เกษตรกรต้นแบบ

"พรหมพิริยะ สอนศิริ : สุดยอดเกษตรกรไทย เลี้ยงควายตัวละ 1,500,000"

 26 มีนาคม 2563 3,861
จ.ปราจีนบุรี
ถ้าคิดมาก ๆ แล้วลงมือทำ
มันจะสำเร็จทุกเรื่อง

“ถ้าคิดมาก ๆ แล้วลงมือทำ มันจะสำเร็จทุกเรื่อง แต่ถ้าคิดมาก ๆ แล้วไม่ลงมือทำ มันจะไม่เห็นว่าจะทำอะไรได้บ้าง” เพราะการลงมือทำจะทำให้เห็นปัญหา ในขณะเดียวกันก็เห็นทางไป ว่าจะไปทางไหนได้บ้าง ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เมื่อลงมือทำ หากไม่ลงมือทำ จะไม่เห็นภาพความสำเร็จเลย

ชีวิตของคุณพรหมพิริยะตอนนี้ เรียกว่าอยู่ท่ามกลางความสุขเลยก็ว่าได้ สุขแรกของเขา คือสุขที่ได้อยู่กับควายที่เขาเลี้ยงในทุก ๆ วัน เรียกว่าหลงเสน่ห์พวกมันเลยก็ว่าได้ เขามีความสุขที่ได้เห็นควายเหล่านี้เติบโตขึ้นมา จากที่เคยเห็นตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ และวันนี้เติบโตมีมูลค่า มีความสุขที่ได้สัมผัสมัน อาบน้ำให้มัน และเจ้าควายเองก็มีความสุขมากที่คุณพรหมพิริยะได้อาบน้ำให้ เพียงแค่นี้ความสุขแรกก็เกิดขึ้นแล้ว

และสุขที่จริงแท้ของคุณพรหมพิริยะ คือ ความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว ทั้งครอบครัวของเขาเอง และครอบครัวของลูกน้องด้วย ถือเป็นครอบครัวใหญ่ที่สร้างความสุขให้กันและกัน เป็นความสุขที่ไม่เพียงแต่ช่วยกันสร้างเงิน สร้างรายได้ แต่มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็เป็นความสุขที่หล่อเลี้ยงให้การทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกันมีความผาสุกยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ความสำเร็จของคุณพรหมพิริยะในวันนี้ เกิดจากการที่เขาเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ศึกษาด้วยตัวเองให้ดีที่สุด ลึกที่สุด มีความทุ่มเท ทำแล้วไม่หยุด เมื่อเจออุปสรรคต้องแก้ปัญหาให้ได้ เขาคิดเสมอว่า ถ้าเราคิดมาก ๆ แล้วลงมือทำ มันจะสำเร็จทุกเรื่อง แต่ถ้าเกิดคิดมาก ๆ แล้วไม่ลงมือทำ มันจะไม่เห็นว่าจะทำอะไรได้บ้าง ปัญหาสามารถเอาไว้แก้ไขที่หน้างานได้ ต้องทำก่อนเมื่อเจอปัญหาค่อยแก้ไขตรงนั้น

นอกจากนี้ คุณพรหมพิริยะทำทุกอย่างด้วยความทุ่มเท ด้วยใจจริง ด้วยความเอาใจเขามาใส่ใจเรา สำหรับสัตว์ที่เลี้ยงก็ดูแลความเป็นอยู่ กางมุ้งให้ มีฝ้าเพดานให้ พ่นหมอกให้ มีน้ำสะอาดให้ดื่ม มีอาหารให้กินเต็มที่ ดูแลตัวเองอย่างไรก็ดูแลผู้อื่น หรือสัตว์เลี้ยงอย่างนั้น

นอกจากนั้น ไม่ว่าจะทำสิ่งใด มุ่งเน้นที่คุณภาพที่ดี อย่างเช่นการเลือกบุคลากร ฟาร์มสอนศิริควายไทยจะเน้นคุณภาพของบุคลากรที่จบทางด้านนี้มาโดยตรง ทางด้านสัตวศาสตร์หรือทางด้านสัตวบาลก็แล้วแต่ จะได้มีความสะดวกในการพูดคุยกัน เพราะหากเอาแรงงานที่ไม่ได้เรียนมาด้านนี้ ไม่ได้สัมผัสเกี่ยวกับนม เขาก็จะปฏิบัติตามคุณพรหมพิริยะไม่ได้ ไม่เข้าใจ หากอยากจะทำสินค้าคุณภาพตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการ ต้องตั้งใจทำตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่การเลี้ยง การดูแล การให้อาหาร การรีดนม อะไรต่าง ๆ ถ้าทำงานไม่มีคุณภาพ สินค้าที่ออกมาจะมีคุณภาพได้อย่างไร คุณพรหมพิริยะจึงเน้นตรงนี้ คือ ด้านคุณภาพ

คุณพรหมพิริยะ สอนศิริ หรือคุณเอก อดีตเคยเป็นนายกสมาคมอนุรักษ์ควายไทย เป็นเจ้าของฟาร์มและเป็นผู้จัดการของฟาร์มสอนศิริควายไทย ก่อนที่จะมาทำอาชีพเลี้ยงควาย เปิดฟาร์มควายเป็นอาชีพ แต่ก่อนหน้านั้นคุณเอกมีอาชีพรับจ้างมาก่อน หลังจากจบการศึกษาปี 2535 แล้ว เป็นเซลล์แมนจำหน่ายเคมีภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ราว ๆ 10 ปี ถึงจุดอิ่มตัว ขอลาออกเพื่อมาประกอบอาชีพส่วนตัว ก็มาเริ่มต้นด้วยการเลี้ยงวัวก่อนเมื่อปี 2545 ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จึงเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ มาเลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ เพาะพันธุ์จำหน่ายม้าควอเตอร์ที่มาจากอเมริก แต่ทุกอาชีพที่ผ่านมาทั้งหมดยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็สร้างบทเรียนที่ดีให้เขา

หลังจากนั้น ปี 2556 บนพื้นที่ของตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าบง จังหวัดปราจีนบุรี พื้นที่ราบลุ่มน้ำ ดินดี มีหญ้าเขียวทั้งปี มีคำแนะนำจากผู้รู้ว่าลองเอาควายไปเลี้ยงดู คุณพรหมพิริยะก็เลยทำตาม จากวันนั้นจนวันนี้ 6-7 ปีแล้ว ทำให้เขารู้ว่าควายมีสิ่งที่เขาค้นหามาตลอด คือหนึ่ง การกินของควายนั้นกินง่ายถึงง่ายที่สุด กินหญ้าทุกอย่างที่เป็นหญ้าธรรมชาติ หญ้าที่อยู่ในน้ำ แม้หญ้าบนพื้นที่ราบลุ่มที่อยู่ตรงนี้ กินได้หมดเลย รวมทั้งฟางด้วย มาทราบตอนหลังว่าในกระเพาะหมักของควายมีจุลินทีย์ที่เป็นประโยชน์ที่เปลี่ยนคุณภาพจากอาหารต่ำอย่างฟางให้เป็นเนื้อที่ดีกว่าเนื้ออื่น ๆ 3-4 เท่าตัว และมีตัวจุลินทรีย์มากถึง 3-4 เท่าตัว ตรงนี้ก็เลยเป็นจุดเด่นของควายที่เขาได้สัมผัสแล้วก็ติดใจมาจนถึงทุกวันนี้

ช่วงแรกที่เป็นฟาร์มปรับปรุงพันธุ์ จำหน่ายสายพันธุ์เมื่อปี 2556 มีควายอยู่ 1-2 ตัวคุณพรหมพิริยะก็ปรับปรุงพันธุ์มาเรื่อย ๆ โดยการซื้อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์มาจากทั่วประเทศ โดยมาจาก 4 จังหวัด คือ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุดรธานี จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดชลบุรี แหล่งทั้ง 4 จังหวัดนี้เป็นแหล่งที่มีควายใหญ่ทั้งหมดเลย ก็ไปแสวงหาแม่พันธุ์ก่อนใน 2-3 ปีแรก ก็แสวงหาแม่พันธุ์อย่างเดียวเลย จนเมื่อปี 2558 - 2559 ก็ได้ซื้อพ่อพันธุ์ระดับแกรนด์แชมป์เข้ามา 2 ตัว คือเจ้าแก้วฟ้า และเจ้าพระยาควายเผือก ปี 2560 ซื้อเจ้ามณีแดง เป็นควายสีดำ และปี 2561 เขาเอาไปประกวด ได้ชนะเลิศแกรนด์แชมป์ระดับประเทศเลย

ที่ฟาร์มจะมีทั้งสายพันธุ์เผือกและสายพันธุ์สีดำระดับแกรนด์แชมป์ เขาก็ทำการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมา ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก แต่ช่วงเวลาที่ปรับปรุงพันธุ์เพื่อจำหน่ายลูกใช้เวลานาน จึงคิดหาประโยชน์ ว่าระหว่างที่รอจำหน่ายลูกนี้ จะทำอะไรได้บ้าง ก็บังเอิญมาเจอนมควายไทยจากควายปลักธรรมดา ๆ นี่เอง

เมื่อปี 2561 มีลูกควายมาตายหลังจากเกิดมาได้ 1 คืน ก็เลยต้องรีดนมของแม่ทิ้ง คุณเอกก็เลยเอานมมาทดลองตุ๋น แล้วก็ทดลองทำพลาสเจอร์ไรซ์ แล้วลองมาดื่มกินดู ปรากฏว่าเป็นนมที่มีรสชาติดีมาก แล้วก็มีความเข้มข้นสูง ก็เลยส่งตรวจตามมหาวิทยาลัย ตามสถานที่ราชการที่ตรวจนมต่าง ๆ และพบว่านมควายไทยมีสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่านมชนิดอื่น ๆ ในโลกนี้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตนมควายนับจากนั้น แล้วก็เผยแพร่ให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้ที่อยากทำตาม หรือผู้ที่อยากดื่ม หรือเด็ก ๆ ที่แพ้นมวัวก็หันกลับมาดื่มนมควาย เพราะมีรสชาติและกลิ่นที่ดีต่อสุขภาพ มีคุณภาพที่สูงกว่านมหลาย ๆ ประเภท จนถึงทุกวันนี้ฟาร์มสอนศิริควายไทยของคุณเอกมีการผลิตนม จากควายที่รีดนมได้ประมาณ 30 กว่าตัว แต่เขาจะรีดนมประมาณ 10 กว่าตัวต่อวัน ตามที่ตลาดต้องการ

เริ่มแรกคุณพรหมพิริยะมีพื้นที่อยู่ประมาณ 15 ไร่ 2 งาน เลี้ยงอยู่ประมาณ 200 กว่าตัว แต่ ณ ตอนนี้เขาได้ขยายพื้นที่ด้านข้างออกไปเพิ่มอีก ประมาณ 40 กว่าไร่ รวมเป็นประมาณ 60 ไร่ ใน ตอนนี้ และตั้งใจจะทำฟาร์มให้ได้มาตรฐานสากล คือรั้วรอบขอบชิด มีการพ่นยาฆ่าเชื้อ การเยี่ยมชมต้องผ่านมาตรฐานทุกอย่างเหมือนทางยุโรปและญี่ปุ่น เพราะว่าต้องการป้องกันเชื้อไม่ให้เข้ามา ไม่ว่าเชื้อที่ติดมาจากคนหรือสัตว์ก็ตาม ทุกอย่างจะต้องอยู่ในการควบคุม ตอนนี้เตรียมปลูกสร้างและปรับสถานที่อยู่ ส่วนแปลงหญ้าไม่มี จะขอตัดหญ้าจากพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงฟาร์ม

ควายที่คุณเอกเลี้ยง มี 2 สายพันธุ์ สายพันธุ์ที่ 1. คือสายพันธุ์สีเผือก สายพันธุ์ที่ 2. คือ สายพันธุ์สีดำ ความแตกต่างก็คือสามารถผสมข้ามกันได้ การควบคุมสี ยีนส์ ของควายสีเผือก บางครั้งก็ปลดปล่อยไปทางแม่ บางครั้งก็ปลดปล่อยไปทางพ่อ บางทีใช้พ่อพันธุ์สีเผือกไปผสมแม่พันธุ์สีดำก็ออกลูกมาเป็นเผือก แล้วเผือกผสมเผือกออกลูกเป็นสีดำก็มี การถ่ายทอดทางยีน ทางสีผิว เป็นการถ่ายทอดกันโดยสมบูรณ์ถ้าเป็นควายไทย ตอนนี้ควายที่ฟาร์มคุณเอกมีประมาณ 300 กว่าตัว เพราะว่าจะมีคลอดใหม่อยู่เรื่อย ๆ คลอดใหม่บางทีก็คลอดมาได้ 3 วัน 5 วัน บ้าง ไม่ได้เช็ครอบกันจริง ๆ แล้วมีขายออกไปด้วย ตอนนี้ก็อยู่ประมาณ 310 - 320 ตัว

ควายไทยที่ดีต้องมีลักษณะสูงใหญ่ กระดูกเล็ก แล้วก็ให้เนื้อเยอะ มีความเชื่องสูง ควายไทยปกติจะมีนิสัยเชื่อง เป็นนิสัยส่วนตัวของควายไทยอยู่แล้ว หลังตรง ตาแต้ม แก้มจ้ำ ตามอัตลักษณ์ของควายไทย ข้อดีของควายไทยคือเกิดที่เมืองไทยย่อมมีภูมิต้านทานโรคที่มากกว่า ต้านทานแมลง แมลงที่ดูดเลือดได้ดีกว่า แล้วก็สามารถกินอาหารที่เกิดที่เมืองไทยได้ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องไปปลูกพืชอาหารสัตว์ที่มาจากต่างประเทศ ต้องพืชพันธุ์นั้นพันธุ์นี้ที่เหมาะสำหรับควายไทยไม่จำเป็น ควายชอบอากาศร้อนชื้น ต้องมีน้ำให้เขา ไม่ชอบอากาศที่เย็นและแห้ง

การคัดเลือกแม่พันธุ์ของคุณเอกนั้น ดูที่ส่วนสูงของแม่พันธุ์ที่อยู่ในท้องตลาดหรือฟาร์มทั่วไป คือส่วนสูง 145-150 ซม. ขึ้นไป มีสัดส่วนที่หลังตรง ท้องอ่าง คือท้องที่เก็บลูกไว้ได้เยอะ ๆ หรือเก็บอาหารไว้ได้เยอะ ๆ ส่วนตรงนี้คือการคัดเลือกแม่พันธุ์ ส่วนการคัดเลือกพ่อพันธุ์ ส่วนสูงที่คัดอยู่คือส่วนสูงตั้งแต่ 165 ซม. ขึ้นไป วัดตั้งแต่ช่วงขาหน้าจนถึงช่วงที่สูงที่สุดของตัวควาย ก็คือโหนกหลังของควาย 165 ซ.ม. สำหรับควายของคุณเอก เจ้าแก้วฟ้ามีส่วนสูงถึง 175 ซม. ส่วนเจ้ามณีแดง 165 ซม.

ด้านการเลี้ยงดู ตอนเช้าจะทำความสะอาดในฟาร์มก่อน คุณเอกเลี้ยงควายในระบบโรงเรือน ความกว้างของโรงเรือนอยู่ที่ 4x5 เมตร จะมีแผ่นรองที่ให้น้ำให้อาหารแยกกันโดยชัดเจน เช้ามาจะเก็บมูลก่อนอันดับแรก หลังจากนั้นทำความสะอาดคอก แล้วก็ให้อาหารข้น อาหารข้นที่คุณเอกใช้ จะใช้อาหารข้นโคนม มีโปรตีนอยู่ที่ 16% แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็อาหารหยาบที่เป็นฟาง และอาหารหยาบที่เป็นหญ้าเขียว ทั้งวันเย็นมาก็จะให้ฟางไว้อีก ธรรมชาติของควายเขาจะกินอาหารตอนกลางคืน กลางวันเขาจะกินแค่ช่วงเช้าและช่วงเย็น กลางวันจริง ๆ เขาจะนอนพักผ่อนตามร่มไม้ หรือตามหนองคลองบึง หรือตามสุมทุมพุ่มไม้ต่าง ๆ ก็ต้องรู้จักควายก่อนว่านิสัยของเขาเป็นอย่างไร ถึงจะเลี้ยงได้ถูกต้อง กลางวันก็ให้เขาอยู่ในคอกที่พ่นหมอกดูแลความเย็นให้สม่ำเสมอแค่นี้เอง

ส่วนโรคของควายที่พบได้บ่อยครั้ง จะมีเหมือนสัตว์เท้ากีบคู่ทั้งหลายก็คือ เป็นโรคปากเท้าเปื่อย แล้วก็โรคคอบวม เกิดจากการติดเชื้อ โดยส่วนมากจะมาจากน้ำดื่ม แล้วก็อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงมากกว่า ส่วนโรคอื่น ๆ ยังไม่เป็น แต่ถ้าเลี้ยงในโรงเรือนที่ปิดมิดชิดดูแลอย่างดีแล้ว โรคเหล่านี้ก็จะเกิดได้ยากขึ้น

ส่วนด้านนมควายนั้น บางคนที่ไม่กล้ากินคุณเอกก็ให้ลองชิมก่อนเป็นอันดับแรก บางคนคิดไปก่อนว่านมควายต้องมีกลิ่น แต่จริง ๆ แล้วในตัวควายเขาไม่มีกลิ่น เขาจะมีกลิ่นธรรมชาติ กลิ่นจริง ๆ มันจะเป็นกลิ่นโคลนสาบควาย ในโคลนที่เขาไปเล่น แต่ตัวเขาจริง ๆ ไม่มีกลิ่น ไขมันนมส่วนมากกลิ่นจะแทรกอยู่ในไขมันนม ถ้าไขมันวัวจะมีกลิ่นสาบประจำของไขมันวัว ไขมันควายจะไม่มีกลิ่น ถ้าใครเคยได้ทานเนื้อควายกับเนื้อวัวมาจะรู้

การรีดนมนั้น ตามกระบวนการไม่เกินแปดโมงเช้าของทุกวัน ถ้ารีดหลังจากนั้น ช่วงระยะเวลานานไปลูกเขาจะหิวทางฟาร์มเลี้ยงร่วมกันกับลูกควาย ไม่ได้เลี้ยงแยกเหมือนกับวัวนมหรือควายนมที่เขาเลี้ยงกันทั่วไป การรีดนมจะวันละหนึ่งครั้ง วันไหนถ้าเหนื่อยก็จะหยุดสัก 5-10 วัน จะไม่ทำการรีดนม เต้านมของควายก็ไม่อักเสบ ส่วนลูกควายก็ปล่อยให้ลูกกินนมแม่ไปเรื่อย ๆ ปกติเหมือนควายทั่วไป แต่ถ้าวันไหนทางฟาร์มได้นมก็กักลูกเขาไว้ 2 ทุ่มของทุกวัน จะมีกรงกักลูกเขาไว้ในกรงนั้นจะมีอาหาร น้ำดื่ม หญ้าให้อย่างดีสำหรับลูกควาย

ควายที่จะรีดนมได้ ลูกต้องอายุได้ 1 เดือน หลังจากคลอดหนึ่งเดือนถึงจะเอาแม่มารีดนมได้ ช่วงแรก ๆ ก็ให้ลูกควายกินนมแม่ไปเต็มที่ก่อน หลังจากนั้นรีดมาจนกระทั่งหกเดือนก็หยุดรีด เพื่อให้คุณแม่เขาตั้งท้องใหม่ได้

นมที่รีดมาจะแปรรูปเป็นนมสดพาสเจอร์ไรส์ แล้วก็เป็นโยเกิร์ตรสหวาน รสธรรมชาติ แล้วก็เป็นขนมพุดดิ้ง พุดดิ้งที่ผลิตจากนมควายอร่อยมาก เป็นพุดดิ้งนมสด อีกส่วนหนึ่งก็ผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์ สบู่เป็นตัวแรก และมีบอดีโลชั่น แฮนด์ครีม ก็ทำการจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว เป็นแบรนด์ของตัวเองชื่อแบรนด์ว่า เชิญ เป็นภาษาเยอรมันแปลว่าสวยหรือดี แต่ถ้าเป็นภาษาไทยก็เชิญเรานี่แหละ เชิญเลยครับ เราใช้นมควายสดไปให้โรงงานผู้ผลิตผลิตเวชสำอางค์เป็นผู้ผลิตให้

ข้อดีของนมควายคือสามารถแช่แข็งได้ สามารถอยู่ได้หกเดือนถึงหนึ่งปีถ้าเรายังไม่ทำการพาสเจอร์ไรส์หรือการแปรรูปใดใดทั้งสิ้น สามารถแช่แข็งได้นาน หลังจากเราฟื้นจากสภาพแช่แข็งแล้ว ก็ยังเป็นน้ำนมปกติตัวนี้ก็เป็นข้อดีของนมควาย

ประโยชน์ของนมควาย คือมีแคลเซี่ยมที่เยอะมากกว่านมวัวและนมแพะด้วยประมาณสามเท่าตัว มีโปรตีนที่สูงกว่าประมาณ 1.5 เท่า ก็จะทำให้เด็กที่ทานเข้าไปมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี มีวิตามินและธาตุอาหารที่มากกว่า มีโอเมกาสามสี่มากกว่า แล้วก็มีความเข้มข้นของเนื้อนมโทรทอลโซลิกที่อยู่ในน้ำนมที่มากกว่า ย่อยสลายช้าลงเหมาะสำหรับเด็กที่จะต้องสร้างร่างกายให้เจริญเติบโต มีส่วนสูงที่มากขึ้น มีร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น เหมาะสำหรับเด็กที่เตรียมตัวเป็นนักกีฬาเยาวชนในการสร้างกล้ามเนื้อต่าง ๆ ในนักกีฬาเพาะกายหากทานนมควายจะมีกล้ามเนื้อที่เด่นชัดได้เร็วขึ้น

ช่องทางการตลาดของคุณพรหมพิริยะตอนนี้กำลังพัฒนาการผลิตออกมาเป็นนมพาสเจอร์ไรส์มีขายที่หน้าฟาร์ม แล้วอนาคตไม่เกินสามถึงหกเดือนนี้จะทำเป็นนมที่มีเลขทะเบียน อย. จะมีช่องทางการตลาดมากขึ้น ง่ายขึ้นสามารถไปวางในร้านต่าง ๆ ได้ จัดจำหน่ายโดยเดลิเวอรี่ถึงลูกค้าโดยตรง ไม่ว่าคุณจะอยู่กรุงเทพ ฯ หรืออยู่ตรงไหนตรงจากฟาร์มถึงมือคุณเท่านั้น

กลุ่มเป้าหมายของการดื่มนมควายตอนนี้คือกลุ่มเพื่อสุขภาพ กลุ่มกินอาหารให้เป็นยา ดื่มเพื่อสุขภาพ แล้วก็เด็กที่มีปัญหาด้านแพ้นมวัว แพ้นมชนิดอื่น ๆ แล้วก็ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุที่แพ้นมวัวเหมือนกัน

เมื่อถามคุณพรหมพิริยะว่า การเลี้ยงควายหนึ่งสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้าง คำตอบที่ได้ก็คือ ถ้าเกิดเป็นตัวเมียสายพันธุ์ที่ดี ตัวหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท และภายในอายุหนึ่งปี จะได้นมระยะหกเดือน ตัวหนึ่งเราประมาณ 15,000 บาทต่อเดือนต่อตัว หกเดือนก็จะได้อยู่ประมาณประมาณ 90,000 บาท ถ้ารวมกับค่าขายพันธุกรรมอีก 100,000 บาท ก็ประมาณ 190,000 บาท ถ้าจำหน่ายมูลของควาย แต่ละวันมูลของควายที่เราเก็บได้ วันหนึ่งควายแม่ลูกก็อยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 40 กิโลกรัม ถ้า 40 กิโลกรัม นำมาตากแห้งจะได้ประมาณ 8 – 10 กิโลกรัม ปุ๋ยหนึ่งกระสอบอยู่ที่ 20 กิโลกรัม ขายได้อยู่ที่ 35 - 40 บาทต่อวัน เฉลี่ยแล้ว เดือนละ 1,000 บาทต่อตัว ถ้าเรานำไปอัดเม็ดจากปุ๋ยที่เราทำตรงนี้เอาไปขายได้กิโลกรัมละ 6 บาท ก็ต่อยอดไปอีก ถ้าเราปลูกเป็นพืช เป็นพืชอินทรีย์ก็ต่อยอดไปอีก

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราจะได้ความสุขของผู้เลี้ยง เมื่อควายเกิดลูกควายมาหนึ่งตัว เราก็จะได้ความสุขประมาณเจ็ดวันเรามีความชื่นชมและมีอะไรที่มากกว่านั้นต่าง ๆ เหนือสิ่งอื่นใด ได้สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจ บางตัวที่เราจำหน่ายได้สายพันธุ์ที่เราจำหน่ายได้ตัวหนึ่งเป็น 1,000,000 - 1,500,000 บาท ก็ผลิตจากที่ฟาร์มเรา 400,000 - 500,000 บาท และผลิตจากที่ฟาร์มเรานี่ก็คือความภูมิใจอีกส่วนหนึ่ง เหนือสิ่งอื่นใด สำคัญที่เราอยากจะอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างมีความสุขมากกว่า และควายไทยตอนนี้เป็นที่ต้องการของต่างประเทศอยู่หลายประเทศในเขตเส้นศูนย์สูตรเหมือนกัน คือประเทศในแถบร้อนชื้นเหมือนกัน ทั้งหมดมีความต้องการอยากซื้อควายไทยไปเลี้ยง แทบจะทุกประเทศก็มาศึกษามาคุยกับเราอยู่ว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อที่จะผลิตสายพันธุ์จำหน่ายให้กับต่างประเทศด้วย เขาก็ต้องการจะนำไปรีดนมไว้ดื่มเหมือนกัน

รายได้ต่อปีควาย 300 ตัวจำหน่ายนมรายได้ปีละประมาณ 1,000,000 กว่าบาทถ้าจำหน่ายมูลที่อัดเม็ดแล้วเราคิดว่าประมาณ 2,000,000 - 3,000,000 บาท แต่ขายตัวควายพันธุ์ควาย ปีหนึ่งเราได้อยู่ประมาณ 4,000,000 - 5,000,000 บาท รวมกันแล้วก็พอได้เลี้ยงลูกน้องได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณพรหมพิริยะภูมิใจที่ได้อนุรักษ์ควายไทยไว้ให้ลูกหลาน เจอช่องทางที่ควายสามารถอยู่กับคนได้อย่างมีความสุข และคนก็มีความสุข

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

คุณพรหมพิริยะ สอนศิริ ตำบลบางยาง อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี 25150

รู้แล้วจะอึ้ง! ฟาร์มควายไทย เลี้ยงควายตัวละ 1,500,000



สุดยอดเกษตรยุคใหม่ เลี้ยงควายในโรงเรือน

เรื่อง/ภาพโดย: ณัฏฐ์ คำวิชัย ทีมงานรักบ้านเกิด