

"วุฒิชัย ไพรตื่น : เลี้ยงไก่ชีท่าพระ ไก่พื้นเมืองไทย เลี้ยงง่าย โตเร็ว ราคาไม่ตก"

ก็ไม่สำเร็จ


" มัวแต่คิด ไม่ลงมือทำ ก็ไม่สำเร็จ " สิ่งที่คุณวุฒิชัย ได้ใช้ในการดำเนินชีวิต คือ ในการที่คิดอยากจะทำสิ่งใด ถ้ามัวแต่คิดอย่างเดียวไม่ลงมือทำสักที คงไม่เจอความสำเร็จ
คุณวุฒิชัย เป็นคนจังหวัดขอนแก่น จากเดิมประกอบอาชีพในโรงงานอุตสาหกรรมที่จังหวัดลพบุรี แต่ด้วยเกิดความคิดเมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิต มีความเบื่อในการใช้ชีวิตในภาคกลาง จึงมีความคิดว่าควรจะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด เพื่อจะได้ดูแลพ่อแม่ อยากอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า และมาทำอาชีพที่ตนเองรักและมีความถนัด นั่นก็คือการเลี้ยงสัตว์ เพราะตนนั้นมีความรู้จบการศึกษาทางด้านนี้โดยตรง สามารถนำมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับตนเอง และเกษตรกรท่านอื่นได้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้กลับมาประกอบอาชีพในการทำงานใกล้ๆบ้าน และทำฟาร์มเป็ด ฟาร์มไก่ที่บ้านด้วย ซึ่งเป็นการเริ่มต้นพบกับการเพาะเลี้ยงไก่ชี จนมาเป็นรายได้ให้กับครอบครัวอย่างมาก และสิ่งสำคัญที่ได้รับนั้นก็คือ การได้กลับมาอยู่กับธรรมชาติ อยู่กับครอบครัวซึ่งคุณวุฒิชัยบอกว่า มันเป็นความสุขที่มีอย่างมากมายอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ

สิ่งที่คุณวุฒิชัย ได้ใช้ในการดำเนินชีวิต คือ ในการที่คิดอยากจะทำสิ่งใด ถ้ามัวแต่คิดอย่างเดียวไม่ลงมือทำสักที คงไม่เจอความสำเร็จ
คุณวุฒิชัยได้กล่าวว่าการที่ตนตัดสินใจมาเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงเป็ดไก่ที่บ้านนั้น หากเป็นแค่ความคิด คงยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งตนนั้นเมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำเลย โดยเริ่มจากการวางแผน หาความรู้ หาตลาดก่อนที่จะเริ่มเลี้ยง สิ่งสำคัญคือ ใครที่คิดจะเริ่มทำสิ่งใด ต้องถามตัวเองก่อนว่าพร้อมไหม วางแผนก่อนว่าจะต้องทำอะไรก่อน หากคิดเปลี่ยนชีวิตก็ต้องคิดว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องเตรียม ที่เราต้องมีพร้อม อย่าเพิ่งออกมาจากสิ่งเดิมแล้วมาทำเลย ทุกอย่างต้องมีความพร้อม

คุณวุฒิชัย ไพรตื่น เจ้าของฟาร์มไก่ชีท่าพระ พื้นเพเป็นคนหมู่บ้านแจ้งกระหนวน ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเกษตรกรรมเอกสาขาการผลิตสัตว์ และระดับปริญญาโท ทางด้านการจัดการ
ก่อนหน้าที่จะกลับมาทำงานที่บ้านเกิด ได้ไปทำงานอยู่ที่โรงงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร ที่จังหวัดลพบุรี 14 ปี จนวันหนึ่งเกิดความรู้สึกที่ต้องการกลับมาช่วยเหลือที่บ้านและเบื่อความวุ่นวายในเมืองหลวงภาคกลาง ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเรื่องของงานค่อนข้างจะมีรายได้ที่พอตัว แต่จนมาถึงอายุระดับหนึ่ง ประกอบกับตนก็มีที่นา มีไร่ พอที่จะทำการเกษตร จึงคิดว่าควรจะกลับมาประกอบอาชีพในบ้านเกิด กลับไปทำสิ่งที่ตนเองชอบที่ได้เรียนมา ซึ่งก็ทำให้ทางบ้านคุณพ่อคุณแม่มีความดีใจมาก ที่ได้กลับมาดูแลครอบครัว

โดยคุณวุฒิชัยได้กลับมาหางานทำใกล้บ้าน และทำงานที่บ้านไปด้วยซึ่งก็คือความตั้งใจในการทำฟาร์มเป็ด ฟาร์มไก่เล็กๆ และขยายขึ้นไปสู่ฟาร์มใหญ่
คุณวุฒิชัยเริ่มต้นจากการเลี้ยงไก่พื้นเมือง เพราะหาได้ง่ายในพื้นถิ่น ไก่พื้นเมืองของภาคอีสาน ไม่ได้มีชื่อสายพันธุ์ แต่เป็นไก่ที่มีโครงสร้างใหญ่ ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 4 เดือนเศษ น้ำหนักตัวอยู่ที่ 1.2 กิโลกรัม ก็สามารถจับขายได้
การที่เริ่มเลี้ยงไก่พื้นเมืองมาก่อน เพราะเห็นว่าจับขายได้ราคา ใช้เวลาเลี้ยงก็ไม่นานมาก มีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อ แต่ระยะหลัง เริ่มมีเกษตรกรหลายรายหันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองขายเหมือนกัน เส้นทางการค้าที่กำลังทำอยู่ก็ดูว่ามีแนวโน้มจะแคบลง เพราะมีผู้ผลิตมากกว่าผู้ซื้อ

คุณวุฒิชัย เห็นว่าตลาดซื้อขายไก่เนื้อมีมาก แต่มีเกษตรกรที่ผลิตไก่เนื้อชนิดเดียวกันมีมากกว่า จึงมองหาช่องทางอื่นที่แตกต่างออกไป หวังเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับตนเอง จนได้มาพบกับไก่ชี จากศูนย์วิจัยบำรุงสัตว์ท่าพระ ซึ่งกำลังทำการวิจัยเรื่องนี้อยู่
เมื่อศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ท่าพระ เปิดให้สั่งจองพันธุ์ไก่ชี คุณวุฒิชัยจึงเข้าจับจอง และนำมาเลี้ยงในรุ่นแรก 150 ตัว ในราคาตัวละ 15 บาท ไก่ชีที่นำมาเลี้ยง มีความพิเศษตรงที่เลี้ยงง่ายเหมือนไก่พื้นเมืองทั่วไป แต่สามารถจับขายได้เมื่ออายุเพียง 4 เดือน เพราะน้ำหนักจะได้ตามตลาดต้องการ
คุณวุฒิชัยประกอบอาชีพการเพาะเลี้ยงเป็ดไก่ขายทั้งในรูปแบบชั่งกิโล และแบบชำแหละขายตามที่ลูกค้าต้องการ จากความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาทำให้ฟาร์มไก่ของคุณวุฒิชัยเป็นที่ต้องการของพ่อค้าแม่ค้า และลูกค้าทั่วไปเป็นอย่างมาก รวมทั้งการบริการให้กับลูกค้าที่สนใจนำไปเพาะพันธุ์ต่อ จากความใส่ใจดูแลต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณวุฒิชัยประสบความสำเร็จในอาชีพที่รักอย่างแท้จริง

จากความสนใจในการเพาะเลี้ยงไก่จำหน่าย และด้วยความตั้งใจให้ไก่ที่ได้จากฟาร์มมีคุณภาพสมกับที่มีความรู้ในด้านนี้ และด้วยความต้องการของตลาด จึงทำให้คุณวุฒิชัยต้องใส่ใจอย่างมาก
จุดขายของไก่ชี เป็นไก่ที่มีขนสีขาวตลอดทั้งตัว เสมือนแม่ชี จึงเรียกชื่อให้จำง่ายติดปากว่า “ไก่ชี” สีขาวสวยงาม แตกต่างจากไก่พื้นบ้านของไทยทั่วไป เหมือนไก่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่แท้ที่จริงเป็นไก่พันธุ์ไทยแท้ ที่พัฒนามาจากไก่พันธุ์พื้นเมืองจนสายพันธุ์นิ่ง และมีจุดเด่นหลายประการ
ไก่ชี ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาตั้งแต่ปี 2545 โดยศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ท่าพระ จังหวัดขอนแก่น ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับกรมปศุสัตว์ นำไก่พื้นเมืองสายพันธุ์ไทยแท้มาคัดปรับปรุงพันธุ์จนได้สายพันธุ์แท้ เมื่อปี2550 จนเกิดความนิ่ง ทั้งสี การเจริญเติบโต การไข่ และอัตราการแลกเนื้อ มีจุดเด่นคือ รสชาติ มีเนื้อนุ่มตามธรรมชาติของสายพันธุ์ มีคอเลสเตอรอลต่ำ มีโอเมก้า 3 สูง เลี้ยงง่าย ทนโรค เหมาะแก่การเลี้ยงเพื่ออุตสาหกรรม

ปี 2555 กรมปศุสัตว์ นำไก่ชีออกมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จัก และส่งเสริมให้เกษตรกรพื้นที่ภาคอีสานมีการเพาะเลี้ยง ได้แก่ อำเภอเขาสวนกลาง จังหวัดขอนแก่น อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย และอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
จากข้อมูลของการวิจัยไก่ชี พบว่า ไก่ชี มีเนื้อและหนังสีสวย เจริญเติบโตดีกว่าไก่พื้นเมืองทั่วไป ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเลี้ยงในระบบฟาร์มจะมีน้ำหนักตัวมากกว่าไก่พื้นเมืองทั่วไป 20 เปอร์เซ็นต์ ให้ไข่มากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเลี้ยงในหมู่บ้านจะให้ลูกไก่มากกว่าไก่พื้นเมืองทั่วไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเลี้ยงถึง 12 สัปดาห์ จะให้น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม
ไก่ชี ยังสามารถเลี้ยงแบบพื้นบ้านได้แล้วยังมีอัตรารอดสูง มีความเป็นแม่ที่ดี สามารถฟักไข่และเลี้ยงลูกได้เอง เนื้อแน่น นุ่ม โปรตีนสูง ไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำ เมื่อชำแหละไม่มีปัญหาขนหมุดสีดำติดที่ผิวหนัง แข้งมีสีเหลือง จึงเป็นที่ยอมรับของตลาด แม้ว่าจะเปิดตัวมายาวนาน แต่ดูเหมือนเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ชีจะยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร

จากคุณสมบัติที่ดีของไก่ชี ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด คู่แข่งก็ยังไม่สูงมากนัก ทำให้คุณวุฒิชัยมีความตั้งใจที่จะทำให้ไก่ในฟาร์มของตนเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ และเนื่องด้วยคุณวุฒิชัยจบการศึกษาเกี่ยวกับด้านการผลิตสัตว์ จึงได้นำความรู้ที่ได้เรียนมา นำมาใช้ได้เต็ม 100% เพื่อให้ได้ไก่ที่มีคุณภาพ สมบูรณ์ ได้ราคา
สิ่งที่คุณวุฒิชัยนำมาใช้เป็นเทคนิคการเพาะเลี้ยงไก่ชีที่ฟาร์มของตน อย่างแรกเลย คือ เรื่องของการลดต้นทุนอาหาร โดยเน้นอาหารที่มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ใช้หัวอาหารเร่ง
เทคนิคที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เทคนิคในการคัดเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ โดยจะต้องเน้นในความสมบูรณ์ของลูกที่ออกมา หลักๆคือจำนวนพ่อพันธุ์ต่อจำนวนแม่พันธุ์ที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป นั่นคือ พ่อพันธุ์ 1 ตัว ต่อแม่พันธุ์ 5 ตัว

สำหรับเรื่องการตลาดเริ่มแรกเลยจะมีการหาตลาดไว้ก่อนที่จะเริ่มเลี้ยง จะมีพ่อค้าประจำหมู่บ้านที่รับไปชำแหละขาย ในช่วงแรกมีประมาณสองเจ้า ตอนนี้มีพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 10 เจ้า
การผลิตไก่ที่ฟาร์มของคุณวุฒิชัย จะเริ่มตั้งแต่ฟักก็คือตั้งแต่ไข่เลย 21 วัน ก็จะอนุบาลอยู่หนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือนจะปล่อยสี่เดือน แล้วพอสี่เดือนจะเริ่มจากขายเป็นไก่เนื้อ ส่วนตัวไหนที่สวยจะขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ แล้วแต่ลูกค้าจะสั่งจะมีการโพสต์อัพเดทบนเฟสบุ๊ค แจ้งว่ามีไก่สาวเรามีไก่พ่อแม่พันธุ์ มีลูกไก่ มีไก่ชำแหละ
ส่วนออร์เดอร์ที่เป็นการสั่งแบบชำแหละ จะจัดสรรจำหน่ายตามออเดอร์ของลูกค้าทันที หากลูกค้าสั่งมาก็จะชำแหละไปส่งให้ซึ่งจะสะดวกและรวดเร็ว ถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าจะมาคอยเฝ้าตลอด เพื่อจะได้ทราบว่าไก่เราพอจะเริ่มขายได้หรือยัง เมื่อถึงเวลาที่พอขายได้แล้วพ่อค้าแม่ค้าจะมารับซื้อ
ในส่วนของเรื่องราคาขายถ้าเป็นไก่บ้านชำแหละจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท ถ้าไก่เป็นตัว ราคาส่งกิโลกรัมละ 90 บาท จะตรึงราคานี้ถึงตลาดราคาจะขึ้นหรือลง ก็ตั้งประธานนี้ไว้เลย ส่วนเป็ดจะขายเป็นตัว ตัวละ 250 บาท ถ้าชำแหละ ตัวละ 300 พร้อมส่งถึงบ้าน
รวมถึงยังมีการขายลูกพันธุ์ตัวละ 25 บาท ถ้าฟักกออกถ้าลูกค้าสนใจ จะขายตัวละ 25 บาท ส่วนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ตัวละ 250 บาท ไก่ชีท่าพระกำลังเป็นกำลังขึ้นสาว ขายอยู่ที่ ราคา 200 บาท ถ้ากำลังจะเริ่มไข่หกเดือน ราคา 250 บาท จะสามารถไปไข่ได้เลย

อีกหนึ่งช่องทางการตลาด ณ ตอนนี้จะมีเครือข่ายขนาดเล็ก มีคนรู้จักกันนำลูกไก่ไปเลี้ยง เมื่อกลุ่มแรกนำไปเลี้ยงก็จะมีการขยายต่อในกลุ่มเครือข่ายญาติ สอบถามถึงพันธุ์ที่นำมาเลี้ยงก็จะเป็นการบอกต่อ เมื่อจำหน่ายไปแล้ว จะมีการเข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อแนะนำเรื่องโรค เรื่องโรงเรือน เรื่องการจัดการ หรือบางคนสนใจอยากได้ตู้ฟักก็มาจะให้ความรู้กับลูกค้าด้วย ว่าตู้ฟักไข่จะทำอย่างไร ซึ่งการทำตู้ฟักไข่นั้นคุณวุฒิชัย ได้นำความรู้มาใช้ ประกอบกับประสบการณ์ผลิตขึ้นมาเอง ทั้งฟักไข่เอง ทำข้ออนุบาลเอง ดูแลเองหมด ราคาตู้จริงตู้ฟักไข่อัติโนมัติ อยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท แต่คุณวุฒิชัยสามารถผลิตตู้ฟักไข่ โดยใช้ต้นทุนเพียง 3,000 บาท ก็ได้ตู้ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับตู้ฟักไข่อัตโนมัติที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งก็เป็นจุดขายที่สามารถต่อยอดการตลาดให้มีเครือข่ายที่มากขึ้นจากการใส่ใจในลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ตลาดของไก่ชีท่าพระยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ซึ่งตอนนี้พ่อค้า แม่ค้ามีจำนวนมากกว่า จำนวนฟาร์มที่ผลิต ซึ่งตอนนี้จะต้องมีการกระจายแบ่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าเจ้าละเท่าๆกัน เพื่อที่จะรักษาน้ำใจลูกค้าให้อยู่กับเรา
ปัจจุบันคุณวุฒิชัย มีรายได้หลังหักต้นทุนทุกอย่างแล้วประมาณ 15,000 ต่อเดือน ก็สามารถอยู่ได้ เพราะว่าคุณวุฒิชัยยังมีรายได้หลักจากการทำงานประจำด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นรายได้เสริมที่ไม่ธรรมดาเลย จากการเลี้ยงขายเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และที่สำคัญคือจากเดิมก่อนที่จะกลับมาอยู่บ้าน ทางครอบครัวพ่อแม่ไม่มีรายได้หลักแบบนี้เลย คุณวุฒิชัยสามารถกลับมาทำให้ครอบครัวมีรายได้ในทุกเดือน และทุกคนก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบาย
คุณวุฒิชัย ไพรตื่น บ้านแจ้งกระหนวน ต.โคกสําราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น 40110


