ้าเป็นลูกค้าต่างจังหวัดจะส่ง SCG จะได้รับสินค้าในวันถัดไป ถ้าของที่ฟาร์มถ้าส่งเป็น SCG ก็ไม่ต้องกังวลว่าผักเขาจะเหี่ยวหรือเหลืองไหม ผักของฟาร์มบ้านย่าตัดสด ตัดกันตอนตีสี่ของเช้าวันพุธ แล้วรีบแพ็คลงในถุงที่เรียกว่าถุงที่เหมาะสำหรับการบรรจุผัก แล้วก็ใส่ในกล่องที่กรุด้วยใบตอง เพราะฉะนั้นเขาสามารถอยู่นอกตู้เย็นได้เกิน 24 ชั่วโมง ลูกค้าที่ได้รับไปก็สามารถนำเข้าตู้เย็นได้เลย ไม่ต้องไปล้างไปแช่อะไร เพราะว่าผักของเราไม่ได้ใช้สารเคมี ตอนจะทานก็แค่นำออกมาล้างฝุ่น ไม่ต้องไปแช่ ทานผักแพงแล้วไม่ต้องไปยืนล้างให้มือเปื่อย ไม่มีประโยชน์ เพราะว่ามันดูดซึมไปแล้ว
รายได้หลัก ๆ เลยมาจากออนไลน์ วันเสาร์ - อาทิตย์ขายได้วันละหลายหมื่นบาท ถ้าไปออกร้าน เราไม่รู้ว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายไหม ถ้าเราต้องออกงาน ลูกค้าวอล์คอินเข้ามาที่นี่จะไม่เจอเรา เพราะฉะนั้นจะต้องปักหลักอยู่ที่นี่ อยู่ที่ฟาร์ม จะไม่เน้นการออกงาน รายได้หลัก ๆ มาจากลูกค้าออนไลน์แล้วก็ลูกค้าที่วอล์คอิน รายได้อยู่ที่ 50,000 - 60,000 บาทต่อสัปดาห์ รายได้ก็ประมาณหนึ่ง พอเลี้ยงตัวได้ พอกับที่สามารถจะทำผลิตภัณฑ์แปรรูปให้กับคนกินดี ๆ ได้
คุณตู่ - ภทรพรรณ พ.ผลพิบูลย์ , คุณปลาย - ธัญดา อินทร์ยู่ ฟาร์ม. ฟาร์มบ้านย่า ที่อยู่. 19 หมู่ 4 ตำบลบางสมัคร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24180 FB. ผักเคล ออร์แกนิก ฟาร์มบ้านย่า


