

"ชาติชาย ทองจรัส : ปลูกทับทิมพันธุ์จรัสแสง รสหวาน ทานได้ทั้งเมล็ด"

ก็ควรลงมือทำทันที


"เมื่อรู้แล้วว่าตนเองต้องการจะทำสิ่งใด ก็ควรที่จะลงมือทำทันที ถึงจะเกิดผลสำเร็จ"
คุณชาติชายมีความเชื่อว่าการที่เรารีบลงมือทำหลังจากตั้งใจคิดและศึกษาว่าทำได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็เกิดผล
และอีกสิ่งหนึ่งที่คุณชาติชายนำมาใช้เป็นวลีเด็ดในการดำเนินชีวิตนั่นคือ แต่ก่อนที่มีความเชื่อจากวลีที่ว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก คุณชาติชายกล่าวว่าสมัยนี้ควรใช้วลีที่ว่า "ปลาไวกินปลาช้า" น่าจะได้ผลกว่า เพราะฉะนั้นถ้าเกิดคิดได้แล้ว คุณควรจะลงมือทำทันที เพื่อความสำเร็จที่จะมาถึงก่อนผู้อื่นที่ยังไม่เริ่มทำหรือทำช้ากว่า
สิ่งที่คุณชาติชายได้รับจากการเป็นเกษตรกร คือ ความสุขที่ได้รับจากการทำเกษตรจริงๆ การที่ได้เห็นพ่อแม่มีรอยยิ้ม มีความสุข คนข้างๆรอบตัวก็มีความสุข มันคือความสุขที่แท้จริงที่ได้รับ ประกอบกับคุณชาติชายมีความรักในการทำเกษตร เพราะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้อากาศที่ดีให้ชีวิต ได้รู้จักคิดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เมื่อสามารถคิดแก้ไขได้คำตอบและนำไปปฏิบัติในการประกอบอาชีพที่ตนรักแล้ว ต่อมาจึงกลายเป็นความสุขและความสนุกในสิ่งนั้น โดยที่ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็นคนที่เรารักทุกคนมีความสุข

คุณชาติชายมีหลักในการใช้ชีวิตที่ยึดถือปฎิบัติคือ เมื่อตั้งใจทำสิ่งใดก็ควรเริ่มทำเพื่อผลสำเร็จที่ตามมา ที่สำคัญเลยคือการเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจ ต้องมีการศึกษาหาข้อมูลให้พร้อม ไม่คิดเพียงว่าเห็นใครทำ อยากทำบ้างก็ทำ ต้องศึกษาข้อมูลให้มากไม่อย่างนั้นก็จะไม่พบกับความสำเร็จ และต้องมีความคิดสร้างสรรค์เข้ามาช่วย โดยเฉพาะในการทำการเกษตร ความคิดสำคัญคิดให้ต่างจากคนอื่น คิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำ นอกจากจะสำเร็จแล้วการคิดต่างอย่างสร้างสรรค์ก็จะช่วยให้การทำสิ่งนั้นจะยิ่งมีความสุขและสนุกไปพร้อมกับความสำเร็จ

คุณชาติชาย ทองจรัส เป็นคนหมู่บ้านชายเขา ตำบลกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปัจจุบันอายุ 48 ปี ในช่วงชีวิตก่อนเข้าสู่วัย 48 นี้คุณชาติชายได้เริ่มต้นอาชีพที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ซึ่งก่อนที่จะมายืนอยู่ในอาชีพเกษตรกรนี้ หลังจากที่จบการศึกษาทางด้านโปรดักส์ดีไซน์ Industrial Design คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา คุณชาติชายเริ่มต้น ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับหินอ่อนเทียม รับจัดสวน จัดบูทงานเอ็กซ์ซิบิชั่น แต่มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเจอกับพิษเศรษฐกิจ จึงมีความคิดที่จะกลับมาที่บ้านเกิด ได้หันมาคิดมามองว่าที่บ้านจะสามารถประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง จนได้กลับมาเริ่มต้นรับจัดสวน รับสร้างบ้านเล็กๆ และ เปิดร้านอาหาร
คุณพ่อคุณแม่ของคุณชาติชายนั้นประกอบอาชีพเกษตรกร แต่เดิมทำสวนน้อยหน่ากลางดง ซึ่งเป็นผลไม้ขึ้นชื่อประจำตำบลกลางดง แต่ด้วยปัญหาในเรื่องของเพลี้ยที่ก่อให้เกิดผลเสียทั้งต้นน้อยหน่าและสุขภาพของคนในครอบครัว ซึ่งคุณแม่และพี่ชายแพ้เพลี้ย จะมีอาการเห่อขึ้นตา จึงทำให้คุณชาติชายมีความคิดที่จะหาไม้ผลตัวอื่นปลูกทดแทนน้อยหน่า จนมาเริ่มปลูกลิ้นจี่สายพันธุ์ทางเหนือและสายพันธุ์ทางภาคกลาง ต่อมาในช่วงหลังลิ้นจี่กลับออกปีเว้นปีทำให้สูญเสียรายได้ แต่ว่าช่วงจังหวะนั้นมีทับทิมที่ปลูกไว้เป็นไม้รองจากน้อยหน่า

ในช่วงต้นปลูกทับทิมเมล็ดแข็ง ซึ่งเป็นพันธุ์ในตลาดทางด้านความเชื่อในการนำไปบูชา แต่ไม่เป็นที่นิยมในตลาดทานผลสด จากเดิมจะมีทับทิมสายพันธุ์สเปนเข้ามาปลูก เป็นพันธุ์ที่ไม่ให้ผลแต่จะให้ดอก และจากการที่ปลูกไว้ใกล้ทับทิมพันธุ์พื้นเมือง ทำให้เกิดการผสมพันธุ์กันจนได้พันธุ์ใหม่ขึ้นมาเป็นสายพันธุ์แรกของคุณชาติชาย คือ พันธุ์เพชรชมพู ลักษณะสีจะไม่แดงจัดแต่มีเมล็ดนิ่ม ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆของประเทศไทยที่ได้ทำสายพันธุ์เมล็ดนิ่มขึ้นมา แต่เมื่อออกสู่ตลาดก็ยังไม่เป็นที่ต้องการเนื่องจากสีของพันธุ์นี้จะออกสีอ่อนซีดไม่แดงสดตามที่ตลาดต้องการ
จากปัญหาในเรื่องของสีที่ยังไม่สดพอกับความต้องการของตลาด จึงทำให้คุณชาติชายได้นำสายพันธุ์ทับทิมจากประเทศอินเดียมาปลูก โดยใช้เมล็ดใต้ต้นกับดอกของทับทิมทั้งหมด 5 ต้น เมื่อต้นทับทิมทั้ง 5 ต้น ออกดอก ผสมพันธุ์โดยใช้ละอองเรณูดอกของทับทิมสายพันธุ์อินเดีย มาผสมกับทับทิมพันธุ์เพชรชมพู
จากนั้น ก็เพาะเมล็ดทับทิมที่ได้จากการผสมแล้ว จนได้ต้นทับทิมทั้งหมด 50 ต้น ในจำนวนนี้มีอยู่ 3 ต้น เท่านั้น ที่มีลักษณะแตกต่างจากพันธุ์เดิม คือมีดอกสีส้มแดง ออกดอกเป็นช่อ และผลเป็นพวง ให้ผลขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก เมล็ดนิ่ม น้ำมาก และมีรสชาติอร่อยหวาน เปรี้ยวเล็กน้อย เมล็ดทับทิมที่เห็นเมื่อถูกแสงแดดจะมีแสงแวววาว จึงตั้งชื่อว่า “พันธุ์จรัสแสง” ซึ่งมีการจำหน่ายทั้งแบบคัดขายเป็นลูกที่สมบูรณ์ออกจำหน่ายสู่ตลาด และมีในส่วนของการแปรรูปเป็นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพอีกด้วย

จากการเริ่มต้นปลูกทับทิมเป็นไม้รองของสวน เมื่อได้มองเห็นถึงสิ่งต่างๆที่จะต้องนำมาปรับปรุง แล้วพัฒนาจนได้สายพันธุ์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบถ้วนทั้งในเรื่องความตั้งใจของคุณชาติชายที่ต้องการจะพัฒนาจากทับทิมสายพันธุ์เดิมๆ จนกลายมาเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความต้องการของตลาดอีกด้วย
จากอุปสรรคมากมายที่คุณชาติชายต้องประสบในการปลูกทับทิม โดยเฉพาะจากการอยู่เป็นไม่รอง จนมาเป็นไม้หลักประจำสวน ต้องมีการศึกษา ดูแลให้มากขึ้น โดยเฉพาะการที่คุณชาติชายได้แก้ไขปัญหาสายพันธุ์ทับทิมที่ตนปลูก ทดลองหาสิ่งที่จะมาทำให้เกิดการพัฒนาเป็นทับทิมสายพันธุ์ที่ดีที่สุดที่ตลาดต้องการและเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย
และด้วยความลงตัวในพื้นที่ทำการเพาะปลูกที่เหมาะสม ซึ่งทับทิมนั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่โซนทะเลทราย ชอบอากาศร้อน ชอบดินที่ร่วนซุยพอสมควร เป็นดินที่แห้งไวไม่อุ้มน้ำ อย่างเช่นดินปนทราย หรือดินลูกรัง ส่วนเรื่องของโรคหรือแมลงก็ไม่ต้องกังวล เนื่องด้วยทับทิมสายพันธุ์นี้สามารถสู้การพัฒนาของพวกแมลงได้แน่นอน ที่สู้กันได้นั้นก็คือ ผลที่ออกมานั้นมีจำนวนมาก ออกลูกดก จึงมีโอกาสให้แมลงได้เลือกกินมาก แต่จำนวนผลผลิตที่ออกมาก็ยังมีเหลือให้จำหน่าย ถึงแม้แมลงจะกินไป 70% ในส่วนที่เหลืออีก 30% ยังคงเป็นกำไรที่มีจำนวนไม่น้อยอีกด้วย

การพัฒนาปรับปรุงผสมสายพันธุ์ทับทิมให้มาเป็นพันธุ์จรัสแสงนี้ คุณชาติชายต้องมีความอดทน ใจเย็น ใส่ใจในสิ่งที่ทำและรอผลสำเร็จที่ได้รับ ซึ่งมีระยะเวลายาวนานมากจนกว่าจะมีพันธุ์ “จรัสแสง” ที่ช่วยส่องประกายแสงให้คุณชาติชายและครอบครัว
ทับทิมพันธุ์จรัสแสงนี้มีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาจนเป็นทับทิมที่มีลักษณะพิเศษหลายสิ่ง ทั้งในเรื่องของสีแดงและเมล็ดนิ่ม ซึ่งกว่าจะได้มานี้คุณชาติชายก็ต้องมีการศึกษา การสำรวจความต้องการตลาด ถึงแม้ในช่วงแรกจะได้พันธุ์เพชรชมพูมาเป็นทับทิมเมล็ดนิ่มพันธุ์ใหม่พันธุ์แรกของคุณชาติชายแล้ว สิ่งที่คุณชาติชายได้นำมาคิดพัฒนาใหม่ด้วยก็คือการสิ่งที่ตลาดต้องการจริงๆเป็นความคิดเห็นจากพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นลูกค้าของเรา จนก่อกำเนิดมาเป็นสายพันธุ์ใหม่ “จรัสแสง” ซึ่งต้องมีการนำเทคนิควิธีการในเรื่องของการผสมข้ามสายพันธุ์ โดยนำจุดเด่นของแต่ละสายพันธุ์มาผสมกันโดยการใช้การเขี่ยเกสรตัวผู้มาใส่ในเกสรตัวเมียของอีกสายพันธุ์
นอกจากนี้ยังมีเทคนิคในการดูแลและบำรุงลูกทับทิมให้ได้คุณภาพ คือ เราจะต้องไม่ตัดกิ่งทับทิมออก ซึ่งเป็นการปกป้องลูกทับทิมที่ออกมาไม่ให้เกิดผลกระทบจากปรากฎการณ์ธรรมชาติต่างๆ อย่างเช่นเรื่องลมที่พัดรุนแรง แต่ละกิ่งก็จะค้ำกันเองโดยธรรมชาติจากลักษณะของลำต้นและกิ่งที่จะยื่นออกมาเหมือนแขน และมีหนาม จากหนามสู่หนามจะช่วยกันพยุงลูกให้ไม่เอนไปตามลม สามารถช่วยเป็นเกราะกำบังไม่ให้ลูกทับทิมล่วงเสียหายได้

ทับทิมพันธุ์จรัสแสง มีลักษณะประจำพันธุ์ทางพฤกษศาสตร์ ประเภท ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate วงศ์ Punicaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ต้น เป็นไม้พุ่ม เนื้อไม้แข็ง ทรงพุ่มโปร่ง มีความสูงประมาณ 2-3 เมตร เส้นรอบโคนต้นประมาณ 9 เซนติเมตร สีของเปลือกมีสีเทาน้ำตาล มีหนามยาวแหลมคม ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปขอบขนาน เรียงตรงข้าม มีความกว้าง 1.5 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร โคนใบมน ยอดอ่อนเป็นสีแดง
มีดอกเดี่ยว หรือออกเป็นช่อดอก ช่อดอกยาว 4 เซนติเมตร ดอกกว้าง 3 เซนติเมตร ยาว 4 เซนติเมตร ดอกมีสีส้มอมแดง ผล ทรงผลค่อนข้างกลมใหญ่ ความกว้างผล 7-10 เซนติเมตร ยาว 7-10 เซนติเมตร
ผลโตเต็มที่ มีน้ำหนัก เฉลี่ย 3-4 ขีด ต่อผล ผลมีสีแดงปนเขียวอมเหลือง เมล็ด มีจำนวนมาก อัดกันแน่นเต็มเปลือก เมล็ดมีสีส้มแดง นิ่ม และรสชาติดี ให้ผลผลิตเป็น 3 ช่วง ในเดือนพฤษภาคม สิงหาคม และธันวาคม

ทับทิมสายพันธุ์จรัสแสงที่คุณชาติชายได้พัฒนาสายพันธุ์นี้ขึ้นมาเป็นเจ้าแรกนั้น เป็นการแก้ไขข้อด้อยของทับทิมสายพันธุ์เดิมๆให้หมดไป จนกลายมาเป็นพันธุ์ใหม่ที่ใช่ ไฉไลกว่าเดิม ซึ่งช่วยให้คุณชาติชายนั้นมีรายได้ที่จรัสแสงสมชื่อเลยทีเดียว โดยมีการจำหน่ายทั้งในรูปแบบเป็นผลและการแปรรูปเป็นน้ำเพื่อสุขภาพ
ลักษณะเด่นที่สำคัญของพันธุ์จรัสแสง คือ เมล็ดนิ่ม รสชาติดี มีสีสันสวยงาม ให้ผลผลิตเร็ว จะออกลูกหลังปลูกประมาณ 6 เดือน และให้ผลผลิตที่ดี ทั้งดก และมีขนาดผลใหญ่
ปัจจุบันนี้มีช่องทางการจำหน่ายหลากหลายช่องทาง มีการส่งตลาดท้องที่ ซึ่งเป็นแหล่งของโรงแรม ร้านอาหาร โดยเฉพาะที่เป็นตลาดใหญ่เลยคือ ศูนย์วิจัยข้าวโพด ไร่สุวรรณ
จากเดิมคุณชาติชายได้ทำการตลาดมาหลายรูปแบบ ทั้งออกงานแฟร์ งานไทยเฟล็ก จนวันหนึ่งได้มีโอกาสไปประเทศญี่ปุ่น เกิดความประทับใจในแนวคิดด้านการเกษตรของญี่ปุ่นที่ว่า ถ้าคุณต้องการกินอะไรที่อร่อย คุณควรไปกินที่พื้นที่นั้น คุณชาติชายจึงมีความคิดว่า ถ้าทับทิมเกิดที่นี่ ก็ควรจะมีพันธุ์ที่แข็งแรงที่พื้นที่นี้ แล้วค่อยไปสู่พื้นที่อื่น จึงได้มาปรึกษากับครอบครัวในการวางแผนการตลาดให้คนที่สนใจอยากกินทับทิมที่อร่อยดีมีคุณภาพ ก็จะต้องเข้ามาหาที่สวนทับทิมของคุณชาติชายแห่งนี้เท่านั้น และไม่วิ่งไปหาตลาดข้างนอกให้ตลาดเป็นผู้เข้ามาหาเอง
นอกจากนี้ยังมีในส่วนการทำตลาดออนไลน์ด้วยซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในรูปแบบน้ำแปรรูป และมีการขนส่งโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น

สินค้าน้ำแปรูปนั้นได้มีโอกาสที่จะไปเสนอสินค้าเข้าร่วมงานเอ็กซ์ซิบิชั่นกับกรมส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ จึงได้นำทับทิมไปให้ทางสถาบันวิจัยแห่งชาติทำการวิจัยก่อนเพื่อทำการรับรอง ได้วิจัยตัวน้ำสด น้ำพาสเจอร์ไรซ์เข้มข้น และแยกทับทิม ซึ่งผลวิจัยของทับทิมมันมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบเส้นเลือด ระบบหัวใจ ความดัน มะเร็งต่อมลูกหมาก ประโยชน์ที่มีมากมายของทับทิมนั้นก็เป็นจุดขายที่ดีอยู่แล้วที่จะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
ทับทิมของคุณชาติชาย มีราคาขายเป็นลูกที่หน้าไร่อยู่ที่ 150 บาทต่อกิโลกรัม ในรูปแบบน้ำแปรรูป ขนาดบรรจุขวด 200ml.ราคาขวดละ 85 บาท แบบพาสเจอร์ไรซ์ จะขายในรูปแบบเซ็ตของขวัญปีใหม่ มีจำนวน 6 ขวด ราคาเซ็ตละ 720 บาท
ทับทิมพันธุ์จรัสแสง มีรสหวานอมเปรี้ยว ฉ่ำน้ำ เมล็ดยังนิ่ม เคี้ยวกรุบ และไม่ฝาด กลืนไปได้เลย ลูกค้านิยมซื้อกลับไปกินเล่น หรือปรุงรสเป็นเมนูสลัด หรือทำเป็นค็อกเทล เป็นอาหารคาวหวานได้มากมาย หรืออย่างง่ายที่สุด นำเมล็ดทับทิมไปใส่กับน้ำในช่องทำน้ำแข็งในตู้เย็น แกะออกมาเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีทับทิมอยู่ข้างในงดงามและสร้างสรรค์สุดๆ
ทับทิมจรัสแสง สามารถสร้างรายได้ให้คุณชาติชายเฉี่ยเป็นรายเดือนได้มากถึง 50,000-60,000 บาท

เกียรติประวัติ : ผลผลิตทับทิมของคุณชาติชายผ่านการตรวจและได้รับมาตรฐาน การันตีคุณภาพจากหลากหลายหน่วยงานด้วยกัน
-การรับรองมาตรฐานเกษตรโตคิวของ GMP ,
-การรับรองมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย โดยมีกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานที่เข้ามาทำการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยในพื้นที่การเพาะปลูก
-การรับรองคุณภาพของสินค้าที่นำออกจำหน่ายจาก บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (Central lab Thai)
คุณชาติชาย ทองจรัส หมู่บ้านชายเขา ตำบลกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130


