เกษตรกรต้นแบบ

"ชฎาพร เบ็ญมาศ : อาชีพใหม่มาแรง “เลี้ยงหนูพุก” อาชีพเสริมที่เติมเต็มชีวิต"

 08 มิถุนายน 2563 4,061
จ.ลพบุรี
ทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด
แค่นั้นเอง

คติในการดำเนินชีวิตของคุณชฎาพรคือ “ทำทุกวันให้มีความสุขที่สุด” แค่นั้นเอง คือไม่ต้องไปเครียดกับการใช้ชีวิต เพราะว่าส่วนมากคนในปัจจุบันชอบคิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้ แค่อยู่กับวันนี้ให้มีความสุขก็พอ

ความสุขทุกวันนี้ของคุณชฎาพรคือ สุขกับสิ่งที่ทำ ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วทำได้เรื่อย ๆ ทำได้ตลอด ทุกวันนี้เวลาคุณชฎาพรทำอะไร ไม่ว่าจะให้อาหารหนู ก็สามารถให้ไปแบบมีความสุขเรื่อย ๆ ได้เห็นเขาเจริญเติบโตก็มีความสุขแล้ว ไม่มีอะไรต้องเครียดเลย และการอยู่บ้านก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ที่สำคัญมีความสุขที่ได้อยู่กับบ้าน ได้อยู่กับครอบครัว

ใครที่คิดอยากจะทำเกษตร เบื่องานประจำแล้วอยากกลับมาทำเกษตร อย่างแรกเลยที่จะแนะนำ คือ ต้องดูว่าเรามาทำแล้วจะเหนื่อยมากกว่าเดิมไหม เพราะการทำเกษตรต้องใช้ความอดทน อย่าคิดว่ามันจะสบาย ต้องมีความอดทน มีความมุ่งมั่น แล้วก็ต้องคิดว่าถ้าทำแล้วจะมีความสุขไหม ข้อนี้สำคัญมาก

คุณชฎาพร เบ็ญมาศ อายุ 26 ปี ปัจจุบันเป็นครูสอนดนตรีและประกอบอาชีพเลี้ยงหนู

คุณชฏาพร จบการศึกษาจากสาขาดนตรี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี จ.ลพบุรี ปัจจุบันเป็นครูสอนวิชาดนตรีอยู่ที่โรงเรียนสร้างพัฒนา อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี สอนเครื่องดนตรีสากลทำวงดุริยางค์ จบเอกเครื่องเป่าแซ็กโซโฟน เครื่องดนตรีที่เล่นตั้งแต่เด็ก ๆ เลยคือเครื่องกีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีที่ชื่นชอบ นอกจากนั้นยังชอบร้องเพลงอีกด้วย

การประกอบอาชีพหนูพุกของคุณชฎาพรนั้น เกิดจากจับมาจากตามไร่ตามนาก่อน ตอนแรกก็ไปจับมาเลี้ยง แต่ก็เลี้ยงไม่ประสบผลสำเร็จ มีปัญหาเรื่องกัดลูก ก็เลยศึกษามาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันเลี้ยงมาสามปีกว่าแล้ว

ปกติหนูพุกนี้เป็นอาหารพื้นบ้านอยู่แล้ว กินกันทั่วไป อย่างที่บ้านก็กินกันอยู่แล้ว ไปดักไปหามากินกันตามไร่ตามนา แต่ปัจจุบันหาทานไม่ได้แล้ว

ที่คุณชฎาพรเลี้ยงหนูพุกเพราะเป็นคนชอบทดลอง ชอบเลี้ยงอะไรแปลก ๆ ที่คนอื่นเขาไม่เลี้ยง แมลงสาบนี้ก็เคยทดลองเลี้ยงเพราะว่าแมลงสาบนำไปเป็นเหยื่อตกปลาได้ อึ่งอ่าง ปู ก็เคยทดลองจับมาเลี้ยงเช่นกัน เป็นอะไรแปลก ๆ ที่คิดว่ามันใกล้จะสูญพันธุ์ ก็จะนำมาทดลองเลี้ยง นำมาศึกษา แต่หนูนี้จะประสบผลสำเร็จตรงที่พอเลี้ยงแล้วมันตรงกับความต้องการของตลาด เพราะมีคนสนใจเยอะ ก็เลยประกอบอาชีพนี้มาจนถึงปัจจุบัน

ครั้งแรกที่เลี้ยง มันมีวงส้วมวงบ่ออยู่แล้ว คุณชฎาพรก็นำมาทดลองแค่สองสามบ่อในตอนเริ่มแรกทดลองเลี้ยง พอมันออกลูกต้องเริ่มขยายบ่อ ก็ไปซื้อวงเพิ่ม และเพิ่มมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 50 บ่อ และยังต้องขยายเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ

คุณชฎาพรศึกษาวิธีการเลี้ยงหนูพุกด้วยตัวเอง เพราะตอนแรกคุณพ่อไม่เห็นด้วยเลยกับการเลี้ยงหนูพุก แต่พอเลี้ยงแล้วเริ่มมีคนรู้จัก ก็ขายได้เดือนหนึ่งประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ทุกวันนี้คุณพ่อก็มาช่วยดูแลบริหารจัดการด้วย

ขั้นตอนการเลี้ยงหนูพุกนั้น คุณชฎาพรจะเลี้ยงในวงปูน วงปูนนี้จะมีขนาด 60 เซนติเมตรกับ 80 เซนติเมตร วงขนาด 60 เซนติเมตรจะเอาไว้ใส่แม่พันธุ์พร้อมผสม แต่ถ้าขนาดวง 80 เซนติเมตร จะนำไว้ใส่หนูรุ่น หนูรุ่นก็คืออายุ 1-2 เดือน เอาไว้ใส่รวมได้ เพราะอายุเท่านี้เขาจะยังไม่ผสมพันธุ์กัน วัยที่ผสมพันธุ์กันได้ จะอยู่ช่วง 3-4 เดือน สามารถลงคู่ก็ได้ หรือที่ฟาร์มจะลงตัวผู้หนึ่ง ตัวเมียสอง อันนี้จะมีอัตราที่สลับหมุนเวียนกันได้ อาจจะใส่ตัวเมียสามก็ได้ หรืออาจจะใส่ตัวผู้หนึ่งตัวเมียหนึ่งแบบนี้ก็ได้ พอผสมติดแล้วให้สังเกตตัวเมีย จะมีนมเหมือนเมล็ดข้าวสาร เราจะแยกก็ได้ ถ้าแยกอัตราการรอดก็จะเยอะกว่าอัตราการรอดของลูก แต่ถ้ามีบ่อน้อย เลี้ยงรวมได้เลย แต่อาจจะต้องหาที่หลบให้เขา เป็นกระถางต้นไม้ลงไปไว้ก็ได้ พอเขาคลอดลูกแล้ว ก็หาฟางหรือวัสดุมาอุดเพื่อป้องกันลูก พอคลอดลูกแล้วแม่จะเลี้ยงลูกอยู่ประมาณ 10 ถึง 15 วัน พอลูกลืมตาแม่ก็สามารถผสมต่อได้ คอกหนึ่งอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-8 ตัว แต่จะมีบางคอกที่ 10 กว่าตัวก็มี แต่ถ้าเป็นแม่สาวเลยแรก ๆ จะออกน้อย แต่พอเป็นแม่สองแม่สามขึ้นไป ลูกจะเริ่มดก ที่คุณชฎาพรเคยเจอก็มากถึง 13 ตัว

เรื่องของอาหาร เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีเครื่องอัดเม็ด คุณชฎาพรจะให้อาหารพวกผลผลิตตามไร่ที่ทำอยู่แล้วเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุน จะมีพวกข้าวโพด อ้อย มันสัปปะหลัง ข้าวฟ่าง ข้าวเปลือก ข้าวปลาย แต่ตอนนี้มีเครื่องอัดเม็ด ก็จะใช้สูตรอาหารที่ทำเองจากวัสดุที่มี ก็จะใส่รำผสมข้าวโพดนิดหน่อย แล้วก็จะมีใบมัน ส่วนใบมันนี้ นำไปตากแห้งแล้วนำมาตีให้ป่นก่อน แล้วก็มีใบกระถิน นำมาเข้าเครื่องตี เสร็จแล้วเราก็นำไปอัดเม็ด การให้อาหาร จะให้แค่มื้อเดียวช่วงเดียว คือ ช่วงเย็น เพราะโดยธรรมชาติแล้ว หนูจะหาอาหารในช่วงเย็น แต่ถ้าเราไปที่อื่น หรือว่าเราไม่ว่าง สามารถให้อาหารชิ้นไว้ได้ เพราะว่าบ่อเป็นบ่อมืดอยู่แล้ว เขาจะกินอาหารได้ตลอดเวลาถ้ามี แต่ปกติจะให้อาหารพอจำนวน ไม่ให้อาหารเหลือ ถ้าเหลือจะมีกลิ่น ต้องเก็บทิ้งอีก สำหรับหนูตัวเล็ก ๆ ต้องเสริมอาหารเม็ดให้เยอะหน่อย

การทำความสะอาดบ่อ เรียกว่าทำตามที่เราสะดวกมากกว่า วันไหนถ้าเรามีเวลาว่างก็ทำ ส่วนมากจะไม่เกินหนึ่งเดือน แต่ว่าบ่อจะไม่ค่อยมีกลิ่นอยู่แล้ว เพราะว่าทางฟาร์มจะผสมอีเอ็มในน้ำให้หนูกิน เพื่อเวลาที่เขาถ่ายออกมาจะไม่มีกลิ่น ช่วงเวลากลางวันจะเปิดบ่อไว้ด้วย ให้มีอากาศถ่ายเท ส่วนมูลที่เก็บมาเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำใส่ถุงปุ๋ยแล้วเราก็จะนำไปใส่ไว้ตามสวนตามไร่

หนูเป็นสัตว์ที่ทนทุกสภาพอากาศ แต่จะให้ดีนิดหนึ่งก็แค่มีหลังคาให้เขากันฝนกันแดดแค่นั้นเอง แต่ถ้าพูดถึงสภาพอากาศส่วนมากเขาทนได้ เพราะว่าโดยธรรมชาติเขาอาศัยอยู่ในรู

ส่วนศัตรูของหนูนั้น ถ้าเป็นในพื้นที่ที่เป็นป่าเยอะ ๆ ที่ต้องระวังคืองูมันจะลงไปกิน และตอนที่จับมาเลี้ยงแรก ๆ จะมีในเรื่องไม่ได้ปิดบ่อ แมวเลยลงไปกิน เลยต้องปิดไว้ เพราะธรรมชาติของหนูอยู่ในที่มืดอยู่แล้ว ก็ปิดไว้ กลางวันเขาจะนอนหลับอย่างเดียว การดูแลไม่ยากเลย

คนที่ซื้อไปส่วนมากจะนำไปทอด ไปย่าง ไปผัดเผ็ด อันนี้เป็นหลัก ลักษณะเนื้อเขาจะนุ่ม ๆ หวาน ๆ จะเป็นเหมือนพวกน่องไก่ จะหวาน แต่ว่าปัจจุบันจะมีหนูอบโอ่ง เหมือนอบไก่ อบหมู ที่ฟาร์มก็เคยทำ จะนำมาหมักกระเทียมพริกไทย แล้วก็นำลงไปอบไว้ในโอ่ง อบทั้งหนังเขาจะกรอบเหลือง

คุณชฎาพรขายหนูพุกทั้งแบบขายเนื้อ และพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ตอนแรกจะขายเนื้อตามหมู่บ้าน ช่วงไหนมีหนูเนื้อเยอะจะนำมาแปรรูป มีทั้งย่าง ผัดเผ็ด แล้วก็มีอบโอ่ง แล้วเสาร์ - อาทิตย์มีเวลาว่าง ก็จะวิ่งเข้าไปส่งในเมือง

ส่วนพ่อแม่พันธุ์จะโพสต์ลงในกลุ่ม ซึ่งตอนนี้จะมีกลุ่มเพาะพันธุ์หนูค่อนข้างเยอะ เมื่อก่อนยังไม่ค่อยมีคนเลี้ยง ก็จะมีคนติดต่อมา ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ลพบุรีหรือว่าต่างจังหวัดก็จะมีคนสนใจค่อนข้างเยอะ เอาไปเลี้ยงต่อบ้าง หรือเอาไปผสมบ้าง ปัจจุบันมีเพจชื่อว่า ซื้อขายหนูพุกลพบุรี ซึ่งผลตอบรับทางออนไลน์ดีมาก ส่วนมากจะเป็นลูกค้าต่างจังหวัดที่โทรมาสั่งแล้วก็จะขนส่งขึ้นรถไก่ชนไป

ราคาขายพ่อแม่พันธุ์พร้อมผสม ขายคู่ละ 600 บาท ตัวละ 300 บาท ส่วนเป็นหนูเนื้อจะขายกิโลกรัมละ 200 ถึง 250 บาท ราคาจะอยู่ประมาณนี้ ส่วนหนูอายุ 1 เดือน จะขายตามเดือน 1 เดือนก็ 100 บาท 1 เดือนครึ่งก็ 150 บาท ส่วนมากก็จะเป็นตามเดือนไล่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพร้อมผสม

ส่วนค่าขนส่ง ถ้าลูกค้าซื้อมาก ๆ บางทีเราก็ออกค่าส่งให้ ค่าส่งถ้าอยู่ที่ต่างจังหวัดส่วนมากก็จะอยู่ที่ 600 บาท ในส่วนนี้รถไก่ชนเป็นคนคิดราคา บางทีทางฟาร์มก็แถมให้ลูกค้าบ้างในบางครั้ง ส่วนมากลูกค้าจะมาจากภาคอีสาน ภาคเหนือก็มีบ้าง เขตทางชลบุรีก็มีสั่งไปเอาไปทดลองก่อน แม้สั่งไม่มาก 5 คู่ 10 คู่ ทางฟาร์มก็จัดส่งให้

รายได้เฉลี่ยต่อเดือนถ้าช่วงปกติก็อยู่ที่ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ที่เป็นรายได้เกี่ยวกับหนู แต่ถ้าเป็นช่วงนี้ก็จะอยู่ไม่ต่ำกว่าประมาณ 10,000 กว่าบาท ถ้าเป็นบางเดือนที่มีลูกค้าแบบรายใหญ่ ๆ อยู่ที่ประมาณ 50,000 - 60,000 บาท ก็มี รายได้เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน และคิดว่าอนาคตยังขายได้อีกเรื่อย ๆ เพราะปัจจุบันตลาดยังไม่เพียงพอ ตอนนี้ทางฟาร์มมีแผนจะขยายบ่อเพิ่ม เตรียมอุปกรณ์ไว้ครบแล้ว แต่ขาดช่างยังไม่มาทำ นอกจากนั้นยังก็มีแผนอยากจะทำให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ ในอนาคตจะมีสัตว์ต่าง ๆ มากมายที่ใกล้จะสูญพันธุ์ อนาคตจะเลี้ยงแมงดา และอึ่งอ่างให้ประสบผลสำเร็จ

การเลี้ยงหนูพุกของคุณชฎาพรถ้าเปรียบดนตรีก็ออกแนวนึกอยากจะดุดันก็ดุดัน เพราะว่าหนูแต่ละตัวอารมณ์ไม่เหมือนกัน บางตัวก็ดื้อมาก บางตัวที่ดูอยู่ก็เพลินจับเล่นได้ บางตัวดุมาก บางทีก็โมโหอยากจะทุบมัน ผสมผสานกันมากกว่า

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

ชฎาพร เบ็ญมาศ บ้านเลขที่ 4/2 หมู่ที่ 6 ตำบลนิยมชัย อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี 15240

อาชีพใหม่มาแรง “เลี้ยงหนูพุก” อาชีพเสริมที่เติมเต็มชีวิต [ rbk | รักบ้านเกิด ]

เรื่อง/ภาพโดย: นนท์ ทีมงานรักบ้านเกิด