เกษตรกรต้นแบบ

"โอภาส หรดี : ปรับภูมิทัศน์พื้นที่เกษตร ธุรกิจใหม่มาแรง"

 07 เมษายน 2563 2,417
จ.ลพบุรี
ต้นอ่อนทานตะวันใช้ระยะเวลา 7 วันสามารถตัดทานได้ เป็นพืชโตเร็ว เก็บผลผลิตไว เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ มีธาตุเหล็ก ช่วยลดคลอเรสเตอรอล และกากใยมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย

ใครจะคาดคิดว่าจากจุดเริ่มต้นที่เป็นคนชอบรับประทานต้นอ่อนทานตะวัน จะขยายเติบโตกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ มีโรงคัดเมล็ดพันธุ์และจำหน่ายเมล็ดทานตะวันที่มีคุณภาพ เป็นของตัวเอง ต่อยอดไปสู่เมล็ดพันธุ์เพาะงอกชนิดอื่นๆ และต่อยอดไปถึงอุปกรณ์ในเพาะ ทั้งดินและวัสดุเพาะปลูก ภายใต้แบรนด์ “Super Top” เพียงเพราะเขาเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค แต่กลับหาทางแก้ไข จนสามารถเอาชนะปัญหาเหล่านั้นได้

ในปีพ.ศ. 2555 ท๊อป – โอภาส หรดี เด็กหนุ่ม จากจังหวัดลพบุรี ดินแดนที่เต็มไปด้วยไร่เมล็ดทานตะวัน ซึ่งเป็นอาชีพหลักของครอบครัว เริ่มสนใจที่จะปลูกผักจากเมล็ดทานตะวัน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความคิดที่ว่า มีไร่เมล็ดทานตะวันของตัวเอง ทำไมไม่ลองปลูกต้นอ่อนทานตะวันทานเองดูบ้าง จึงเริ่มศึกษาวิธีการเพาะด้วยตนเอง โดยใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ 6 เดือน กว่าจะสำเร็จ

“เมล็ดทานตะวันที่จะสามารถนำมาเพาะปลูกต้องมีอายุการเก็บเกี่ยว 110 - 120 วันขึ้นไป จึงจะสามารถนำไปเพาะปลูกต้นอ่อนทานตะวันได้ ดังนั้นจึงได้ศึกษาลองเพาะ -ปลูกต้นอ่อน ลองผิดลองถูก โดยใช้ระยะเวลา 6 เดือน และเรียนรู้การเพาะต้นอ่อน และรู้วิธีรับมือต่างๆ เกี่ยวกับการเพาะปลูกต้นอ่อน ผมเริ่มต้นจากชอบรับประทานและทำเป็นอาชีพเสริมเล็กๆ ส่งให้ร้านอาหารใกล้ๆ บ้าน จากวันละ 5 กิโลกรัม จนกลายเป็นวันละ 100 กิโลกรัม จึงเห็นว่าอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้ผมได้แน่นอน”

คุณท๊อป ใช้วิธีเพาะต้นอ่อนทานตะวันแบบออแกนิคไม่ได้ใช้สารเคมีใดๆ ในการเพาะปลูก ระยะเวลาเพียง 3 เดือนทำให้ธุรกิจเพาะต้นอ่อนทานตะวันของเขาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเขาเริ่มหันมาทำการตลาดมากขึ้น มีการประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนได้รู้จักคุณประโยชน์จากต้นอ่อนทานตะวัน

“ต้นอ่อนทานตะวันใช้ระยะเวลา 7 วัน สามารถตัดทานได้ เป็นพืชโตเร็ว เก็บผลผลิตไว เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ มีธาตุเหล็ก ช่วยลดคลอเรสเตอรอล และกากใยมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย สามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้ 7-15 วัน”

จากการประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทำให้มีออเดอร์ในการส่งออกแต่ละวันจำนวนมาก ทำให้ต้องวางรากฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดการจ้างงานบุคคลากรในชุมชน ทำให้ชุมชนมีรายได้อย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

ต่อมาเขาได้ต่อยอดผลิตชุดปลูกต้นอ่อนทานตะวันออกจำหน่าย เพื่อให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาเพาะต้นอ่อนทานตะวันไว้ทานเองในครอบครัว และเขาได้ขยายการผลิตไปสู่เมล็ดเพาะงอกชนิดอื่นๆ ตามมาอีกหลายชนิด อาทิ เมล็ดถั่วเขียว เมล็ดผักบุ้ง เมล็ดข้าวสาลี เมล็ดกระเจี๊ยบ เมล็ดเบบี้คะน้า เมล็ดถั่วลันเตา เป็นต้น

ปัจจุบันคุณท๊อป – โอภาส หรดี ได้แตกไลน์ขยายธุรกิจไปสู่การ ปรับภูมิทัศน์แปลงสวนเกษตร ตามกระแส โคก-หนอง-นา โมเดล โดยการรับเหมาขุดบ่อ ถมที่ ปรับสภาพพื้นที่การเกษตรให้เหมาะสมกับการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามหลัก โคก-หนอง-นา โมเดล คือ

1. โคก : พื้นที่สูง
– ดินที่ขุดทำหนองน้ำนั้นให้นำมาทำโคก บนโคกปลูก “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางพระราชดำริ
– ปลูกพืช ผัก สวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ก่อนเข้าสู่ขั้นก้าวหน้า คือ ทำบุญ ทำทาน เก็บรักษา ค้าขาย และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย
– ปลูกที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ

2. หนอง : หนองน้ำหรือแหล่งน้ำ
– ขุดหนองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือจำเป็น และเป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม (หลุมขนมครก)
– ขุด “คลองไส้ไก่” หรือคลองระบายน้ำรอบพื้นที่ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยขุดให้คดเคี้ยวไปตามพื้นที่เพื่อให้น้ำกระจายเต็มพื้นที่เพิ่มความชุ่มชื้น ลดพลังงานในการรดน้ำต้นไม้
– ทำ ฝายทดน้ำ เพื่อเก็บน้ำเข้าไว้ในพื้นที่ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่โดยรอบไม่มีการกักเก็บน้ำ น้ำจะหลากลงมายังหนองน้ำ และคลองไส้ไก่ ให้ทำฝายทดน้ำเก็บไว้ใช้ยามหน้าแล้ง
– พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ ทั้งการขุดลอก หนอง คู คลอง เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง และเพิ่มการระบายน้ำยามน้ำหลาก

3. นา : พื้นที่ปลูกข้าว
– พื้นที่นานั้นให้ปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน โดยเริ่มจากการฟื้นฟูดิน ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ยั่งยืน คืนชีวิตเล็กๆ หรือจุลินทรีย์กลับคืนแผ่นดินใช้การควบคุมปริมาณน้ำในนาเพื่อคุมหญ้า ทำให้ปลอดสารเคมีได้ ปลอดภัยทั้งคนปลูก คนกิน
– ยกคันนาให้มีความสูงและกว้าง เพื่อใช้เป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม ปลูกพืชอาหารตามคันนา

จากจุดเริ่มต้นที่หารถแบคโฮมาขุดที่ดินตัวเองแต่ไม่ได้ดั่งใจ คุณท๊อปจึงลงทุนซื้อรถแบคโฮคันแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว รับจ้างขุดบ่อ ถมที่ ทำถนนไปเรื่อย จนปัจจุบันคุณท๊อปมีรถแบคโฮถึง 18 คัน มีลูกน้องกว่า 100 ร้อยชีวิต รับจ้างทำโคก-หนอง-หนา โมเดล มาแล้วกว่า 300 แปลงทั่วประเทศ

นอกจากบริการรถแบคโฮแล้ว คุณท๊อปยังมีเครือข่ายให้คำปรึกษาเรื่องการออกแบบพื้นที่ โคก-หนอง-นา โมเดล อีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามราคาและรายละเอียดได้ที่ 061-763-9999

เรื่อง/ภาพโดย: อัญชลี กลิ่นเกษร ทีมงานรักบ้านเกิด