

"พยุง หนูแย้ม : กลั่นกลิ่นหอมจากดอกจำปี เพิ่มมูลค่ามหาศาล"

อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา


นอกจากปลูกจำปีเพื่อขายตามปกติแล้ว คุณพยุงยังนำจำปีที่ได้มาสกัดเป็นหัวน้ำหอม โดยมีการจัดตั้งกลุ่มชื่อว่า ‘กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกจำปีหนองแขม’ ซึ่งนอกจากนำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอมแล้ว ก็ยังนำไปเป็นส่วนผสมในแชมพู ครีมอาบน้ำ โคโลญจน์ สบู่ สมุนไพรไล่ยุง และบ้างก็นำไปใส่ในเบเกอรี่ให้มีกลิ่นหอม ทำให้เบเกอรี่เป็นที่ติดใจของผู้บริโภค ซึ่งก็สามารถสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวและสมาชิกของกลุ่มได้มากขึ้น และตอนนี้คุณพยุงก็มีโครงการจะนำจำปีไปเป็นส่วนผสมของน้ำมันนวดสปา รวมถึงการส่งออกน้ำหอมกลิ่นจำปีไปเมืองนอกอีกด้วย

จากการปลูกจำปีไปศึกษาไปก็พบว่าการปลูกจำปีไม่ต้องไว้ต้นให้สูงใหญ่อย่างในสมัยก่อน ซึ่งแบบนั้นอาจทำให้ได้ดอกช้า ซึ่งคุณพยุงพบวิธีนี้ด้วยความบังเอิญจากการฟันกิ่งที่มีหนอนทิ้งแล้วสังเกตว่าต้นมันแตกกิ่งใหม่แล้วให้ดอกดกและเร็วขึ้น จากนั้นก็ลองฟันอีก 2-3 ต้น ปรากฏว่าได้ผลเหมือนกัน จากนั้นมา พอต้นไหนสูงเกินหัวเก็บดอกยากจะตัดทิ้งทั้งหมด ตอนนั้นใครมาเห็นเขาก็ว่าบ้า ตัดหมดแล้วจะเอาดอกจากที่ไหน แต่ปรากฏว่าได้ดอกเยอะ ไป ๆ มา ๆ ก็เลยฟันต้นตามกันหมด ก็เลยมีจำปีขายอย่างพอเพียง แถมยังสามารถต่อยอดทำหัวน้ำหอม ทำโคโลญจน์ แชมพู ยาสระผม สบู่ สปาสมุนไพรไล่ยุง และอนาคตก็จะทำน้ำมันนวดในสปาและจะส่งหัวน้ำหอมออกนอกอีกด้วย

คุณพยุงเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวชาวสวน พออายุได้ 11 ปี คุณพ่อเสียชีวิต ภาระดูแลลูกหกคนจึงตกที่คุณแม่ คุณพยุงจึงตัดสินใจออกจากโรงเรียนมาทำงานช่วยแม่ส่งน้องๆ เรียน โดยทำสวนผักของครอบครัวควบคู่ไปกับการทำงานก่อสร้าง ซึ่งสมัยนั้นได้ค่าจ้างวันละ 15 บาท 20 บาทแค่นั้น และวันไหนที่ว่างๆ ก็รับจ้างทำสวนของชาวบ้านด้วย คุณพยุงทำสวนผักของตัวเองอย่างทุ่มเทและใส่ใจจนเรียกได้ว่ารู้ถึงจิตใจของผักต่างๆ ว่าผักชนิดนี้ชอบอะไร ชอบน้ำขนาดไหน แล้วเขาจะดำรงชีวิตให้ปลอดภัยได้อย่างไร และจะปลอดภัยจากสารพิษได้อย่างไร เรียกได้ว่าทุ่มเทเอาใจใส่จริงๆ

ตอนหลังเมื่อครอบครัวตัวเองขยายขึ้น คุณพยุงก็ต้องมองหาพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นมาปลูกเพิ่ม ก็มาลงตัวที่มะลิ ซึ่งก็สามารถเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวได้จริงๆ แต่การปลูกมะลิก็มีปัญหานั่นคือจะมีแมลงรบกวนมาก จึงต้องใส่ยาฆ่าแมลงแบบวันเว้นวัน สิ่งที่ตามมาคือสุขภาพคุณพยุงและคนในครอบครัวเริ่มไม่ไหว จึงจำต้องหยุด ประกอบกับช่วงนั้นมีโรงงานเข้าไปตั้ง ชาวบ้านซึ่งทำนาเป็นส่วนมากก็ขายที่และไม่ทำนาอีกต่อไป แต่ไปทำโรงงานแทน พวกฟางที่เคยซื้อจากชาวนามาปิดทับต้นกล้าผักก็ไม่มีอีกต่อไปแถมยังไม่มีคนมารับจ้างคุณพยุงเก็บผักอีกด้วย คุณพยุงจึงมองหาพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และเนื่องจากขายมะลิให้กับพวกค้าแม่ค้าที่ร้อยพวงมาลัยขาย จึงเห็นว่ามีการใช้ดอกจำปีประกอบมาลัยด้วย จึงเริ่มสนใจที่จะปลูกดอกจำปีแทน เพราะคิดว่าลงทุนครั้งเดียวก็เก็บกินได้ยาวเลย

แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่คาดหวังไว้ เพราะตอนแรกๆ ก็ไม่เข้าใจต้นจำปี ทำให้บางต้นยืนตาย ไม่แตกใบไม่ออกดอก บางต้นก็ใบร่วงหมด คุณพยุงจึงทำการวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากอะไร แต่จนแล้วจนรอดก็หาสาเหตุไม่เจอ เพราะก็ใส่ปุ๋ยรดน้ำตามที่ได้รับคำแนะนำมา จนครั้งหนึ่งคุณพยุงตัดสินใจขุดล้อมโคนต้นดู ก็ยังไม่พบปัญหาอะไร ปีต่อมาคุณพยุงก็ตัดสินใจขุดล้อมอีก คราวนี้จึงพบว่าตัวปัญหานั่นคือไส้เดือน เนื่องจากดินบริเวณนั้นเป็นดินเหนียว แล้วไส้เดือนเป็นเมือกๆ พอเขาด้นๆ ไปดินก็จะเป็นรูเล็กๆ เวลาฝนตกลงมามันเหมือนโอ่งน้ำที่เก็บน้ำ พอน้ำขังน้ำระบายไม่ได้ จะทำให้รากเน่า ก็ต้องกำจัดไส้เดือนก่อนโดยการใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งก็ใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากไส้เดือนแล้ว ปัญหาของจำปีอีกอย่างก็คือเพลี้ยอ่อนเพลี้ยไฟชอบกินที่ใบอ่อน พอเพลี้ยลงเยอะทำให้ไม่ออกดอก นอกจากนี้ก็ยังมีหนอนชอนใบซึ่งจะมีช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นปัญหากับจำปีอีกด้วย แต่ก็สามารถจำกัดได้ด้วยการใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งก็ใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

เมื่อทำความเข้าใจจำปีแล้ว การปลูกจำปีขายจึงเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยคุณพยุงกับเพื่อนบ้านที่ปลูกจำปีด้วยกันจะไปเช่าแผงขายจำปีกันเองที่ตลาด ตอนหลังมีการปลูกจำปีเพิ่มมากขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกัน ทำให้บางปีราคาจำปีก็ตกต่ำทำให้รายได้ลดลง ในขณะที่บางเดือนนั้นก็ไม่มีจำปีขาย เนื่องจากจำปีไม่ได้ออกดอกตลอดปี คุณพยุงก็ค้นพบภูมิปัญญาการตัดแต่งกิ่งเพื่อเร่งดอกโดยบังเอิญ ซึ่งตอนแรกมีแต่คนมองว่าบ้า ไปตัดกิ่งแบบนั้นจะออกดอกได้อย่างไร แต่ปรากฏว่า จำปีกลับออกดอกและสามารถขายในช่วงเดือนที่ตามปกติแล้วจะไม่ออกดอกได้ และสามารถกำหนดราคาจำปีได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น คุณพยุงมีความคิดริเริ่มที่จะจัดตั้งกลุ่มผู้ปลูกจำปีขึ้น โดยคิดว่าเมื่อรวมตัวเป็นกลุ่ม อาจจะนำจำปีไปต่อยอดได้มากขึ้น ซึ่งก็ทำได้จริงๆ นั่นคือการนำจำปีมาสกัดเป็นหัวน้ำหอม โดยได้เจ้าหน้าที่เกษตรช่วยนำจำปีไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยจากดอกจำปีได้ เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของกลุ่มคือ “น้ำหอมจำปี (Jumpee)” โดยใช้เครื่องกลั่นจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้เยอะ และได้น้ำหอมมีคุณภาพ

จุดเด่นของน้ำหอมจำปี คือความหอมที่มาจากธรรมชาติแท้ๆ เสมือนได้ดมกลิ่นจากดอกไม้จริงๆ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่หลงในเสน่ห์ความหอมสดชื่นของดอกจำปี น่าจะชอบน้ำหอมจำปีนี้ นอกจากนี้ก็มีลูกค้ามารับหัวน้ำหอมไปผสมเป็นพวกโคโลญจน์หรือแป้ง ส่วนน้ำกลั่นก็นำมาทำเป็นพวกแชมพู ครีมอาบน้ำ เพื่อจำหน่ายตามหน่วยงานราชการหรือออฟฟิศต่างๆ จนตอนหลังคนก็เริ่มรู้จักกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกจำปีหนองแขมมากขึ้น เวลามีอีเวนท์หรืองานโอท็อปต่างๆ จะมีคนมาเชิญไปออกงาน ก็ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกวันนี้ทางกลุ่มฯ ก็มีสินค้าที่ทำจากดอกจำปีเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสบู่ สมุนไพรไล่ยุง และอื่นๆ อีกมากมาย โดยในอนาคตคุณพยุงคิดจะทำน้ำมันนวดสปาเพิ่มอีกทางหนึ่งด้วย

เนื่องจากจำปีไม่ได้ออกดอกตลอดปี ในขณะที่ความต้องการใช้ดอกจำปีมีอยู่ตลอดเวลา คุณพยุงและ ‘กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกจำปีหนองแขม’ จึงต้องหาวิธีทำให้จำปีออกดอกได้ให้ทันความต้องการ ซึ่งทำให้สามารถกำหนดราคาได้ นั่นก็คือใช้เทคนิคการตัดแต่งกิ่ง นอกจากนี้ยังสามารถนำดอกจำปีไปต่อยอดทำหัวน้ำหอมได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับคุณพยุงและเหล่าสมาชิก
คุณพยุง หนูแย้ม บ้านเลขที่ 31ซอยต้นสน (ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งใต้) หมู่ที่ 2 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร 10160 (กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกจำปีหนองแขม Line : 0860909608)


