

"อัครพันธุ์ จันทร์หอม : เกษตรกรรุ่นใหม่ สร้างรายได้ด้วยมะพร้าวน้ำหอม"

ต้องรักและใช้ใจ
ถ้าใจไม่รัก ก็ไม่สำเร็จ

การได้กลับมาทำงานที่สวนที่เขาเติบโตมา ถือเป็นความสุขอย่างยิ่ง สุขที่ได้อยู่ท่ามกลางพื้นที่ที่พ่อแม่สร้างจนส่งเสียลูกทุกคนให้เรียนจบได้ สุขที่การทำงานของเขาไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ ไม่ต้องลงทุนอะไร เพราะพ่อกับแม่ปูทางไว้ให้แล้ว เขาแค่เอาแรงมาทำ เอาประสบการณ์ใหม่ๆ มาร่วมสร้างเสริมงานที่พ่อแม่ทำมาแต่เดิม นอกจากนั้น การทำงานที่บ้าน ให้อิสระเรื่องเวลาแก่เขาอย่างแท้จริง เขาอยากทำเวลาไหนก็ทำ ขอให้จัดสรรเวลาให้ได้ ให้การเก็บพืชผลไม่เสียหายเท่านั้น บางวันขี้เกียจไม่อยากไปทำ ก็นอนอยู่บ้าน วันไหนเราอยากทำก็ไปทำ อยากไปไหนก็ไปได้ตามใจเรา และนี่คือ "ความสุขอย่างแท้จริง"
เมื่อนึกถึงตอนเป็นเด็ก ตั้งแต้แต่เล็ก คุณอุ้มก็เห็นตัวเองวิ่งเล่นอยู่ในสวน ห้องนอนของเขาจะอยู่ติดสวน ตื่นเช้ามาเปิดม่านก็เจอสวน เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ช่วยทำงานมาตั้งแต่เด็ก ภาพเหล่านี้คือความเคยชิน และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้ในช่วงวัยรุ่น เขาก็ไม่ชอบไปเที่ยวไหน ถ้าพ่อแม่ไม่ไป เขาก็ไม่ไป ถ้าไปเที่ยวก็คือไปกับครอบครัว สำหรับเขาแล้วไปกับพ่อแม่สบาย แต่ถ้าไปคนเดียวเปลืองสตางค์ แต่ช่วงเวลาที่เขามาช่วยพ่อแม่จริง ๆ จัง ๆ ก็คือช่วงหลังจากที่กลับมาจากเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากนั้น เขาก็ทำงานที่สวนเต็มตัว
การมาทำงานที่สวนของเขาเป็นความภูมิใจ เพราะพ่อแม่ไม่ได้มีความรู้อะไร แต่สามารถส่งเสียพี่สาวเขาจนจบวิศวกรรมศาสตร์ได้ พี่อีกคนเป็นรองผู้จัดการ ตัวเขาก็เรียนจบระดับหนึ่ง ทั้งหมดเกิดจากสวนพุทราแห่งนี้ จนกระทั่งเขากลับมาก็เริ่มทำสวนมะพร้าว
การกลับมาทำงาน ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ ไม่ต้องลงทุนอะไร เพราะพ่อกับแม่ลงทุนไว้ให้แล้ว เขาแค่เอาแรงมาทำ เอาประสบการณ์ที่มีมาแบ่งปันกับพ่อ และการทำงานของเขาก็มีพ่อแม่คอยแนะนำอยู่ สงสัยอะไรก็ถามได้ เขามีความรู้อะไรใหม่ ๆ ก็เอามาประยุกต์ใช้เท่านั้นเอง
นอกจากนั้นการทำงานที่บ้านก็มีอิสระเรื่องเวลา อยากทำแค่ไหนก็ทำแค่นั้น บางวันขี้เกียจไม่อยากไปทำ ก็นอนอยู่บ้าน วันไหนเราอยากทำก็ไปทำ หรือว่าช่วงนี้ร้อนก็ทำแต่เช้า พอสายหน่อยก็เลิกได้และเข้าไปทำตอนเย็นๆ อยากไปไหนก็ไปได้ตามใจเรา
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เห็นคุณอุ้มแล้วอยากเลียนแบบ อยากกลับบ้านไปทำการเกษตรบ้าง คุณอุ้มแนะนำว่าให้ถามใจตัวเองก่อนว่ารักที่จะทำรึเปล่า ถ้าใจเราไม่รัก แค่จะกลับมาอยู่บ้าน อย่าทำ มันอยู่ที่ใจของเราว่าเรารักที่จะทำหรือเปล่าเท่านั้น แต่ถ้าทำเพราะว่ามีสถานการณ์บังคับ ขอแนะนำว่าอย่าทำ มันไม่ใช่ชีวิตของเรา ไม่ได้อยู่ในสายเลือด อยู่ในใจ จะทำให้ไม่มีความสุข อย่าไปฝืน ยิ่งฝืนยิ่งไม่มีความสุข
และนี่คือคำที่เขาใช้ในการดำเนินชีวิต เขากลับมาทำงานที่สวนของพ่อเพราะเขารัก และภูมิใจในมัน
เป็นที่ๆ เขาคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เป็นที่ๆ สร้างชีวิตให้เขาเติบโตขึ้นมา
และเพราะรักเขาจึงกลับมาสานต่องานที่พ่อทำ และตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากชีวิตวัยเด็กที่มองลงมาที่ลานบ้านก็เห็นกองพุทราอยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณอุ้ม - อัครพันธ์ จันทร์หอม จะเรียนจบแล้วไม่คิดไปทำงานที่ไหน
คุณอุ้มจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุพรรณบุรี หลังจากนั้นก็ไปเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อยู่ 1 ปี ช่วงนั้นคุณแม่ป่วยจึงเลิกเรียนและกลับมาอยู่บ้าน มาช่วยพ่อทำสวน ตอนนั้นยังเป็นสวนพุทราอยู่ มีอยู่ทั้งหมดเลย 30 ไร่ แต่เนื่องด้วย สวนพุทราใช้แรงงานเยอะ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะทำกันเองในครอบครัว จึงแบ่งครึ่งหนึ่งมาทำสวนมะพร้าว เก็บสวนพุทราไว้ครึ่งหนึ่ง คือ 15 ไร่
เหตุที่ทำสวนมะพร้าวเพราะใช้แรงงานไม่เยอะ ดูแลไม่ยาก ลงทุนน้อย อีกอย่างคือคุณลุงของคุณอุ้มก็ทำมะพร้าวอยู่ที่สมุทรสาคร และพ่อก็เป็นคนสมุทรสาครด้วย และเมื่อหันมาดูราคาตอนนั้น ก็ถือว่าราคาค่อนข้างดี ก็เลยแบ่งครึ่งหนึ่งมาทำสวนมะพร้าว โดยไปเอาพันธุ์มาจากบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ไปดูจนถึงแหล่งที่เพาะต้นว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้พันธุ์แท้ จะได้ผลผลิตเต็มที่ และไปศึกษาถึงเกษตรที่เขาปลูกอยู่จริงว่าต้องปลูกอย่างไร ดูแลอย่างไร แล้วก็มาประยุกต์ใช้กับพื้นที่อ่างทอง เพราะดินแต่ละที่ไม่เหมือนกัน
และเมื่อมาทำสวนมะพร้าว ปัญหาที่เจอ คือ ด้วงจะมากัดยอดหรือแมลงทำมะพร้าวยอดขาด ยอดขาดเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น จึงต้องดูแลรักษาไม่ให้มีแมลงมากัดยอด ไม่มีด้วงอะไรพวกนี้ แล้วหญ้าที่ขึ้น ทางคุณอุ้มก็จะไม่ฉีดสารกำจัดพืช แต่จะใช้วิธีการตัด เพื่อที่จะเอาหญ้าที่ตัดนั้นไปเป็นปุ๋ย และเพื่อเป็นการรักษาหน้าดินด้วย
มะพร้าวที่ปลูกคือ มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์ก้นจีบ จุดเด่นของเขาคือลูกใหญ่กว่าพันธุ์อื่น แล้วก็หวานหอมกว่า คนจะนิยมกว่า เริ่มปลูกที่ 700 ต้น บนพื้นที่ 15 ไร่
เนื่องจากครอบครัวจันทร์หอมทำสวนกันเอง ไม่ได้จ้างใคร การจะลงพืชชนิดใดจึงต้องนึกถึงแรงงานเป็นสำคัญ การนำมะพร้าวมาปลูกก็เช่นกัน เพราะมะพร้าวปลูกง่าย ดูแลง่าย คุณลุงทำอยู่แล้ว มีอะไรก็ปรึกษาได้ ก็เลยตัดสินใจทำ เพราะเป็นงานที่ไม่หนัก ทั้ง 700 ต้นที่ปลูก คุณอุ้มดูแลเองทั้งหมด แต่ก็ถือว่าไม่ใช่งานหนักอะไร พันธุ์ก้นจีบที่ใช้ ก็ให้ผลดี ทั้งหอมหวานและลูกใหญ่
ที่สวนมะพร้าวจะปลูกเป็นร่องน้ำ เพราะสะดวกในการขนย้าย การรดน้ำ ให้น้ำ การขุดร่องก็จ้างรถแม็คโครมาขุด แต่ต้องคอยดูว่าแต่ละร่องห่างเท่าไหร่ ความกว้างที่คุณอุ้มวางไว้ 50x20 เมตร แต่ตอนนี้อาจจะกว้างกว่าตอนขุดครั้งแรก เพราะมันพัง เป็นเรื่องปกติว่าต้นมะพร้าวจะใหญ่กว่าราก มันจะคุ้มร่องทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้พังมาก มันขึ้นอยู่กับว่าเมื่อขุดเสร็จเราใส่น้ำไว้เท่าไหร่ เราต้องรักษาระดับน้ำเอาไว้ ถ้าปล่อยให้มันแห้งบ้าง ท่วมบ้าง พังแน่นอน ต้องคอยดูระดับ รักษาระดับน้ำไว้ เพราะมะพร้าวน้ำเยอะมากก็ไม่ดี น้ำน้อยมากก็ไม่ดี ต้องอยู่ในระดับของเขา คือเกือบเต็ม ห่างจากขอบสักประมาณคืบหนึ่งหรือฝ่ามือหนึ่ง สวนคุณอุ้มได้น้ำจากคลองส่งข้างหน้า ส่วนข้างหลังจะเป็นคลองทิ้ง ถ้าด้านหน้าแห้ง จะมีคลองด้านหลังเอาไว้สูบน้ำได้ น้ำด้านหน้าจะสูงกว่าทางข้างหลัง
การดูแลดินนั้น คุณอุ้มว่าต้องปรุงดิน เพราะอยู่ไกลทะเลสมุทรสาครที่เดิมของเขามีน้ำกร่อยมาช่วย แต่ที่นี่ไม่มี เขาเลือกใช้เกลือ ไม่ก็ขี้นกกระทา ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าใส่ขี้นกกระทาจะไม่ใส่เกลือเพราะมันเค็ม ดินจะค่อนข้างเค็มไป แต่คุณอุ้มจะใช้สลับกัน ถ้าใช้เกลือ 1 ไร่จะใช้เกลือ 1 กิโลกรัม ปีหนึ่งใส่หนหนึ่งเท่านั้น ถ้าใส่เกลือจะได้ความเค็ม แต่ถ้าใส่ขี้นกกระทา จะได้สารอาหารช่วยบำรุงต้น คุณอุ้มจะไม่ใช้สารเคมีมาก เพราะถ้าใช้สารเคมีมาก มันจะถูกดูดซึมเข้าไปอยู่ในลูกมะพร้าว ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้บริโภค คุณอุ้มจะทำทุกอย่างเสมือนตัวเองกินเอง นอกจากนั้นก็มีใส่ปุ๋ยคอก ฉีดยาตอนที่มีหนอนหัวดำระบาดแล้วก็มีด้วงกัดยอด นานๆ เดือนสองเดือนจะฉีดสักครั้ง แต่ฉีดสารที่เป็นสารขับไล่ ไม่ใช้สารที่เป็นสารดูดซึมเด็ดขาด
พอขุดร่องเสร็จ ตอนนั้นยังทำมะพร้าวไม่ได้ คุณอุ้มก็ปลูกคะน้า ตรงหลังร่องเลย ทำทั้งหมดเลย 15 ไร่ ปลูกคะน้าอย่างเดียวเลย เมื่อมะพร้าวเริ่มมา ก็เริ่มปลูกผัก ปลูกแค มะเขือพวง มะเขือเปราะ ถั่วพู แค่ดอกแคปีเดียวรายได้ถึงหลักแสนตอนนั้นกิโลกรัมละ 20 บาท คุณอุ้มเก็บขายที่ตลาดอ่างทองวันละ 100 กว่ากิโล
ส่วนมะพร้าวนั้น เมื่อเริ่มให้ผล ตอนแรกเลยคุณอุ้มให้พ่อค้าคนกลางมาตัดก่อน แต่เขากดราคามาก เขาซื้อจากสวนลูกละ 2 บาท แต่เขาเอาไปขาย 17-18 บาท คุณอุ้มเลยสังเกตว่าเขาตัดยังไง พอปีถัดไปก็ตัดเองแล้วเอาไปขายที่ตลาดไท เลยได้ขายที่ตลาดไทเป็นหลัก เพราะมีเท่าไหร่ เขารับซื้อทั้งหมด และตอนนี้ก็มีไปขายที่ตลาดศรีประจันต์ด้วย ตอนนี้เขาตัดขายวันเว้นวัน วันละ 1,500 ลูก ที่ต้องตัดวันเว้นวันเพราะตัดไม่ทัน เขาทำคนเดียว ในการตัดเขาแบ่งเป็น 2 ล็อค ล็อคบนกับล็อคล่าง แล้วเวลาตัดแต่ละล็อค เขาก็จะแบ่งครึ่งอีก แบ่งออกเป็น 4 ซอย เพื่อให้ตัดง่าย ซึ่งมะพร้าวจะให้ผลทั้งปี ช่วงหน้าฝนจะออกมากที่สุด แต่ช่วงหน้าร้อนราคาจะสูง เพราะผลผลิตน้อย เคยขายส่งออกจากสวนได้ราคา 20-25 บาทเลยทีเดียว
มะพร้าวที่ปลูกจะเริ่มให้ผลตอน 2 ปี 8 เดือน รสชาติจะหวาน ตอนนี้คุณอุ้มปลูกเข้าปีที่ 7 แล้ว ตอนนี้ต้นพันธุ์ราคาแพงขึ้นมาก ตอนเริ่มปลูกซื้อมาต้นละ 20 บาท ตอนนี้ราคา 120 บาท
ทางด้านการตลาด เขาไม่ได้การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียเลย แต่จะมีผู้ใหญ่นวลจันทร์พาคนมาเยี่ยมชม ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว
นายอัครพันธ์ จันทร์หอม
ที่อยู่ บ้านเลขที่ 10 หมู่ 5
ต.สามโก้ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง


