เกษตรกรต้นแบบ

"สมชัย ขยันการ : กล้วยหอมคาเวนดิช สุดยอดกล้วยให้พลังงานสูง ตลาดต้องการทั่วโลก!"

 25 กุมภาพันธ์ 2563 6,116
จ.อุบลราชธานี
ทำสิ่งที่ชอบ ที่อยากทำ
และทำมันให้ดีที่สุด

“ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” ทำในสิ่งที่เราเลือกที่จะทำให้ดี ซึ่งจะต้องเป็นสิ่งที่เรารัก ชอบและอยากทำ ไม่ใช่ว่าฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ เมื่อได้ทำสิ่งที่ต้องการ จงทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดในทุก ๆ วัน แค่นี้ก็ทำให้กินอิ่มนอนอุ่นแล้ว

สิ่งที่คุณสมชัยได้รับจากการกลับมาเป็นเกษตรกรที่บ้านเกิดนั่นคือความสุขทางใจ ไม่ต้องทำงานจากการถูกกำหนดตามหน้าที่ ตอนนี้ตัวเราเองเป็นตัวกำหนดเวลาในการทำงานของเราเอง เราจะเข้าออฟฟิศเราเวลาไหนก็ได้ นั่นคือสวนกล้วยที่รักของคุณสมชัย ตอนกลางวันจะทำอะไรก็ได้ทำ ได้ไป อยากจะพักก็พัก แต่ในส่วนที่ทำงานจริง ๆ ก็คือเวลาที่คนยังไม่ตื่น ช่วงเวลาตีสองตีสามก็คือเริ่มทำงานแล้ว ตอนกลางวันถึงจะพัก ไม่บีบรัดสุขภาพตัวเอง มันเป็นอิสระไม่มีใครมาคุมมาบังคับ และในปัจจุบันก็ยิ่งมีความสุขไม่ใช่เป็นแค่ชาวสวนก้มหน้าก้มตาปลูกต้นไม้ แต่ด้วยเทคโนโลยีตอนนี้อยู่ในมือของเราหมด อยากจะรู้อยากจะศึกษาพัฒนาอะไรก็เปิดได้จากโทรศัพท์ เวลาทำสวนก็ทำไปด้วยเปิดฟังไปด้วย ในส่วนตัวคุณสมชัยมีความภูมิใจและขอบคุณในผืนแผ่นดินเกิดและขอบคุณตัวเองที่มีความสุขในทุกวันนี้ความสุขที่ได้จากการทำสิ่งที่รักนั่นคือการทำสวน

คุณสมชัยมีหลักในการใช้ชีวิต คือ ไม่ว่าจะทำเกษตรหรืออาชีพอะไรก็แล้วแต่ ต้องเริ่มต้นจากคำว่าชอบก่อนถึงจะกลายมาเป็นรัก แต่ถ้าสมมติว่าแค่อยากทำก็จะต้องเริ่มไปศึกษาก่อน ให้มีความรู้ความเข้าใจถึงรายละเอียดของสิ่งที่เราอยากทำว่าเป็นอย่างไร ยิ่งถ้าหากไม่ชอบแล้วแค่อยากทำและไม่ศึกษา จะไม่มีทางเปลี่ยนเป็นความชอบหรือจนมาถึงรักที่จะทำแน่นอนหากไม่ได้เริ่มตั้งแต่แรกให้ดีที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นการทำอะไรก็ตาม แม้ว่าจะชอบในสิ่งที่กำลังจะทำก็จริง แต่ก็ต้องศึกษาก่อนและหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ อย่างเช่นเราชอบและต้องการปลูกพืชชนิดหนึ่งที่คิดว่าปลูกง่าย ถึงแม้จะดูว่าง่ายแค่ไหนก็ตาม ยังไงเสียต้องทำการศึกษาก่อนไม่ใช่ว่าพอนึกอยากทำก็ไปขุดหลุมปลูกเลยอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ควรทำอย่างยิ่ง

คุณสมชัย ขยันการ อยู่บ้านตามุย หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบอาชีพทำสวนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537

ก่อนที่คุณสมชัยจะมาทำอาชีพเกษตรกร เป็นชาวสวนอย่างจริงจังที่บ้านเกิด ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามประสาช่วงวัยรุ่นที่ตามๆ กันมา จนมาวันหนึ่งมีสิ่งที่มาโดนใจให้คุณสมชัยได้ฉุกคิดถึงบ้านเกิด คือได้ไปเจอพี่น้องคนใต้หลายๆ คน ได้รู้จัก ได้ศึกษาแล้วพบว่าคนใต้เขามีทรัพยากรในท้องถิ่น แล้วมานึกย้อนถึงตนเองจนจุดประกายในความคิดทำให้นึกได้ว่าตนเองก็มีที่ทำมาหากิน มีสวนอยู่ที่บ้านเกิด เติบโตมากับการทำไร่ทำสวน ถ้าเราคนหนึ่งเป็นเหมือนคนทั่วไปคิดแต่จะไปหางานทำในกรุงเทพฯ ไม่เปลี่ยนแปลงการทำไร่ทำสวนในรูปแบบอื่น แล้วใครจะมาสร้างมาพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิดเรา ให้มีอาชีพ ทำให้ชาวบ้านมีกินมีใช้ จึงทำให้คิดได้ว่าอยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ทรัพยากรท้องถิ่นเราก็มี ที่ทางทำกินก็มี แล้วเริ่มไปใช้ความคิด ไปศึกษาถึงสิ่งที่จะทำ เมื่อคนอื่นเค้าทำได้เราก็ต้องทำได้

เมื่อกลับมาบ้านเกิด คุณสมชัยก็เริ่มทำสวนอย่างเต็มตัว เริ่มจากปลูกกล้วยน้ำว้า แต่เดิมที่พ่อแม่ปลูกไว้ไม่กี่สิบต้น การเริ่มของคุณสมชัยคือการใช้พื้นที่ประมาณ 20 กว่าไร่อย่างคุ้มค่า ด้วยการปลูกกล้วยเพิ่มเป็น 1,000 ต้น เมื่อทำการปลูกกล้วยเสร็จแล้ว คุณสมชัยไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ และจากความประทับใจความชอบในรสชาติของส้มโอที่เคยได้กินแล้วติดใจ จึงไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเรื่องของการปลูกส้มโอและได้ทำการสั่งซื้อพันธุ์ส้มโอมาปลูกผสมกับกล้วย ตามด้วยลำไย และมะขามหวาน

จนได้มาเจอกล้วยหอมคาเวนดิช ซึ่งก่อนหน้าที่คุณสมชัยจะรู้จักกับกล้วยหอมคาเวนดิชนี้ ได้พบกับบริษัทที่เขาหาลูกไล่โดยวิ่งไปเรื่อยจนได้มาเห็นคุณสมชัยทำสวนผลไม้อยู่แล้วก็เข้ามาเสนอ อธิบายให้ฟังรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการปลูกกล้วยคาเวนดิช ซึ่งคุณสมชัยมองว่าน่าสนใจอย่างมาก เพราะเมื่อเราปลูกแล้วมีตลาดรองรับ และมีการรับประกันราคาด้วย

หลังจากได้รู้จักกล้วยพันธุ์นี้คุณสมชัยได้ไปศึกษาดูงาน ไปอบรมเรียนรู้อยู่ประมาณสองสามครั้ง จึงตัดสินใจที่จะเริ่มเพาะปลูกกล้วยหอมคาเวนดิช เมื่อต้นปี 2560 โดยก่อนหน้านั้นจะมีเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้มาจัดอบรมให้ความรู้ สอนวิธีการปลูก และการดูแลต้นกล้วย เริ่มต้นปลูกกล้วยครั้งแรกจำนวน 5 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณไร่ละ 30,000 บาท เพื่อวางระบบน้ำ ค่าพันธุ์กล้วย และค่าปุ๋ย แต่ในส่วนของค่าปุ๋ยลงทุนไม่มากเพราะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ต่อมาได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกจนมีไร่กล้วยขนาด 37 ไร่ บนพื้นที่ดินเดิมโดยจัดสรรให้เหมาะสม เมื่อปลูกแล้วกล้วยหอมคาเวนดิชมีการตอบสนองต่อพื้นที่การเพาะปลูกเป็นอย่างดีทำให้ได้ผลผลิตเป็นที่น่าพึงพอใจและปลูกเพิ่มอีก 3,000 ต้น พื้นที่ปลูกกล้วยอยู่ในทำเลที่ดีเพราะสามารถใช้น้ำจากแม่น้ำโขง และดินมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการปลูกพืชเกษตรโตเร็วอย่างกล้วย ต้นกล้วยอายุประมาณ 10 เดือนก็เริ่มมีผลผลิต ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวครั้งแรกได้ในเดือนมิถุนายน ปี 2561 และสามารถเกี่ยวกับได้ตลอดทั้งเดือนเพราะต้นกล้วยมีอายุไล่เลี่ยกัน มีรายได้ที่ได้จากการปลูกกล้วยพันธุ์นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งจำหน่ายส่งออกต่างประเทศและจำหน่ายในรูปแบบการแปรรูปเป็นกล้วยฉาบอีกด้วย

จากความตั้งใจในการกลับมาเป็นเกษตรกร กลับมาช่วยพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด โดยเริ่มต่อยอดจากที่ดินของตนเองจากแต่เดิมที่พ่อแม่ใช้พื้นที่ในการปลูกกล้วยเพียงไม่กี่สิบต้นคุณสมชัยได้ปลูกเพิ่มเป็นพันต้น จนมาถึงวันที่เป็นแนวทางใหม่ของเกษตรกรคนนี้ คือการได้รู้จักกับกล้วยหอมคาเวนดิช เริ่มจากการหาความรู้ ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการเพาะปลูก จนตัดสินใจเริ่มเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมคาเวนดิชอย่างจริงจัง

ด้วยความตั้งใจตั้งแต่เริ่มศึกษา เพาะปลูก จนได้ผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้คุณสมชัยต้องใส่ใจอย่างมากในการเพาะปลูก และเนื่องด้วยคุณลักษณะเด่นของกล้วยคาเวนดิช รวมทั้งความต้องการที่มีมากในตลาดส่งออก

กล้วยหอมคาเวนดิชจริง ๆ แล้วเป็นกล้วยที่มาจากแอฟริกาใต้ มาอยู่ที่ประเทศไทยในช่วงสองสามปีก่อน ก่อนหน้าที่จะมาเพาะปลูกในไทยมีอยู่ในประเทศลาว รสชาติของกล้วยพันธุ์นี้จะไม่หวานมาก จะออกมันๆ เหตุที่ไม่หวานจัดก็คือทางผู้รับซื้อมีการกำหนดช่วงเวลาที่ต้องตัดและให้นำไปบ่ม โดยตัดเครือที่แก่ไม่เกิน 75% แต่ถ้าปล่อยสุกคาต้นจะมีรสชาติหวานจัดเหมือนกล้วยบ้านเรา

จากการศึกษาผู้บริโภคกล้วยคาเวนดิช 95% รับประทานเพื่อทดแทนพลังงานที่สูญเสียไป ซึ่งคุณสมบัติของกล้วยคาเวนดิชนี้คือเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง เมื่อรับประทานแล้วช่วยให้พลังงานสูญเสียไปกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างนักกีฬา ในช่วงพักครึ่ง โค้ชเค้าจะให้นักกีฬารับประทานกล้วยคาเวนดิชนี้

อีกหนึ่งคุณสมบัติคือถึงแม้จะมีลำต้นที่ใหญ่หรือไม่ใหญ่ก็ตามก็ไม่มีผลต่อขนาดของผลกล้วยเลย ยังคงคุณสมบัติในเรื่องของขนาด หวีใหญ่ ลูกเยอะ น้ำหนักต่อเครือต่อหวีมีน้ำหนักมาก ทำให้ได้ราคาขายต่อเครือสูง

กล้วยหอมคาเวนดิชนี้จะปลูกเหมือนกับกล้วยบ้านเราทุกอย่าง มีคนเข้ามาสอบถามความยากง่ายของการปลูกกับคุณสมชัยว่ายากไหมที่ต้องขุดหลุม 50 x 50 คุณสมชัยบอกเพื่อนที่จะปลูกกล้วยว่าตนมีวิธีการปลูกแบบธรรมดา แล้ววิธีการปลูกกล้วยที่เรียกว่าไม่ธรรมดา คุณสมชัยแนะนำว่าก็แค่ใช้จอบขุดแล้วใส่ต้นลงปลูกได้ แต่ส่วนมากเขาจะไม่เชื่อเพราะมันดูเป็นเทคนิควิธีการปลูกที่มันง่ายเกินไป

คุณสมชัยได้ให้คำแนะนำกับเกษตรกรที่ปลูกกล้วยทุกคนว่า ในสวนของตนนั้นส่วนหนึ่งมันจะเป็นดินที่มีธาตุอาหารอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว แล้วก็จากประสบการณ์ที่ทำสวนมาก็คือต้นไม้ทุกอย่างไม่ต้องการที่ให้จะฝังดินลึกหรอกจะหากินเองพอปลูกแล้วเราก็ใส่ปุ๋ยธรรมดา จะไปหาขี้วัวตั้งสามสี่พันต้นก็ไม่ไหว จึงใช้ปุ๋ยที่ไม่ได้เป็นเคมี จะเป็นปุ๋ยอินทรีย์

เมื่อทำการปลูกก็ดูแลปกติเหมือนกล้วยให้น้ำให้ปุ๋ยธรรมดา ประมาณหกเดือนจะเริ่มออกปลี พอเราสังเกตุเห็นมันออกปลีแล้ว หลังจากปลีสุดท้ายก็ตัดปลีทิ้ง พอตัดปลีทิ้งถ้าเราพร้อมเราเด็ดเกสรออกเลย ต้องระวังไม่ให้ยางไหลมาทับลูกกล้วยเพราะหากยางโดนลูกจะทำให้สีไม่สวย

หลังจากนั้นก็มาเสียบโฟม เพื่อให้กล้วยแบ่งหวีแบ่งลูกกันตามทรงที่เราต้องการหลังจากนั้นห่อด้วยถุงชั้นแรกเป็นถุงดัดทรง ถุงนี้มีลักษณะยืดได้สามารถช่วยในการดัดทรงกล้วย พอใส่ถุงดัดทรงเรียบร้อย จึงนำมาห่อถุงสีฟ้า

หลังจากนั้นให้รอเวลา และนับจากการออกปลีแล้วประมาณ 65 วันไม่เกิน 70 วัน เราก็เก็บผลผลิตได้ ผลผลิตกล้วยคาเวนดิชนี้จะเก็บเมื่อแก่เต็มที่อยู่ที่ 70% หากแก่เกินนี้จะไม่อร่อยตามรสชาติพันธุ์ของเค้า

ขายที่ไหน...
การเริ่มต้นปลูกกล้วยคาเวนดิช ข้อดีประการหนึ่งในเรื่องของช่องทางการตลาดคือมีตลาดรองรับอยู่แล้ว มีการประกันราคาที่เป็นมาตรฐาน มีผู้มารับซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทางสวนจะมีการแจ้งให้ผู้รับซื้อทราบว่าวันไหนกล้วยเราพร้อมขาย จะต้องเช็คจำนวนกล้วยในสวนของเราว่ามีเท่าไหร่แล้วแจ้งไปยังผู้รับซื้อให้มารับเลย เมื่อแจ้งแล้วจะต้องตัดกล้วยให้เสร็จภายในสามวันเพื่อนำส่งขึ้นตู้คอนเทนเนอร์ตามเวลาที่กำหนด

เราต้องทำใส่กล่องเสียบโฟมชั่งน้ำหนัก ขึ้นกล่องแล้วก็ซีนถุงไล่อากาศออกให้หมด แล้วใส่กล่องกล่องละ 10 กิโลกรัม เพื่อที่ลดความเสียหายในการจำหน่ายส่งออกต่างประเทศ ซึ่งลูกค้าหลักคือประเทศจีน มีความต้องการกล้วยหอมคาเวนดิช วันละ 10-20 ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้หนึ่งจะอยู่ที่ 20 กว่าตัน ซึ่งตอนนี้เกษตรกรที่ปลูกกล้วยหอมคาเวนดิชยังมีไม่พียงพอกับความต้องการของตลาดที่รองรับ ทำให้ช่องทางการตลาดของกล้วยหอมคาเวนดิชยังไปได้อีกไกล ซึ่งผลผลิตจากสวนคุณสมชัยที่ส่งขายอยู่ที่ประมาณครั้งละ 4-5 ตัน

ถ้าผลผลิตออกมามากจำนวนได้ตามที่คนรับซื้อต้องการจึงตัดขายส่งขึ้นตู้คอนเทนเนอร์ แต่หากช่วงไหนที่ผลผลิตออกมาน้อยก็จะทำการตลาดขายเอง ส่วนหนึ่งจะขายแบบสุกโดยไปบ่มแล้วก็ขายเป็นหวี เมื่อเราบ่มเสร็จจะขายได้ 25-30 บาทต่อกิโลกรัม น้ำหนักต่อหวีจะอยู่ที่ 2-5 กิโลกรัม

การปลูกกล้วยหอมคาเวนดิชนี้ทำให้สวนของคุณสมชัยเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเพิ่มช่องทางในการทำการตลาดได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นกล้วยตัวใหม่เป็นกล้วยที่แปลก ทั้งรูปลักษณ์ รสชาติ กรรมวิธีในการบ่ม ซึ่งกล้วยตัวนี้จะบ่มไม่เหมือนชาวบ้านเค้า จะมีลักษณะพิเศษถ้าหากจะบ่มด้วยวิธีแบบทั่วไปจะได้แค่ความสุก แต่รสชาติจะไม่ได้ สีสันจะไม่สวย กล้วยหอมคาเวนดิชนี้จะต้องบ่มในห้องแอร์ที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 17% และมีน้ำยาบ่มโดยเฉพาะ

คุณสมชัยยังมีการขยากช่องทางการตลาดในรูปแบบของการแปรรูปผลิตภัณฑ์อีกด้วย ซึ่งกล้วยหอมคาเวนดิชนี้สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายชนิด สิ่งที่คุณสมชัยได้ทำแล้วประสบผลสำเร็จคือ การนำไปทำกล้วยฉาบ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับกล้วยบ้านเราจะแตกต่างกันมาก มีความอร่อยกว่า และไม่เหนียว

สำหรับการแปรรูปจะผลิตออกจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง แต่จะยังขยายเพราะที่ดินมีจำกัดและอยากจะดูแลสิ่งที่มีอยู่ให้มีคุณภาพดีที่สุดต่อไป

คุณสมชัยมีรายได้จากการขายกล้วยหอมคาเดนิช ในราคาชาวสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท น้ำหนักต่อเครือไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม ปัจจุบันนี้สวนคุณสมชัยมีกล้วยหอมคาเดนิช จำนวน 3,000 ต้น จะมีรายได้จากการตัดกล้วยขาย หากคิดจากจำนวนการปลูก 3,000 ต้น มีผลผลิตต้นละหนึ่งเครือ น้ำหนักต่อเครือ 20-50 กิโลกรัม จะมีรายได้จาการขายประมาณ 600,000 บาทอย่างน้อย

คุณสมชัยได้ฝากแนะนำถึงทุกคนที่มีที่ดินที่เหมาะสมที่มีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ว่าอย่ามองข้ามเรื่องของกล้วย แม้จะดูเป็นเรื่องกล้วยๆ แต่เมื่อให้ผลผลิตออกมาแล้ว รายได้ที่ได้มาก็ไม่ใช่แค่เรื่องกล้วยๆแน่นอน


เกียรติประวัติ : รางวัลชนะเลิศ การประกวดเกษตรดีเด่น สาขาอาชีพทำสวน จ.อุบลราชธานี ประจำปี พ.ศ. 2549

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

คุณสมชัย ขยันการ หมู่ 4 ตำบลห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี 34220

กล้วยหอมคาเวนดิช สุดยอดกล้วยให้พลังงานสูง ตลาดต้องการทั่วโลก!! l รักบ้านเกิด



วิธีดูแลกล้วยหอมให้สมบูรณ์ ลูกโต สีสวย ได้ผลผลิตกล้วยมีคุณภาพ l รักบ้านเกิด



เทคนิคปลูกกล้วย ให้ผลสวย หวีสวย ไม่มีแมลงกวน l รักบ้านเกิด

เรื่อง/ภาพโดย: ณัฏฐ์ คำวิชัย ทีมงานรักบ้านเกิด