เกษตรกรต้นแบบ

"จ.ส.ท.สุทิน ทองเอ็ม : ปลูกไผ่ได้มากกว่าหน่อ แปรรูปไผ่ขาย รับรายได้ทุกวัน"

 05 มีนาคม 2563 5,626
จ.สุโขทัย
ถ้าทำทุกอย่างด้วยใจ
งานอะไรก็สำเร็จ

คุณสุทินประกอบอาชีพราชการทหารแต่ก็แบ่งเวลามาทำการเกษตรด้วย เพราะเป็นสิ่งที่สามารถทำด้วยกันได้ โดยทำเป็นเกษตรผสมผสาน แต่ที่เด่นและดัง กลายเป็นที่รู้จักคือการปลูกไผ่กิมซุงและขายน้ำไผ่รวมถึงผลผลิตอื่นๆ จากไผ่ ซึ่งเฉพาะไผ่สามารถสร้างรายได้ต่อปีประมาณ 200,000 - 250,000 บาท

คุณสุทินบอกว่า การทำเกษตรนั้นนอกจากมีข้อดีคือสร้างรายได้ที่มากและมั่นคงแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและความคิดต่าง ๆ ได้ฝึกความอดทนที่จะเฝ้ารอผลผลิตของเราออก เช่นเราปลูกต้นไม้ ต้นไม้ก็จะค่อยๆ ซึมไปกับดินที่เราพรวน นอกจากนี้ยังได้อยู่กับสถานที่ที่อากาศดี บริสุทธิ์อีกด้วย ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง มีแรงบันดาลใจและมีพลังมากขึ้นและสำหรับคุณสุทินนั้น มีความหวังอีกอย่างว่าไม่อยากจะมีความสุขคนเดียว มั่นคงคนเดียว แต่ชุมชนที่อยู่จะต้องมั่นคงและเติบโตไปพร้อมๆ กัน จึงได้มีการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรขึ้น ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 14 กลุ่มอาชีพ (408 คน) ซึ่งมีความถนัดในแต่ละด้านมาคอยให้ความรู้กับเกษตรกรท่านอื่นๆ จึงทำให้ชุมชนตรงนี้เข้มแข็งแข็งแรง

ตั้งแต่วันเริ่มต้นจนถึงวันนี้ คุณสุทินถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จสูงสุดของชีวิตแล้วในเชิงของความสุข เพราะสิ่งที่คาดหวังไว้ตอนแรกก็คืออยากมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ให้คนอื่นยอมรับและให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยที่ไม่ต้องบังคับเขา ซึ่งตอนนี้ก็เป็นไปอย่างที่หวังไว้แล้ว

ในตอนแรกคุณสุทินมีพื้นที่ทำกินอยู่ 20 ไร่ ก็ทำการแบ่งพื้นที่สำหรับปลูกไผ่และขุดบ่อน้ำไว้สำหรับเก็บน้ำ ส่วนที่เหลือก็ทำนา ไม่ได้แบ่งเป็นสัดส่วนตามรูปแบบของทฤษฎีใหม่เต็มร้อย แต่ใช้วิธีการใช้ภูมิประเทศและพื้นที่เป็นหลัก จับในส่วนที่ว่าตรงไหนควรจะเป็นบ่อน้ำ ตรงไหนควรจะเป็นพืชสวน ตรงไหนจะเป็นนาข้าว เรียกว่าค่อย ๆ แบ่งสัดส่วนค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป

ส่วนในเรื่องของการปลูกไผ่นั้น คุณสุทินได้รับคำแนะนำจากพี่ชาย เนื่องจากพี่ชายเห็นว่ามีชาวสวนไผ่ในจังหวัดสุพรรณบุรีหลายคนโดนน้ำท่วม พืชพรรณอื่นตายหมด แต่ไผ่ไม่ตาย แถมพวกเขายังสามารถฟื้นตัวได้จากการปลูกไผ่อีกด้วย คุณสุทินจึงตัดสินใจปลูกทันที ซึ่งพันธุ์ที่ปลูกคือพันธุ์กิมซุง โดยตอนแรกแบ่งปลูกบนเนื้อที่ประมาณสองงาน และศึกษาหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต จากสารคดีผู้ชำนาญการเรื่องไผ่ต่างๆ ปราชญ์เกี่ยวกับเรื่องการปลูกไผ่รวมถึงทางสายงานของสำนักงานเกษตร จนในที่สุดก็สามารถปลูกขายได้สำเร็จ และได้ขยายพื้นที่ปลูก เพิ่มสายพันธุ์ จากที่ปลูกแค่กิมซุง ก็ลงไผ่บงหวาน และไผ่เลี้ยงด้วย

โดยตอนแรก คุณสุทินก็ปลูกเพื่อขายหน่อไม้เหมือนกับเกษตรกรคนอื่นๆ แต่ประสบปัญหาของล้นตลาด ขายไม่ได้ราคา จึงคิดวิธีที่จะไม่ต้องไปแย่งตลาดกับคนอื่น ก็ทำการศึกษาค้นคว้าจนได้รู้ว่าทางจีนเคยมีการเจาะน้ำไผ่ขาย ส่วนของภาคใต้บ้านเราก็มีการเก็บน้ำไผ่ และการตอนกิ่งไผ่จำหน่าย ในขณะที่คนโบราณทางเหนือก็จะใช้ยอดหรือว่าแขนงของไม้ไผ่เป็นอาหาร คุณสุทินจึงตัดสินใจว่าไม่ขายหน่อไม้แล้ว เก็บต้นหน่อไม้ให้เป็นลำเพื่อที่จะได้ยอดและแขนงไผ่ ซึ่งจะได้น้ำไผ่ ได้ลำไผ่ไว้ใช้ด้วย ซึ่งทำให้สามารถหารายได้จากไผ่ได้ทุกวัน ตกวันละประมาณ 700-800 บาท เป็นอย่างต่ำ

ตอนนี้ผลิตภัณฑ์จากไผ่ของคุณสุทิน จะมีตัวดูดกลิ่นของผงถ่านชาโคล สบู่ชาโคล ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่ การตอนกิ่งไผ่จำหน่ายและที่เป็นไฮไลท์ของสวนก็คือ น้ำไผ่นั่นเอง

คุณสุทินเป็นลูกหลานชาวนา โตมากับวิถีของเกษตร เรียกได้ว่ามีความเป็นเกษตรกรอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว และคุณสุทินก็มีความฝันไว้ว่าอยากมีฟาร์มเกี่ยวกับสัตว์เป็นของตนเองตั้งแต่เด็กๆ แต่พ่อกับแม่ซึ่งเป็นชาวนาไม่อยากให้ลูกทำนาหรือทำงานเกษตรเหมือนตน เพราะลำบาก จึงไม่เห็นด้วยนักและผลักดันให้เรียนสูงๆ และประกอบอาชีพอื่น ยิ่งถ้าได้เป็นข้าราชการจะยิ่งดี ดังนั้นเอง เมื่อจบมัธยมปลายแล้ว คุณสุทินจึงสอบเป็นทหารและรับราชการทหาร ระหว่างนั้นความอยากมีฟาร์ม อยากทำงานเกษตรก็ยังคงมีอยู่ ตอนหลังคุณสุทินก็ได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขารัฐประศาสนศาสตร์

หลังจากรับราชการไปสักพักใหญ่ๆ ชีวิตเริ่มลงตัว คุณสุทินก็เริ่มคิดว่าเวลาว่างที่มีอยู่ตอนก่อนไปทำงานกับหลังกลับมาทำงานน่าจะทำงานด้านอื่นได้อีก แล้วความฝันในวัยเยาว์ก็กลับเข้ามา จึงนำเงินไปลงทุนเลี้ยงไก่สวยงาม ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ทำให้มีทุนมากพอที่จะทำการเกษตรด้านอื่นๆ ได้อีก พอดีกับที่พี่ชายได้แนะนำเรื่องการปลูกไผ่ จึงตัดสินใจปลูกไผ่กิมซุงเพื่อขายหน่อ แต่ก็พบว่าขายหน่ออย่างเดียวนั้นล้นตลาด คนไม่หยุดนิ่งอย่างคุณสุทินจึงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจนเจอว่าน้ำไผ่สามารถบริโภคได้ จึงมุ่งขายน้ำไผ่ จนกลายเป็นผลผลิตที่โดดเด่นของสวนของคุณสุทิน จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้คุณสุทินได้

เมื่อความฝันของตัวเองประสบความสำเร็จ คุณสุทินก็เริ่มที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่น ด้วยการให้ผู้สูงอายุมาประกอบอาชีพในบ้าน เพื่อให้มีงานมีรายได้ และเกิดความรักความสามัคคีกัน จากจุดนั้นเองที่บ้านคุณสุทินได้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ เปิดโอกาสให้คนในชุมชนมาทำกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชุมชนจึงเข้มแข็งมากขึ้น จนถึงทุกวันนี้

สำหรับคนรุ่นใหม่ที่สนใจจะทำการเกษตร คุณสุทินได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจเอาไว้ว่า สิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนตระหนักมากที่สุดก็คืออย่าทำ ‘เกษตรเนรมิต’ หมายความว่าอย่าใช้เงินจ้างคนทำโน่นทำนี่ ให้ลงมาทำ มาคลุกคลีด้วยตัวเอง ทำเกษตรด้วยแรงใจและความศรัทธา ค่อยๆ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ให้ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปตามก้าวขั้นบันได วันหนึ่งก็จะประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าเกิดเราใช้งบประมาณมาเนรมิตเมื่อไหร่ วันหนึ่งที่งบประมาณหมด มันก็จะเหมือนกับไฟไหม้ฟาง มันจะขาดความยั่งยืน

การปลูกไผ่...
ไผ่กิมซุงเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว วิธีการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก เมื่อได้กิ่งพันธุ์มาแล้ว เราก็นำมาปลูกในร่องสวน โดยปลูกห่างกันประมาณ 4-6 เมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักรองก้นหลุม ซึ่งการปลูกต้องทำมุมกิ่งพันธุ์ให้มีความเอียงประมาณ 45 องศา จากพื้นดิน เพราะกิ่งพันธุ์จะได้ตั้งตรงไม่คดงอ จากนั้นจึงค่อยกลบดินให้แน่นเสมอกับหน้าดินเดิม แล้วใช้ไม้ปักยึดกับลำต้นของกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันต้นล้ม ป้องกันกระแสลม แล้วนำเศษหญ้าหรือฟางมาคลุมโคนกิ่งเพื่อรักษาความชื้นด้วยจะยิ่งเจริญเติบโตดีขึ้น

ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มปลูกคือช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงปลายเดือนมิถุนายนเพราะเป็นช่วงฤดูฝนและ หลังปลูกลงดินได้ราว 6 เดือน ไผ่จะเริ่มโตขึ้น ช่วงนี้จะต้องตกแต่งกอไผ่ โดยตัดลำต้นในกอให้เหลือลำตรงๆ เพียง 4-5 ลำ ลำไหนที่ชิดกันจะต้องตัดออกเพื่อเว้นที่ว่างให้หน่อใหม่แทงขึ้นมาได้สะดวก และช่วงนี้จะต้องใส่ปุ๋ยคอกรอบๆ เหง้าเป็นการบำรุงด้วย หลังให้ปุ๋ย ราว 1 เดือน ไผ่ก็จะเริ่มแตกขยายหน่อขึ้นมา

ไผ่กิมซุงสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งลำ ได้แก่ กิ่ง แขนง ยอด ลำไผ่ จำหน่ายกิ่งพันธุ์ โดยใช้วิธีตัดกิ่งแขนงมาเพาะชำ โดยใน 1 หน่อ สามารถตัดกิ่งแขนงมาชำได้ประมาณ 5-6 กิ่ง ส่วนหน่อไผ่นำมาแปรรูปเป็นหน่อไม้ดอง ลำที่ไม่ใช้นำไปเผาแบบภูมิปัญญาชาวบ้านโดยการใช้ดินแกลบ ได้เป็นถ่าน นอกจากนี้ได้เจาะรูไผ่เพื่อนำน้ำไผ่มาจำหน่าย ซึ่งจากงานวิจัยหลายๆ ชิ้นพบว่า น้ำไผ่เป็นน้ำสะอาด ไม่มีจุลินทรีย์ที่มีผลกระทบต่อร่างกาย สามารถดื่มได้ ช่วยล้างพิษในลำไส้ ใช้ล้างหน้าบำรุงผิว ใช้ล้างผักต่างๆ ให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน ซึ่งน้ำไผ่ได้กลายเป็นไฮไลท์ของสวนคุณสุทินในที่สุด

ปลูกแล้ว...ขายที่ไหน

ตอนแรกๆ คุณสุทินก็คิดจะปลูกไผ่เพื่อเอาหน่อมาขายเหมือนเกษตรกรคนอื่นๆ แต่ขายไปสักพักก็คิดหาความแตกต่างด้วยการเอายอดไผ่มาดอง แล้วนำไปวางขายตามตลาดทั่วไป แต่เนื่องจากเป็นคนไม่หยุดนิ่งในเรื่องความคิด จึงได้ชำกิ่งไผ่ขาย ซึ่งกิ่งไผ่นี้สามารถอยู่ได้ 20 วัน คนซื้อไม่ต้องกลัวเรื่องความเสียหาย จึงคิดที่จะขายผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมๆ กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไผ่ขึ้นอีกหลายอย่าง รวมถึงน้ำไผ่ ซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ของที่ผลิตออกมาไม่เคยมีค้าง ขายหมดทุกรอบการผลิต เท่านั้นไม่พอ เวลามีคนมาศึกษาดูงาน ก็จะให้เขาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เสมอ เรียกว่าเป็นช่องทางการตลาดแบบปากต่อปาก ซึ่งก็ได้ผลมากเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้ว คนก็จะมาติดต่อขอซื้อผ่านช่องทางออนไลน์อยู่ดี ซึ่งสามารถติดตามผลิตภัณฑ์น้ำไผของคุณสุทินได้ที่แฟนเพจ บ้านจ่าก้อง และ แฟนเพจชุมชนตำบลบ้านแฝก

จ.ส.ท.สุทิน ทองเอ็ม : โล่พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญประเภทเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติสาขาอาชีพไร่นาสวนผสม

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

จ.ส.ท.สุทิน ทองเอ็ม อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 3 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย 64170

ปลูกไผ่ได้มากกว่าหน่อ แปรรูปไผ่ขาย รับรายได้ทุกวัน



เทคนิคเจาะต้นไผ่ เจาะอย่างไรให้ได้น้ำไผ่คุณภาพ



วิธีทำสบู่ชาร์โคลจากถ่านไผ่ ทำง่าย ทำเองได้ ใช้ดีด้วย

เรื่อง/ภาพโดย: ณัฏฐ์ คำวิชัย ทีมงานรักบ้านเกิด